เมื่อวันที่ 11 พ.ย.59 เพจเฟซบุ๊ก "ธวัชชัย ไทยเขียว" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความ กรณีที่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประกาศปิดเรือนจำ เนื่องจากแทบไม่มีเหตุอาชญากรรมในประเทศนั้น นายธวัชชัย ได้นำเสนอกรณีที่ นายวันชัย รุจนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมพินิจฯ กรมคุมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ เคยกล่าวกล่าวไว้ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เนเธอร์แลนด์ไม่ดำเนินนโยบายทางอาญาตามก้นอเมริกาแบบไทยตามก้นอเมริกาอย่างเลียนแบบ เลยมีหลายปรากฎการณ์ที่เหมือนกัน ระหว่างไทยกับสหรัฐ รายละเอียดดังนี้ ...
#เนเธอร์แลนด์ประกาศปิดเรือนจำ เหตุแทบไม่มีเหตุอาญชากรรมในประเทศ
ฮัฟฟิงตัน โพสต์ รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมเนเธอร์แลนด์ประกาศปิดเรือนจำ 8 แห่ง เนื่องจากประเทศแทบไม่มีเหตุอาญชากรรมเลย
รายงานข่าว ระบุว่าเนเธอร์แลนด์มีเรือนจำที่สามารถรองรับนักโทษจำนวน 14,000 คน แต่ประเทศมีนักโทษอยู่ 12,000 คน หรือร้อยละ 0.074 ของประชากร (พื้นที่ 41,562 ตรม. ประชากรประมาณ 16.2 ล้านคน) ขณะที่ประเทศไทยมีนักโทษประมาณ 3 แสนคน หรือร้อยละ 0.461 ของประชากร 65 ล้านคน
ด้านนาย Nebahat Albayrak รัฐมนตรีช่วย กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า โดยเชื่อว่า ในอนาคตจำนวนนักโทษในประเทศจะลดลงอีกเรื่อยๆ และอาจต้องมีมาตรการในการเลย์ออฟเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกในอนาคตด้วย
นายวันชัย รุจนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมพินิจฯ กรมคุมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่าที่เป็นเพราะ เนเธอร์แลนด์ไม่ดำเนินนโยบายทางอาญาตามก้นอเมริกาแบบบ้านเรา ไทยตามก้นอเมริกาอย่างเลียนแบบ เลยมีหลายปรากฎการณ์ที่เหมือนกัน ระหว่างไทยกับสหรัฐ
1. อาชญากรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และรุนแรงมากขึ้นตลอด
2. มีการเพิ่มอัตราโทษให้รุนแรงขึ้นตลอด จำคุกยาวขึ้น เพิ่มโทษประหาร แต่อาชญากรรมไม่ลดลงเลย มีแต่เพิ่มมากขึ้น
3. มีนักโทษล้นคุก จนไม่รู้จะเอาที่ไหนขังแล้ว ต้องยัดเข้าไป
4. มีนักโทษที่พ้นโทษแล้วกลับมาทำผิดซ้ำในอัตราส่วนที่สูงมากๆ
5. เน้นการลงโทษด้วยการจำคุกมากกว่าการหาทางแก้ด้วยวิธีอื่น นึกอะไรไม่ออกก็สั่งจำคุกไว้ก่อน ยิ่งจำคุกคนมากๆ เราก็มีอดีตนักโทษที่ไม่มีที่ไปในสังคมมากขึ้นๆ ทุกที เมื่อไม่มีทางไปก็ต้องหันไปทำอาชญากรรม คดีจึงเพิ่มขึ้น
เนเธอร์แลนด์ไม่เอาอย่างอเมริกา ใช้มาตรการแก้ไขด้วยวิธีอื่น เขาจึงมีคนขี้คุกที่หมดอนาคตในสังคมน้อยมาก และแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ผล
#ไทยจะเดินหน้าเข้าสู่ทางตันต่อไปอย่างสหรัฐใช่ไหมโดยเฉพาะนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ที่เดินมาผิดทางจนหลงทางแล้ว.
ทั้งนี้ จากรายงาน ของ BBC รายงานว่า เรือนจำในเนเธอร์แลนด์ถึง 19 แห่งต้องปิดตัวลง เพราะไม่มีนักโทษให้คุมขัง และยังมีเรือนจำอีกหลายแห่งที่จะต้องเลิกทำการไปในปีหน้าเนื่องจากเหตุผลเดียวกันด้วย
จำนวนนักโทษในเรือนจำของเนเธอร์แลนด์มีต่ำมาก โดยลดลงจาก 14,468 คน เมื่อปี 2005 เหลือเพียง 8,245 คนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าลดลงถึงร้อยละ 43 ทำให้ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์มีอัตราส่วนผู้ต้องขังต่อประชากรทั้งหมดเพียง 57: 100,000 ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
ส่วนสาเหตุนั้นที่ไม่ค่อยมีนักโทษถูกจำขัง รวมทั้งอัตราการกระทำผิดซ้ำและกลับเข้ามารับโทษใหม่ก็ต่ำมากนั้น ฝ่ายงานด้านยุติธรรมและราชทัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์มองว่าเป็นผลสำเร็จของนโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาของผู้กระทำผิดเป็นรายบุคคล มากกว่าจะมุ่งลงโทษแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาผู้พิพากษาชาวดัชต์มักไม่ค่อยตัดสินลงโทษจำคุกหรือให้อาชญากรถูกจำคุกไม่นาน แต่ใช้วิธีอื่นในการลงโทษแทน เช่น ให้ติดแท็กอิเล็กทรอนิกส์เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหว ให้ทำงานบริการสังคม และให้เข้ารับการบำบัดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมขึ้น เช่น เข้ารับการบำบัดยาเสพติด เข้าหลักสูตรบริหารควบคุมอารมณ์โกรธเกรี้ยว หรือให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับผู้มีปัญหาหนี้สิน ซึ่งเชื่อว่าจะได้ผลในการปรับปรุงพฤติกรรมของนักโทษดีกว่าการคุมขัง
สำหรับนักโทษที่ต้องขังในเรือนจำเนเธอร์แลนด์นั้น ส่วนใหญ่เป็นบุคคลอันตรายที่จำเป็นต้องมีการควบคุม แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เรือนจำดัชต์ยังให้นักโทษมีอิสระอย่างมาก โดยสามารถเดินไปไหนมาไหน เช่นไปเดินเล่นพักผ่อนในสวนที่กว้างขวางร่มรื่น ไปห้องสมุด โรงยิม หรือครัว โดยมีการให้ยืมมีดทำอาหารได้อีกด้วย ซึ่งทางเรือนจำเชื่อว่าแนวทางนี้จะลดความกดดันและช่วยให้นักโทษกลับตัวกลับใจ สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในสังคมปกติหลังพ้นโทษได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายและเจ้าหน้าที่งานยุติธรรมบางส่วนมองว่า การที่คุกว่างนั้นเป็นวิกฤตอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดลดงบประมาณและยุบสถานีตำรวจหลายแห่งทั่วประเทศ ทำให้มีการรับแจ้งความน้อยลง และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่ออาชญากรรมได้น้อยลง
2016-11-13
http://headshot.tnews.co.th/contents/212847/