ผู้เขียน หัวข้อ: รพ.ศิครินทร์ชี้แจงไม่ได้เบี้ยวจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน 6 หมื่นบาท  (อ่าน 1066 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม   11 มีนาคม 2556 16:26 น.   

   



คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

น.ส.ศศณฉ เตียวสวัสดิ์ อายุ 15 ปี และนายวิวิทวิน เตียวสวัสดิ์ อายุ 44 ปี สองพ่อลูกได้เดินทางมาร้องเรียนกับนสพ. ASTV.ผู้จัดการรายวัน กรณีโรงพยาบาลศิครินทร์ บางนา เบี้ยวจ่ายเงินคืนค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินที่ได้รับจากสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)เป็นจำนวน 60,672 บาท




ใบรับรองแพทย์จาก รพ.ศิครินทร์ยืนยันว่าเป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหากไม่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิต


   
สองพ่อลูกหอบเอกสารหลักฐานร้องเรียน ASTVผู้จัดการ ถูกโรงพยาบาลศิครินทร์ บางนาเบี้ยวจ่ายเงินคืนค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพแห่งชาติ กว่า 6 หมื่นบาท พร้อมแฉร้องเรียนพิธีกรเล่าข่าวโทรทัศน์ชื่อดังแต่ถูกขอเงินหมื่นแลกการลงข่าว ด้านโรงพยาบาลชี้แจงความบริสุทธิ์ทันทีไม่ได้เบี้ยวจ่ายเงิน ชี้แต่เงื่อนไข สปสช.จ่ายมาเพียง 4 หมื่นกว่าบาท จ่ายเช็คให้ผู้ร้องเรียนแล้วแต่ไม่ยอมเอา ไม่รู้มาร้องเรียนเพื่ออะไร เพราะภรรยาผู้ร้องเรียนก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล แถมลดค่ารักษาให้ 50 เปอร์เซ็นต์
       
       


       
       วันนี้ (11 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ น.ส.ศศณฉ เตียวสวัสดิ์ อายุ 15 ปี และนายวิวิทวิน เตียวสวัสดิ์ อายุ 44 ปี สองพ่อลูกได้เดินทางมาร้องเรียนต่อหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน กรณีโรงพยาบาลศิครินทร์ บางนา เบี้ยวจ่ายเงินคืนค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินที่ได้รับจากสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นจำนวน 60,672 บาท หลังจากได้สำรองจ่ายให้แก่โรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ตามกระบวนการรับรักษาตัวผู้ป่วย
       
       นายวิวิทวินเปิดเผยว่า ตนได้พานายอาซิม แซ่ตั้ง บิดาซึ่งมีอายุ 91 ปี เข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นกรณีฉุกเฉินด้วยอาการเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ท้องปริแตก ที่โรงพยาบาลศิครินทร์ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม 2555 ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช โดยให้ตนชำระเงินค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแก่โรงพยาบาลเป็นจำนวนเงินกว่า 6 หมื่นบาท ซึ่งตนก็ได้ชำระให้แก่โีรงพยาบาลไปทั้งหมดครบถ้วนแล้ว จึงนำบิดาไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช ตามสิทธิบัตรทองที่มีอยู่
       
       นายวิวิทวินกล่าวอีกว่า ได้ตรวจสอบไปที่ทางสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นต้นสังกัดบัตรทองของผู้ป่วย ได้แจ้งให้ทราบว่ากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินผู้ป่วยไม่ต้องชำระเงินค่ารักษาพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น หรือหากชำระไปแล้ว (สำรองจ่าย) ญาติของผู้ป่วยสามารถขอรับเงินคืนค่ารักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉินได้จากโรงพยาบาลศิครินทร์ได้ทันที ซึ่งเป็นไปตามระเบียบข้อกำหนด พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพแห่งชาติ
       
       อย่างไรก็ตาม ตนได้ติดต่อเขียนคำร้องเพื่อขอค่ารักษาพยาบาลคืนจาก รพ.ศิครินทร์ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2555 โดยได้ยื่นเอกสารให้ นพ.มนัสวี สมิตสุวรรณ ผช.ผอ.แพทย์สายงานผู้ป่วยประกันสังคม และ น.ส.ดรุณี ตาคำ หัวหน้าแผนกประสานงานประกันสังคม ซึ่งตนได้ติดตามทวงถามมาโดยตลอดกับได้รับการปฏิเสธว่าการเจ็บป่วยของบิดาตนนั้นไม่ใช่กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
       
       “ผมถามหน่อยว่า การมีอาการเจ็บป่วยถึงขั้นเส้นเลือดแดงในท้องปริแตกสำหรับคนแก่อายุขนาดนี้ ไม่ถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉินหรือครับ ลองคิดดูหากเป็นพ่อเป็นแม่คุณจะทำอย่างไร ครอบครัวเราก็ไม่ได้มีฐานะอะไร ต้องกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายให้โรงพยาบาล และที่สำคัญมันคือสิทธิที่ประชาชนทุกคนพึงได้รับอย่างเต็มที่ ผมเคยร้องเรียนมาแล้วหลายสมัยแต่ก็ไม่เป็นผล ยังมีหลายโรงพยาบาลเอกชนที่ทำเช่นนี้กับประชาชน หากขอคืนเงินไม่ได้แล้วทางโรงพยาบาลไปรับเงินจาก สปสช.มาได้อย่างไร เท่ากับว่าโรงพยาบาลได้ค่ารักษาพยาบาลทั้งจากผมและจากทาง สปสช.ร่วม 1.2 แสนบาท อย่างนี้มันเท่ากับว่ายักยอกทรัพย์ผู้ป่วย” นายวิวิทวินระบุ พร้อมระบายความอัดอั้นตันใจ
       
       นายวิวิทวินกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาวันที่ 24 สิงหาคม 2555 ตนได้ไปปรึกษากับ นพ.ธงชัย ฉัตรยิ่งมงคล ผอ.รพ.ศิครินทร์ ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จึงได้ขออนุญาตท่านว่าจะร้องเรียนไปยัง สปสช.ซึ่งท่านก็อนุญาตให้ร้องเรียน ตนจึงได้ไปร้องเรียนต่อ สปสช.ให้ดำเนินการติดตามทวงถามและบังคับให้ทางโรงพยาบาลศิครินทร์จัดการดำเนินการคีย์ข้อมูลการรักษาพยาบาลของบิดาตน ซึ่งต่อมาทาง รพ.จึงยอมคีย์ข้อมูลไปให้แก่ สปสช. ซึ่งปัจจุบันนี้ทาง สปสช.ก็ได้โอนเงินค่ารักษาพยาบาลที่ตนได้สำรองจ่ายไปให้แก่โรงพยาบาลเพื่อคืนให้แก่ตนแล้ว แต่จวบจนเวลานี้เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด เมื่อไปสอบถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
       
       “ช่วยผมทีเถอะครับ ผมมีแต่ ASTVผู้จัดการ เป็นที่พึ่งสุดท้ายจริงๆ พิธีกรรายการเล่าข่าวรายการโทรทัศน์ชื่อดังที่เขาว่าเป็นฮีโร่เป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ เมื่อผมไปร้องเรียนกลับได้รับคำตอบว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน” ผมจำชื่อได้ชื่อกล้วยนี่แหละเป็นคนเรียกเงินให้จ่ายจำนวน 1 หมื่นบาทแล้วจะลงข่าวให้ ผมไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว และคิดว่าในเวลานี้ ASTVผู้จัดการ น่าจะเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนได้ดีที่สุด” นายวิวิทวินระบุ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวิวิทวินเคยก่อเหตุปาอุจจาระใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 โดยใช้ถุงบรรจุอุจารระ 4 ถุงปาเข้าไปในบริเวณบ้านพัก ซึ่งต่อมาตำรวจสามารถติดตามจับตัวได้โดยอ้างสาเหตุในการปาว่าเกิดจากความไม่พอใจส่วนตัวที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเคยเข้าร้องเรียนต่อตำรวจ สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่าต่อเพื่อนบ้านที่ชอบมั่วสุมสูบบุหรี่ ทำให้ควันบุหรี่ลอยมาถึงบ้านตน ทำให้ลูกสาวคนโตเกิดอาการป่วยเกี่ยวกับระบบหายใจต้องล้มป่วยบ่อยครั้ง
       
       ด้านนายสุริยันต์ โคจรโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเจ้าของเครือโรงพยาบาลศิครินทร์ กล่าววชี้แจงกับ ASTV.ผู้จัดการว่าเรื่องกรณีการร้องเรียนว่าทาง รพ.ศิครินทร์ เบี้ยวเงินค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจาก สปสช.จำนวน 60,672 บาทว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทาง รพ.ได้ทำเรื่องเบิกจ่ายไปถึง สปสช.แล้ว โดยขอเรียนชี้แจงด้วยว่าเรามีนโยบายที่เที่ยงธรรมต่อสิทธิการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเต็มที่กรณีผู้ป่วยก็ไม่ได้เป็นผู้ป่วยนอกทั่วไปแต่เป็นบิดาของ น.ส.จิระประไพ อสัมภินทรัพย์ พนักงานใน รพ.(ภรรยาผู้ร้องเรียน)ซึ่งเราก็ได้ช่วยเหลือพนักงานไปเบื้องต้นด้วยการลดค่ารักษาพยาบาลลงไปครึ่งหนึ่ง หรือ 50 เปอร์เซ็นต์จากค่ารักษาพยาบาลจริงที่อยู่ประมาณ 1.2 แสนบาท เหลือยอด 60,672 บาท
       
       อย่างไรก็ตามได้ยื่นขอเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน ตาม พรบ.คุ้มครองสุขภาพแห่งชาติ ตามเงื่อนไขของ สปสช.แล้ว เราได้จ่ายเช็คคืนให้แก่ผู้ร้องเรียนเป็นจำนวน 4 หมื่นกว่าบาท โดยได้นัดให้เขามารับแล้วแต่ทางผู้ร้องเรียนปฏิเสธที่จะรับโดยต้องการตามจำนวน 6 หมื่นบาทที่จ่ายไป ทางโรงพยาบาลก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ของ สปสช.ทุกประการโดยไม่ได้หักส่วนค่าใช้จ่ายอะไรเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่ว่าแล้วทำไมจึงเบิกจ่ายได้ไม่ครบตามจำนวน 6 หมื่นหกร้อยเจ็ดสิบสองบาทก็เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาการจ่ายเงินคืนให้แก่ทางผู้ป่วยตามระเบียบต่าง ๆ ของ สปสช.
       
       นายสุริยันต์ กล่าวอีกว่าหลังจากนี้เราจะมีการติดต่อกับทางภรรยาผู้ร้องเรียนว่าจะยุติเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่าสามีที่มาร้องเรียนด้วยเหตุผลอะไร อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเราจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ทางโรงพยาบาลศิครินทร์มีหลักฐานทุกอย่างครบ โปร่งใส "เราไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน"