กลุ่มที่ 1 ผู้เสียหายความเสียหายและการชดเชย
ประธาน นพ.อำนาจ กุสลานันท์ / เลขา นพ.ชาญฤทธิ์ ล้อทวีสวัสดิ์
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 ชื่อร่าง พ.ร.บ. ผู้ได้รับความเสียหาย หรือ ผู้ได้รับผลกระทบ
2 หลักการ พ.ร.บ.
• คุ้มครองเฉพาะผู้รับบริการ
• คุ้มครองผู้ให้บริการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๐(๒)
• คุ้มครองทุกฝ่ายที่เสียหาย
3 นิยาม “ความเสียหาย”
• ความเสียหายโดยสุดวิสัย
• ความเสียหายจากความขาดแคลนของระบบ
• ความเสียหายจากตัวโรคและการรักษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
• ความเสียหายจากการปฏิบัติตัวและสภาพสังขารของผู้ป่วย
• ความเสียหายที่อาจถูกตีความนำมาใช้เบิกเงินช่วยเหลือได้ โดยผิดวัตถุประสงค์
• ความเสียหายจากทุรเวช
4 นิยาม “ผู้ได้รับความคุ้มครอง”
• ผู้รับบริการสาธารณสุข / ผู้ให้บริการสาธารณสุข
• ประชาชนไทย / แรงงานต่างด้าว / นักท่องเที่ยว
5 ระยะเวลาที่เกิดความเสียหาย ที่เหมาะสม
• 5 ปีตามระเบียบการเก็บเอกสารเวชระเบียนปกติ
• 10 ปีนับจากวันให้การรักษาพยาบาล
• 10 ปีนับจากวันที่รู้ถึงความเสียหาย(ไม่จำกัดอายุ)
6 เงินช่วยเหลือเบื้องต้นตาม มาตรา ๔๑ ที่ถูกขยายขึ้นใน พ.ร.บ. นี้
• จากเดิม 50,000/ 120,000/ 200,000 เพิ่มได้ตามมติกรรมการ / รมว.สธ.
7 การไม่พิสูจน์ถูกผิดเหมาะสมกับกรณีทางการแพทย์หรือไม่
• ในต่างประเทศให้พิสูจน์ถูกผิดแต่ไม่เอาโทษ ผลในมุมมองของผู้ป่วย
8 กลไกการเบิกจ่ายที่ผูกกับมาตรฐานวิชาชีพฯ ที่เหมาะสมหรือไม่ ทั้งที่ความเสียหายอาจเกิดจากผู้ป่วย / โรค / ระบบที่แตกต่างกันได้
กลุ่มที่ 2 ผู้ประกอบวิชาชีพฯ
ประธาน นพ.วิสุทธิ์ ลัจฉเสวี / เลขา นพ.จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 ใช้มาตรฐานวิชาชีพ กับความเสียหาย ที่เบิกเงินได้จะเป็นปัญหาหรือไม่
2 การพิสูจน์ความเสียหายของผู้เสียหายกับของผู้ประกอบวิชาชีพฯเข้าใจต่างกันจะเป็นปัญหาหรือไม่
3 การจ่ายเงินเบื้องต้นช่วยเหลือให้ผู้เสียหายหากผู้ประกอบวิชาชีพฯ พิสูจน์ไม่ได้ใน 30 วันจะเป็นธรรมตามข้อเท็จจริงหรือไม่
4 กรณีเรียกผู้ประกอบวิชาชีพฯมาให้ข้อเท็จจริง และหากไม่มามีโทษจำคุกเหมาะสมหรือไม่
5 กรณีเรียกผู้ประกอบวิชาชีพฯและสถานพยาบาลมาไกล่เกลี่ยและจ่ายเพิ่มเติมได้ทำให้กลไกทำงานซับซ้อนขึ้นหรือไม่
6 กรณีประนีประนอมยอมความแล้วยังฟ้องต่อได้ภายหลังเหมาะสมหรือไม่
7 กรณีไม่จ่ายเงินช่วยเหลือในกลุ่มได้มาตรฐานวิชาชีพฯ ทำให้แพทย์ที่ดีอาจถูกฟ้องขึ้นศาลได้เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับเงินชดเชย (เดิม ม.๔๑ จ่ายอยู่แล้ว)
8 กรณีสถานพยาบาลต้องจ่ายเงินเข้าระบบตามจำนวนหัวและความเสี่ยงของผู้ป่วยทำให้ รพ.ที่ดูแลคนไข้มากต้องจ่ายเข้ากองทุนมากผิดหลักการรัฐสวัสดิการหรือไม่
9 กรณีต้องทำรายงานส่งคณะกรรมการว่าปรับปรุงระบบแล้วทั้งที่มีหลายหน่วยงานควบคุมมาตรฐานอยู่ให้คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาโดยไม่มีความรู้เฉพาะจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่
10 กรณีการเก็บเอกสารเวชระเบียนโดยทั่วไป 5 ปีที่ต้องถูกปรับตามอายุความคดีที่อาจถูกฟ้องร้องได้
11 ปัญหาต่อวิชาชีพพยาบาล
12 ปัญหาต่อวิชาชีพเภสัชฯ
13 ปัญหาต่อวิชาชีพทันตแพทย์
14 ปัญหาต่อวิชาชีพกายภาพบำบัด
15 ปัญหาต่อวิชาชีพเทคนิคการแพทย์
กลุ่มที่ 3 กรรมการ กองทุน และ การจ่ายเงิน
ประธาน นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี / เลขา นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 กองทุนยกมาจาก ม.๔๑ หรือไม่ครั้งเดียวหรือตลอดไป
