ผู้เขียน หัวข้อ: สปสช.เผยภาค ปชช.ขอมีส่วนร่วมลดเหลื่อมล้ำ 3 กองทุน  (อ่าน 619 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 15 มกราคม 2556 00:00:24 น.
น.พ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้านการแพทย์ทางเลือก และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้ให้บริการสาธารณสุข เกี่ยวกับการดำเนินการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปี 2555 ในรูปแบบสมัชชาพิจารณ์ระดับภาค ทั้ง 4 ภาค ภาคละ 1 จังหวัด ตั้งแต่พฤษภาคม-กันยายน 2555 ที่ผ่านมา พบว่า จากผลการรับฟังความเห็นมีประเด็นที่ผู้เข้าร่วมทั้งภาคประชาชนและหน่วยบริการมีข้อเสนอที่หลากหลายประเด็น โดยเฉพาะภาคประชาชนมีข้อเสนอ ในเรื่องที่ใกล้ตัวคือ เรื่องสิทธิประโยชน์ มีข้อเสนอให้เพิ่มการรักษารากฟันในทุกกลุ่มอายุ ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการคลอดบุตร หรือการตรวจดีเอ็นเอเพื่อทราบสถานะบุคคล ตลอดจนให้ทุกกองทุนสุขภาพภาครัฐอีก 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการข้าราชการ กองทุนประกันสังคม มีระบบการเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้น หรือมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขณะเดียวกัน ยังได้เสนอให้มีเครื่องช่วยคนพิการ เช่น ที่นอนลม ผ้าอ้อม การตรวจสุขภาพประจำปีทุกโรค เช่น คัดกรองภาวะเสี่ยงในกลุ่มแรงงานนอกระบบ และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาแรงงานต่างด้าวด้วย

 
น.พ.จรัล กล่าวว่า ในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานนั้น ในส่วนของผู้ให้บริการมีข้อเสนอให้ทบทวนตัวชี้วัด หรือเกณฑ์ประเมินคุณภาพและมาตรฐานบริการที่ง่ายและเหมาะสม พร้อมทั้งเสนอให้ใช้มาตรการด้านการเงินอย่างเข้มงวดในการผลักดันให้หน่วยบริการปรับปรุงมาตรฐาน ขณะที่การส่งต่อและการประสานหาเตียงให้ผู้ป่วยใน รพ.รัฐยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยเสนอให้ สปสช.ควรจัด รพ.เอกชนทุกแห่งเข้าร่วมโครงการได้ด้วย

สำหรับในเรื่องการเงินการคลังนั้น ผู้ให้บริการมีข้อเสนอให้เพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัว และขอให้มีการทบทวนงบรายหัวคงที่ 3 ปี เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการของหน่วยบริการได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการจัดสรรเงิน ขอให้เน้นการสร้างความเป็นธรรมลงไปถึงระดับพื้นที่ทั้งอำเภอ หรือแม้แต่หน่วยบริการขนาดเล็กด้วย และข้อเสนอยังรวมถึงขอให้มีการทบทวนการหักเงินเดือนของจังหวัดที่มีข้าราชการน้อยไปช่วยจังหวัดที่มีข้าราชการมาก ควรให้มีการเบิกจ่ายสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และมีการเตรียมการด้านการเงินเพื่อรองรับอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งจะต้องมีการเตรียมพร้อมในการรองรับ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการในอนาคต รวมทั้งให้มีการปรับระบบการจ่ายล่วงหน้าให้มากขึ้น และควรมีการตั้งกองทุนสำรองระดับเขต เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของหน่วยบริการ แก้ไขให้งบเหมาจ่ายไม่รวมเงินเดือน พัฒนาการเรียกเก็บเงินชดเชยค่าบริการผ่านระบบดีอาร์จี