ผู้เขียน หัวข้อ: ดันไทยศูนย์กลางท่องเที่ยวสุขภาพ เร่งทำระบบเก็บค่าประกันสุขภาพต่างชาติ  (อ่าน 624 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
ดันไทยศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เร่งทำระบบเก็บค่าประกันสุขภาพชาวต่างชาติ ขยายเวลาพำนักในไทย กรณีรักษาพยาบาลกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และจีน เดิม 14 - 30 วัน เป็น 90 วัน ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ แพกเกจสุขภาพ และพัฒนาสถานบริการรองรับนักท่องเที่ยว
       
       วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ครั้งที่ 1/2558 เพื่อพิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 10 ปี (พ.ศ.2559 - 2568)  และติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานทุก 3 เดือน
       
       นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การจัดบริการด้านสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ทำให้การท่องเที่ยวของประเทศดีขึ้น โดย สธ. มีความพร้อมในเรื่องบริการทางการแพทย์ที่ไม่เป็นรองใครในภูมิภาค รวมทั้งบริการสุขภาพที่ไทยมีความโดดเด่นระดับโลก ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ  (พ.ศ. 2559 - 2568) 4 ข้อ คือ 1. เพิ่มขีดความสามารถในการจัดบริการสุขภาพ 2. พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการทุกระดับ 3. การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน/ผู้ประกอบการรายย่อย รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ 4. การส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์
       
       “สำหรับการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน เพื่อให้เห็นผลภายใน 2 ปี 2559 - 2560 จะเร่งจัดทำระบบประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติ (Landed Fee) การพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนนำร่อง 7 จังหวัด ขยายเวลาพำนักในไทย กรณีเข้ารักษาพยาบาลกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และจีน จาก 14 - 30 วัน เป็น 90 วัน จัดทำแพกเกจสุขภาพพัฒนาสถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการเชิงสุขภาพ” รมว.สธ. กล่าว
       
       นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การดำเนินงานพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการบูรณาการกับกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนและเป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติ โดยนโยบายด้านสาธารณสุขอยู่ในนโยบายที่ 5 การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน และอยู่ในคลัสเตอร์ที่ 4 ของนโยบายด้านการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศผลการดำเนินงาน ในปี 2557 มีชาวต่างชาติเข้ามารับบริการสุขภาพในประเทศไทย 1.2 ล้านครั้ง  สร้างรายได้เข้าประเทศ 107,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่ไทยได้รับการยอมรับ คือ ราคาเหมาะสม บริการมีคุณภาพ มาตรฐานสากล  บุคลากรเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย คนอัธยาศัยดี และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม


ASTVผู้จัดการออนไลน์    12 ตุลาคม 2558