2 กองทุนจากการเก็บรายหัวของ รพ., คลินิก, สถานีอนามัย, ฯลฯ เหมาะสมหรือไม่
3 กองทุนเก็บจากสถานพยาบาลเอกชนเหมาะสมหรือไม่
4 การจ่ายเงินชดเชยควรให้ในภาครัฐ และ/หรือ ภาคเอกชน
5 กรรมการกองทุนควรมีตัวแทนจากทั้ง 5 กระทรวง / 5 สภาวิชาชีพฯ หรือไม่
6 สำนักงานเลขาของกองทุนควรอยู่ใน สธ. หรือเป็นอิสระ
7 การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นควรเป็นประชาสงเคราะห์ผู้เสียหายทุกรายหรือไม่
8 การจ่ายเงินชดเชยควรมีเฉพาะจากความผิดพลาดของระบบหลักหรือรวมทุรเวชด้วย
9 การตรวจสอบกองทุนควรโปร่งใสให้ สตง. ดูแลโดยห้ามมอบให้บุคคลภายนอกตรวจสอบแทนหรือไม่
10 เงินทุนเหลือต่อปีควรคืนคลังเพราะเป็นภาษีหรือให้ใช้สะสมต่อได้
11 การไม่จ่ายเงินสมทบถูกปรับร้อยละ 24 ต่อปี ถูกดำเนินคดีปกครองและยึดทรัพย์ได้เหมาะสมหรือไม่
12 การจ่ายเงินสมทบเป็นตามความเสี่ยงจำนวนคนไข้ และการพัฒนาความปลอดภัยเหมาะสมหรือไม่
13 การให้ผู้อื่นเรียกร้องกองทุนได้แทนทายาทจะสร้างปัญหาหรือไม่
14 การตัดสินจ่ายเงินกองทุนโดยใช้เสียงข้างมากแทนมาตรฐานวิชาการเหมาะสมหรือไม่
15 การตั้งกรรมการชั่วคราวเป็นภาคประชาชน 6 ใน 11 คนเหมาะสมหรือไม่
16 การไม่รับเงินชดเชยแล้วไปฟ้องคดีต่อได้โดยไม่ต้องคืนเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเหมาะสมหรือไม่
17 การแพ้ชนะคดีในศาลโดยกองทุนตัดสินใจจ่ายเงินช่วยเหลือหรือไม่เพียงใดก็ได้เหมาะสมหรือไม่
18 การจ่ายค่าเสียหายให้ผู้เสียหายในรายที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ได้วินิจฉัยว่าผู้ให้บริการฯไม่ต้องรับผิดเหมาะสมหรือไม่
19 อื่น ๆ
กลุ่มที่ 4 คดีความและการร้องเรียน
ประธาน นพ.สุกิจ ทัศนสุนทรวงศ์ / เลขา นพ.เมธี วงษ์ศิริสุวรรณ
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 การร้องเรียนคณะกรรมการและจำกัดเวลา 30 วันตัดสินนั้นเหมาะสมหรือไม่
2 การรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วฟ้องต่อได้เหมาะสมหรือไม่
3 การขอรับเงินชดเชยแล้วเปลี่ยนใจไม่รับ ขอไกล่เกลี่ยเพิ่มได้เหมาะสมหรือไม่
4 การเรียกแพทย์และสถานพยาบาลมาไกล่เกลี่ยแล้วไม่พอใจสามารถยกเลิกฟ้องต่อได้เป็นธรรมหรือไม่
5 การรับเงินทำสัญญาประนีประนอมแล้วให้กับมาฟ้องใหม่ได้ใน 3-10 ปีเหมาะสมหรือไม่
6 การที่กฎหมายนี้ให้เงินช่วยเหลือแต่ไม่มีกลไกดการฟ้องร้องโดยคงสิทธิตามปกตินั้นเหมาะสมหรือไม่ และป้องกันกลุ่มฉ้อฉลฟ้องร้องอย่างไร
7 การผูกการจ่ายเงินกับมาตรฐานทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยระแวงเก็บหลักฐานเตรียมไว้เผื่อฟ้องและหาข้อผิดพลาดให้ได้ก่อนเพื่อเป็นเหตุในการเรียกร้องค่าเสียหายได้ จะมีปัญหาต่อระบบหรือไม่
8 การไม่จ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีสุดวิสัยกับในกรณีเสียหายจากเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับมาตรฐานทางการแพทย์ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับเงินช่วยเหลือได้ จึงต้องไปฟ้องศาลต่อส่งผลให้คดีเพิ่มขึ้นหรือไม่
9 ความผิดพลาดของผู้ประกอบวิชาชีพฯมีกลไกและการตัดสินถูกผิดอยู่แล้ว การพิจารณาของกรรมการชุดนี้ซ้ำซ้อนและหากผลไม่ตรงกันเนื่องจากอยู่ใน กฎหมาย คนละฉบับจะทำอย่างไร อาจนำไปสู่การฟ้องศาลปกครองได้
10 การเปิดช่องให้ใช้ใบประนีประนอมยอมความไปลดโทษในคดีอาญาเท่ากับกระตุ้นให้ฟ้องคดีอาญาบังคับคดีแพ่งด้วยหรือไม่ จะป้องกันอย่างไร
