ผู้เขียน หัวข้อ: สธ. เตือนผู้ใช้มอเตอร์ไซต์ “กางร่มกันฝน”ขณะขับขี่ เสี่ยงตาย หัวฟาดฟื้น  (อ่าน 810 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13:15:56 น.
Share
 



    
สธ. เตือนผู้ใช้มอเตอร์ไซต์ “กางร่มกันฝน”ขณะขับขี่ อันตรายเสี่ยงตาย หัวฟาดฟื้น
ก.สาธารณสุข เตือนผู้ขับขี่-ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วกางร่มกันฝน เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุง่ายสุดๆ มีอันตรายขั้นเสียชีวิต พิการ จากศีรษะฟาดฟื้น เนื่องจากผลของลมแรง ฝนตกหนักจะทำให้ร่มหัก โดนลมตีหงาย ร่มบังตา ทำให้รถเสียหลักได้ แนะควรใส่ชุดกันฝน สวมหมวกกันน็อคแบบมีหน้ากากแทน จะปลอดภัยกว่า

 
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนี้กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งข้อมูลของกรมการขนส่งจนถึงล่าสุดมีผู้ใช้รถประเภทนี้มากอันดับ 1ในประเทศ จำนวนมากถึง 18 ล้านกว่าคัน เฉลี่ยบ้านละ 1 คัน  พฤติกรรมที่น่าห่วงและพบเห็นได้ทั่วไปทั้งในเขตเมืองและชนบท คือมักมองข้ามความปลอดภัย โดยจะไม่สวมหมวกกันน็อค แต่จะกางร่มกันฝนขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แทน ทั้งคนขับกางเอง หรือให้ผู้ซ้อนท้ายกางให้  ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก  เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากร่มบังตา หรือลมพัดหอบร่มปลิว รถเสียหลักและศีรษะฟาดพื้น ทำให้เสียชีวิตหรือพิการตลอดชีวิต

 
นายวิทยากล่าวต่อไปว่า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์และกางร่มฝ่าสายฝนและลมที่พัดแรง จะทำให้ร่มบังตาคนขับ เกิดอุบัติเหตุรถล้มรถเสียหลักลงข้างทางหรือไปชนท้ายผู้อื่น ร่มอาจหักหรือปลิวไปโดนผู้อื่น หรือลมพัดหอบร่มจนให้รถเสียหลัก นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ที่ถือร่ม ต้องบังคับรถมือเดียว เมื่อถนนลื่นจึงไม่สามารถประคับประคองรถได้ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งพบได้ทุกฤดูฝน ทั้งประชาชนทั่วไป นักเรียน และบุคลากรทางการแพทย์ จากการสอบถามเหตุผลของผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ที่ใช้ร่มกางกันฝน ส่วนใหญ่บอกว่าสะดวกกว่าใช้เสื้อกันฝนเพราะพับเก็บง่าย และเร่งรีบออกไปทำงาน ทำธุระนอกบ้าน หรือไปเรียนขณะฝนตก

 
“ขอให้ประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ใส่เสื้อกันฝน หรือสวมเสื้อแจ็คเก็ตผ้าร่มแบบกันฝนได้แทนการกางร่มกันฝน และสวมหมวกกันน็อคแบบมีหน้ากาก เพื่อช่วยป้องกันศีรษะเปียกและฝนสาดเข้าใบหน้า เข้าตา หากไม่มีเสื้อกันฝน ให้เตรียมเสื้อผ้าแห้งใส่ถุงไปเปลี่ยนที่ทำงาน หากเป็นไปได้ควรหยุดรถหลบฝน รอให้ฝนซาหรือหยุดตกก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ เพื่อความปลอดภัย” นายวิทยากล่าว

 
ทั้งนี้ สถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรในปี 2553 ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค โดยสำนักระบาดวิทยาได้รายงานข้อมูลอุบัติเหตุจราจร เดือนมกราคม 2553-ธันวาคม 2553 มีผู้เสียชีวิต 10,409 ราย บาดเจ็บ 567,701 ราย โดยข้อมูลระบบการเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ (IS) พบว่าสัดส่วนผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 82.58 โดยผู้บาดเจ็บรุนแรงที่ไม่สวมหมวกนิรภัยถึงร้อยละ 85.73