My Community
หมวดหมู่ทั่วไป => สหสาขาวิชาชีพ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 25 มีนาคม 2012, 20:12:59
-
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2555 นายวิทยา บุรณศิริ รมว. สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสม ซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล ว่า นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบ เรื่องดังกล่าวออกมา น่าเชื่อว่ามีข้าราชการ 7 คน ประกอบด้วย เจ้าพนักงานเภสัชกรและเภสัชกรที่ รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และเภสัชกร อีก 5 คน ที่รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ รพ.ฮอด และรพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำยา แก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจาก โรงพยาบาล ซึ่งกระทำผิดวินัยร้ายแรง โทษอาจจะถึงขั้นไล่ออกจากราชการ
รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ข้าราชการ ที่ถูกกล่าวหา มีสิทธิตามกฎหมายในการ แก้ข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการ และจะต้อง ใช้เวลาในการสอบสวนอีกระยะหนึ่งและสรุปผล สอบสวนอีกครั้ง สำหรับกระบวนการขั้น ต่อไปหลังจากสรุปผลการสอบสวนเสร็จสิ้น จะส่งผลการสอบของกรรมการชุดดังกล่าว เข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยระดับต่ำกว่าซี 8 ลงมา หรือระดับชำนาญ การพิเศษ จะเข้า อ.ก.พ.จังหวัด หากซี 9 ขึ้น ไปหรือระดับเชี่ยวชาญจะเข้า อ.ก.พ.กระทรวง สาธารณสุข เพื่อให้มีคำสั่งลงโทษทางวินัย มี 2 ระดับคือขั้นไม่ร้ายแรง ประกอบด้วย 1.ภาคทัณฑ์ 2.ตัดเงินเดือน 3.ลดเงินเดือน ส่วนขั้นร้ายแรง ประกอบด้วย ปลดออก และไล่ออก ยืนยันว่าจะดำเนินการเป็นคำสั่งลงโทษให้เหมาะสมกับความผิดและเป็นไปอย่างยุติธรรมปราศจากอคติ
เตรียมถามผอ.รพ.กมลาไสย
สำหรับความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ สูญหายกว่า 3.5 แสนเม็ด หลังจาก เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นางสุภคนิจ ศรีพนา อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ผู้ต้องสงสัย ซึ่งถูกนางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรม โรงพยาบาลกมลาไสย ผู้ต้องหายักยอกยา ซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อ แต่ภายหลังจากการสอบสวน พบว่าผู้ต้องสงสัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแถมยังป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย
ล่าสุด พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย พร้อมพนักงานสอบสวน เตรียมเรียกนางสดชื่น เภสัชกรรม รพ.กมลาไสย เข้าสอบปากคำใหม่อีกครั้ง เพื่อสืบหาแหล่งที่ไปของยาดังกล่าว พร้อมทั้งเตรียมเรียก ผู้อำนวยการ รพ.กมลาไสยเข้าให้ข้อมูลใหม่อีกครั้งเช่นกัน แต่การสอบปากคำต้องประสบ ปัญหาเนื่องจากผู้อำนวยการเดินทางไปเที่ยว ต่างประเทศ จะกลับมาในวันที่ 25 มี.ค.นี้
ชี้เภสัชฯปกปิดหลายเรื่อง
พ.ต.อ.วันชัย กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อยาเข้ามาให้การด้วยความบริสุทธิ์ใจก็พบว่า อดีต เจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ดคนนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่เชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้รับซื้อ จึงต้องยุติการสืบสวน แต่ทางตำรวจจะต้องทำการสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็น เภสัชกรรมใหม่อีกครั้ง เพื่อสอบถามและเค้นเอาความจริงถึงแหล่งที่นำยาไปปล่อยขาย พร้อมทั้งจะเชิญผู้อำนวยการรพ.กมลาไสย เข้ามาให้ข้อมูลใหม่อีกครั้งเช่นกัน
"จากคำให้การของเจ้าหน้าที่เภสัชกรรม นั้นมีทั้งเป็นความจริงและไม่เป็นความจริง ยังคงปกปิดข้อมูลอีกหลายเรื่องกับเจ้าหน้าที่ แต่คงต้องรอให้ผู้อำนวยการกลับมาจาก ต่างประเทศเสียก่อน ส่วนเครือข่ายที่เหลือจำนวน 10 คน ก็ยังคงต้องตกเป็นผู้ต้อง สงสัย ซึ่งจะเชิญตัวมาสอบปากคำใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทราบว่าภายในสัปดาห์หน้า ดีเอสไอ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ" พ.ต.อ.วันชัย กล่าว
อดีตจนท.รพ.ปัดเกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.วันชัย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน นางสุภคนิจ ผู้ต้องสงสัย ได้ให้การว่า อดีตเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด แต่ระยะหลังมีปัญหาด้านสุขภาพจึงต้องออก จากงาน ส่วนสามีนั้นมีอาชีพเก็บของเก่าขาย บ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวย และรู้จักกับเภสัชกรรม โรงพยาบาลกมลาไสยจริง เนื่องจากเภสัชฯคนนี้มาเช่าบ้านอยู่ละแวกเดียวกันในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน กรณีที่พบเบอร์โทรศัพท์ของตนอยู่ในโทรศัพท์ มือถือของเจ้าหน้าที่เภสัชฯนั้น เป็นเพียงการโทร.มาสอบถามอาการป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เภสัชก็ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว และเพิ่งติดต่อมาประมาณต้นเดือนมีนาคม ส่วนสาเหตุที่ซักทอดว่าตนเป็นผู้รับซื้อยานั้นไม่เป็นความจริง ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เภสัชฯต้องการอะไรจึงนำตนและครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้อง
แนวหน้า -- อาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555