วันนี้ ( 16 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย นพ.เฉลิม ศักดิ์ศรชัย ผ.อ.โรงพยาบาล ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบว่าคนไทยป่วยอยู่ในกลุ่มอาการปวด เมื่อย มากขึ้น สาเหตุใหญ่ๆมาจากการต้องทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และพบมากในกลุ่มที่ต้องนั่งทำงานเป็นประจำและใช้เวลานาน อยู่ในท่านั่งที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดตรงสะบัก และต้นคอมากที่สุด ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็จะไปนวดเพื่อแก้ปวด เมื่อย ซึ่งหากพบคนที่เรียนรู้มา จะจับเส้น คลายเส้น ทำให้หายปวดได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ถ้าพบกับคนที่ไม่ได้เรียนรู้หรือไม่เป็นงาน ก็จะเป็นอันตรายมาก ทางโรงพยาบาลแม่ฟ้า จึงได้จัดให้มีการรักษาบำบัดผู้ป่วยอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มอาการปวด และ กลุ่มอาการอัมพฤกษ์ มีศูนย์การแพทย์ทางเลือก โดยใช้วิธีการรักษาบำบัดแบบผสมผสาน ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย
นพ.เฉลิม กล่าวต่อมา ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง ต้องบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่พบปัญหาไม่สามารถเดินทางไป-กลับเพื่อพบแพทย์ ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดโปรแกรมการรักษา โดยให้ผู้ป่วยมานอนพักรักษาที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 5 วัน 5 คืน รวมค่าที่พัก ค่ารักษา อาหารวันละ 3 มื้อ ในราคาไม่ถึง 5 พันบาทต่อคน โดยการรักษาแบบครบวงจร ประกอบด้วยการฝังเข็ม การนวดรักษา อบสมุนไพร ประคบสมุนไพร กายภาพบำบัด ฝึกโยคะลดปวด ทำครอบแก้ว และอัลตร้าซาวส์ อาการปวดต่างๆจะดีขึ้น ส่วนคนที่ปวดเรื้อรังเมื่อหายดีแล้ว ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้กล้ามเนื้อ และโครงสร้างของร่างกายให้ถูกธรรมชาติและสมดุลย์ เช่น คนที่ต้องนั่งทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญมากต้องปรับจอให้สมดุลกับท่านั่งและสายตา เมื่อทำงานนานมาก ต้องพักและเปลี่ยนอิริยาบถ ก็จะช่วยอาการปวดต้นคอและปวดหลังได้ โรงพยาบาลได้จัดแพทย์และบุคลากรที่ผ่านการเรียนรู้ ฝึกอบรม มาเป็นอย่างดีไว้คอยดูแลคนป่วย เช่น มีแพทย์จบปริญญาโทฝังเข็มจาก ม.แพทย์จีนหนานจิง มีนักกายภาพบำบัด รวมทั้งแพทย์และพยาบาลปัจจุบัน อยู่คอยดูแลผู้เข้ารักษาอย่างใกล้ชิดครับ.
เดลินิวส์
