วันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทย ร่วมกับคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) จัดกิจกรรมรณรงค์ "มีเอชไอวีก็เรียนได้ ทำงานได้" หยุดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี เริ่มที่เรา... เราทำได้ บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต เนื่องในวันเอดส์โลก
ในการนี้ นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ ได้เรียกร้องทุกภาคส่วนหยุดละเมิดสิทธิ หยุดการตีตรา และเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ ให้เป็นศูนย์ โดยขอให้ 1.หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนทุกแห่งต้องไม่บังคับตรวจเลือดเอชไอวีทั้งก่อนและระหว่างการทำงาน 2.สถาบันการศึกษาทุกแห่งต้องไม่ใช้เหตุผลของการมีเชื้อเอชไอวีมาลิดรอนสิทธิด้านการศึกษา และต้องไม่บังคับตรวจเลือดเอชไอวีไม่ว่าในกรณีใดทั้งสิ้น 3.รัฐบาลต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจในการป้องกันการรับและถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่ผลักภาระให้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ เพียงลำพัง รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์
ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยจัดตั้งหรือส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ที่ต้องการ "ลดให้เป็นศูนย์" ทั้งในด้านการตีตราเลือกปฏิบัติ การรักษา และการป้องกัน โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน ซึ่งมาตรการเร่งด่วนคือ การจัดบริการเพื่อลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดที่รอบด้าน และขยายการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีในระบบประกันสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ
"การบังคับตรวจเลือดเอชไอวี เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งจากการสำรวจข้อมูล ผู้ติดเชื้อฯ ร้อยละ 47.21 เคยถูกละเมิดสิทธิในฐานะที่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 26.18 เคยถูกปฏิเสธการจ้างงาน และร้อยละ 32.19 เคยสูญเสียงานและรายได้เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีฯ โดยที่เหตุการณ์การละเมิดสิทธิแบบนี้ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง" ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ กล่าว
วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17:44:46 น. มติชน
