ผู้เขียน หัวข้อ: ขุนนางยุคก่อนปฏิวัติ คุย “รถไฟสยาม” เจ๋งกว่า “รถไฟอังกฤษ” ในดินแดนอาณานิคม  (อ่าน 347 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ศิลปวัฒนธรรม

กิจการรถไฟบ้านเรามีมานานนับร้อยปี ด้วยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เริ่มเดินรถครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2439 และมีการขยายเส้นทางการเดินรถไปตลอด จนสิ้นรัชกาลมีทางรถไฟที่เปิดใช้แล้วทั้งสิ้น 932 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกกว่า 690 กิโลเมตร

เมื่อถึงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงเห็นถึงอุปสรรคของการแยกกรมรถไฟออกเป็นกรมรถไฟสายเหนือ และกรมรถไฟสายใต้ จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รวมกิจการการรถไฟทั้งสองส่วนเข้าเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า “กรมรถไฟหลวง” โดยให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงเป็นพระองค์แรก เมื่อสิ้นรัชกาล ทางรถไฟสมัยนั้นมีระยะทางรวมกัน 2,581 กิโลเมตร ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 418 กิโลเมตร

ความก้าวหน้าของกิจการรถไฟของไทย (สยาม) ทำให้คนไทยในยุคนั้นอดภูมิใจมิได้ เห็นได้จาก “หนังสือนำทาง” ซึ่งน่าจะถือได้ว่าเป็นคู่มือเดินทางเล่มแรกของไทย เรียบเรียงโดยหลวงนฤราชภักดี ตีพิมพ์เมื่อปี 2469 หลังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ขึ้นครองราชย์ได้เพียงปีเดียว โดยตอนหนึ่ง หลวงนฤราชภักดีเล่าถึงกิจการรถไฟไทยเทียบกับรถไฟอังกฤษในดินแดนอาณานิคมสมัยนั้นว่า

“แท้ที่จริงรถไฟของประเทศสยามนั้นเมื่อจะเทียบเคียงกันกับรถไฟของอังกฤษในทางแหลมมลายูหรืออินเดีย พม่าแล้ว ก็ยังเปนรองรถไฟของประเทศสยามเรา ได้มีชาวต่างประเทศที่ได้เคยโดยสารรถไฟไปมาทั้งสองฝ่ายได้กล่าวไว้เปนพยานด้วยแล้ว เมื่อจะพูดสรุปรวมความโดยย่อๆ ก็คือรถไฟของประเทศสยามนั้น มีรถด่วนเดินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คือเดินในวันอาทิตย์และวันพุฒเสมอ รถด่วนนั้นได้รับความสดวกสบายตลอดพร้อมบริบูรณ์ มีห้องนอน ห้องนั่ง ห้องน้ำ ห้องซ่วม และรถเสบียง สอาดสอ้างครบถ้วนทุกอย่าง”

หลังจากนั้น กิจการรถไฟบ้านเราก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ แต่อาจจะต้องเจอกับปัญหาต่างๆ จนทำให้การพัฒนาหยุดชะงักลงหรือล่าช้าไปบ้าง ถึงวันนี้ไทยมีเส้นทางรถไฟเป็นระยะทางรวมกันราว 4,500 กิโลเมตร (สถิติถึงกันยายน 2559) หากจะเทียบความทั่วถึงของเครือข่ายเส้นทางเดินรถแล้ว ไทยไม่สามารถสู้อินเดียได้เลย ด้วยอินเดียมีระยะทางต่อพื้นที่ที่สูงกว่ามาก แล้วตอนนี้อินเดียก็หันมาใช้ระบบไฟฟ้าแทนเกือบครึ่งนึง โดยขบวนรถที่ทำความเร็วสูงสุดของอินเดียตอนนี้อยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่รถไฟสายหลักของไทย (ไม่นับรถไฟฟ้าซึ่งมีระยะทางเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร) ยังใช้ระบบดีเซลซึ่งทำความเร็วสูงสุดได้เพียงราวๆ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น (ซึ่งสมัยหนึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาก และไทยก็เป็นประเทศแรกในเอเชียที่นำเข้ามาใช้เมื่อปี พ.ศ. 2471)

แต่ถ้าจะเทียบเรื่อง “ห้องนอน ห้องนั่ง ห้องน้ำ ห้องซ่วม และรถเสบียง สอาดสอ้าง” แล้ว รถไฟไทยของเราน่าจะยังพอสู้กับรถไฟอินเดียได้ โดยเมื่อ พ.ศ. 2560 ทางรัฐบาลไทยได้ประกาศปรับปรุงรถโดยสารชั้น 3 รวม 148 คัน มีการทำสีขบวนรถโดยสารทั้งภายในและภายนอกใหม่ ปรับปรุงระบบน้ำใช้ ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ให้มีความสะอาด ปราศจากกลิ่นรบกวนระหว่างเดินทาง

การปรับปรุงประตู หน้าต่าง บานกระจกใหม่ การปรับปรุงสภาพพื้นที่ในตัวรถโดยสารให้มีความสะอาดแข็งแรง เบาะนั่ง พนักพิงให้นั่งสะดวกสบาย การบำรุงซ่อมแซมพัดลมในรถโดยสารทุกคันให้สามารถใช้งานได้ปกติ รวมทั้งจะมีการจัดทำความสะอาดบิ๊กคลีนนิ่งในขบวนรถโดยสารทุกคัน

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 ตุลาคม 2560
https://www.msn.com/th-th/news/history/%e0%b8%82%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%8f%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%a2-%e2%80%9c%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b8%aa%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e2%80%9d-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%8b%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2-%e2%80%9c%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a4%e0%b8%a9%e2%80%9d-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%a1/ar-BB1d0gYp?ocid=msedgdhp