11 การไม่พิสูจน์ถูกผิดโดยจ่ายค่าเสียหายย่อมไม่สามารถยุติความสงสัยที่จะนำคดีขึ้นฟ้องต่อศาลได้ ทางการแพทย์จึงควรต้องพิสูจน์ความผิดทุกครั้งเพื่อพัฒนาระบบแต่จะลงโทษหรือไม่ขึ้นกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่
กลุ่มที่ 5 ความพร้อมและเหมาะสมของสังคม
ประธาน นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์/ เลขา นพ.อุสาห์ พฤฒิจิระวงศ์
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 ปัญหาภาระงานที่เกินจริงในภาครัฐจากการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์
2 ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณและการขาดทุนของสถานพยาบาล
3 ปัญหามาตรฐานการรักษาพยาบาลที่แตกต่างใน รพ.แต่ละระดับ
4 ปัญหาความขาดแคลนอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น
5 ปัญหาระบบการส่งต่อผู้ป่วยในประเทศไทย
6 ปัญหาจำนวนผู้รับบริการเกินความสามารถของแพทย์ทั้งใน OPD และ IPD
7 ปัญหาจำนวนเตียงของผู้ป่วยใน รพ.ที่มีน้อยกว่าผู้ป่วยจริงตามฤดูกาลซึ่งจะเข้าข่ายผิดมาตรฐานหากมีเตียงเสริมในรพ. ที่ผู้เสียหายจะสามารถเรียกร้องเงินช่วยเหลือได้
8 ปัญหากระทรวงสาธารณสุขควรแสดงถึงข้อมูลข้อเท็จจริงของสถานพยาบาลในระดับที่เป็นปัญหาและมีความเสี่ยงจนนำไปสู่ความเสียหายต่อประชาชน จนเป็นเหตุให้เกิดกฎหมายใหม่ ข้อมูลทางสถิติและข้อเท็จจริงมีความสำคัญในการแก้ไขและพัฒนาเฉพาะจุดที่เป็นปัญหาจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่
9 ปัญหาการแสดงถึงตัวเลขทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในระบบที่ทำให้เกิดปัญหาและการใช้งบประมาณหากกฎหมายนี้ออกมาบังคับใช้ว่าจะจ่ายเงินในหมวดใดเป็นจำนวนเงินเท่าไร ระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างไร และความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาโดยการออกกฎหมายนี้อยู่ที่จุดใด ควรวิเคราะห์เสนอต่อสังคมก่อนหรือไม่
กลุ่มที่ 6 กลไกช่วยเหลือประชาชนอื่นๆ
ประธาน นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ / เลขา พญ.ดวงจิตร สมิทธิ์นรเศรษฐ์
ลำดับ รายละเอียดแนวทางพิจารณา หมายเหตุ
1 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายตาม ม.๔๑ ให้เหมาะสมมากขึ้น
• เพิ่มเพดานวงเงิน
• ขยายกลุ่มข้าราชการและประกันสังคม
2 สร้างระบบรับเรื่องร้องเรียนและช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นรูปธรรม
• ตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายทั้งผู้รับและผู้ให้บริการระดับประเทศ
• เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ไกล่เกลี่ยและรับเรื่องร้องเรียนของสถานพยาบาล
3 สร้างระบบชดเชยของกลุ่มประกันสังคม
4 สร้างระบบชดเชยของสวัสดิการข้าราชการ
5 จัดตั้งศาลพิเศษทางการแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะและตัดสินคดีได้รวดเร็วและเป็นธรรมเช่นในต่างประเทศ
6 ปรับปรุงสถานพยาบาลที่มีความเสี่ยงสูงท่ามกลางความขาดแคลนทรัพยากรมากในภาครัฐและดำเนินการแก้ไขโดยใช้กฎหมายและวงเงินช่วยเหลือที่มีอยู่ไปพัฒนาระบบ ให้มีบุคลากร เครื่องมือแพทย์เพียงพอต่อการให้บริการเพื่อลดปัญหาและแจ้งให้ประชาชนทราบ
7 แก้ปัญหาสถานพยาบาลเอกชนที่มีความเสี่ยงสูงและมีเรื่องร้องเรียนมากซึ่งอยู่ภายใต้ พรบ.สถานพยาบาลฯ ให้พิจารณาเพิ่มหลักเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยผ่านระบบต่างๆ ตามมาตรฐานที่รัฐต้องการ เช่น กำหนดให้มีการซื้อประกันเอกชนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในเงื่อนไขเดียวกับภาครัฐ เป็นต้น