ผู้เขียน หัวข้อ: 5โรคคุมคามคนไทยรุนแรงขึ้น ตายปีละเกือบแสนราย ป่วยเข้านอนรพ.เพิ่มเกือบ2เท่าใน5ปี  (อ่าน 1221 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9779
    • ดูรายละเอียด
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรควิถีชีวิตในประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะ 5 โรคสำคัญ  ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวปีละ 97,900 คนหรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดที่มีปีละประมาณ 3 แสนคน เฉลี่ยชั่วโมงละ 11 คน โดย  2 ใน 3 มีอายุน้อยกว่า 60 ปี  และในรอบ 5 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2549-2553 มีผู้ป่วยจากโรคที่กล่าวมาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า และจากการสำรวจสภาวะสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นเบาหวานร้อยละ 6.9 หรือประมาณ 3 ล้านคน และเป็นความดันโลหิตสูงร้อยละ 21.4 หรือกว่า 10 ล้านคน รัฐต้องรับภาระค่าใช้จ่าย 2 โรคนี้ปีละ 126,859 ล้านบาท และเรื่องที่น่าตกใจพบว่าผู้ป่วยเบาหวาน 1 ใน 3 และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงร้อยละ 50 ไม่เคยรู้ว่าตัวเองป่วย ซึ่งกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการดูแล จะเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้สูง

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าว เกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน มัน เค็มมากเกินไป กินผักและผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกาย ความเครียดเรื้อรัง สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ในการควบคุมป้องกันโรค กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย พ.ศ. 2554–2563 เป็นโครงการ 10 ปี เพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทยใหม่ ให้เป็นวิถีชีวิตที่ลดเสี่ยง ลดโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดพิการ ลดตาย ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาจาก 5 โรคนี้ และพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือรพ.สต. ให้การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังและป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยเพิ่ม                           

ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า  จากการดำเนินการตั้งแต่พ.ศ. 2552 -2554 เพื่อตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปที่มีจำนวน 22.2 ล้านคน ผลการตรวจในปี 2554 พบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่กว่า 300,000 คน คิดเป็นร้อยละ 17 พบผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยอีก 2.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11  และพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่กว่า 800,000 คน คิดเป็นร้อยละ 4  และมีผู้ที่เสี่ยงจะเป็นอีกอีก 3.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 1 และพบผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง มีโรคแทรกซ้อนรวม 176,000 คน ได้แก่ ไตเสื่อม  96,000 คน มีปัญหาทางตา 50,000 คน และมีอาการชาที่เท้า เท้าเป็นแผล 30,000  คน  ได้ให้สถานบริการให้คำแนะนำติดตามดูแลรักษา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มที่ป่วยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลของการรณรงค์ตรวจคัดกรองครั้งใหญ่ของประเทศครั้งนี้  จะทำให้ระบบการดูแลผู้ป่วยทั้ง 2 โรคนี้ของไทยดีขึ้น ประชาชนทุกคนจะได้รับรู้สุขภาพตนเองและหันมาเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ จะวิเคราะห์ผลการตรวจและจัดแผนดูแลเป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย และกลุ่มป่วยที่มีปัญหาแทรกซ้อน โดยกลุ่มที่ปกติ จะเน้นให้คำแนะนำสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ ไม่ดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่ และติดตามตรวจปีละครั้ง กลุ่มเสี่ยงให้รพ.สต.ให้คำปรึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันไม่ให้ป่วย ติดตามตรวจเลือดและวัดความดันโลหิตทุก 6 เดือน และส่งเสริมศักยภาพประชาชนให้เป็นหมู่บ้านหรือชุมชนต้นแบบสร้างสุขภาพดี  กลุ่มผู้ป่วย ให้จัดระบบในการดูแลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตรวจภาวะแทรกซ้อน และบริการรักษาพยาบาลเชื่อมโยงระหว่างรพ.สต. โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไป ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน จะส่งพบแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อดูแลรักษา มั่นใจว่ามาตรการนี้ จะลดผู้ป่วยรายใหม่ และผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อนลงได้มาก

สำหรับโรคความดันโลหิตสูง มักพบในผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเช่น พ่อแม่ ปูย่าตายาย เป็นโรคอ้วน ผู้ที่มีความเครียด วิตกกังวล โดยจะมีอาการปวดศีรษะ มึนงง โดยมักปวดบริเวณท้ายทอยในตอนเช้า เหนื่อยง่าย เลือดกำเดาออก หากมีความดันโลหิตสูงมากอาจมีการคลื่นไส้อาเจียน ส่วนอาการหลักของโรคเบาหวาน คือหิวบ่อย  กระหายน้ำ ปัสสาวะมากและบ่อย ผอมลงโดยหาสาเหตุไม่ได้ หากมีอาการเหล่านี้ต้องพบแพทย์โดยเร็ว

นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง มักเกิดโรคไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนตามมาจากปัญหาของเส้นเลือด และในวันไตโลก (World kidney day) 8 มีนาคมนี้ กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย จะร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “ลดเค็มครึ่งหนึ่ง...คนไทยไตไม่วาย” และ“กินรสจืด  ยืดชีวิต” เพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนในการป้องกันและชะลอการเสื่อมของไตพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคไตวายด้วย

มติชนออนไลน์  1 มีนาคม พ.ศ. 2555

suprazii

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด