ผู้เขียน หัวข้อ: รณรงค์ “สวมกันน็อก” แม้แต่...ในรั้ว สธ.ยังเหลว!  (อ่าน 1398 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
สวมหมวกนิรภัย” หรือหมวกกันน็อก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ภายในรั้ว สธ.ปรากฏว่า เป็นไปตามที่คาดจริงๆ
 
  ย้อนกลับไปช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สธ.จัดแจงแถลงข่าว “กิจกรรมรณรงค์ทศวรรษความปลอดภัยหมวกนิรภัย 100%” ใหญ่โต มีการปล่อยขบวนวินมอเตอร์ไซค์ กว่า 100 คัน ตั้งเป้ารณรงค์ลดอัตราผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต จากอุบัติเหตุบนท้องถนน ลงเหลือ 50% ภายในปี 2563

สธ.ดีเดย์'7ก.พ.'จับปรับขี่จยย.ไม่ใส่หมวกกันน็อค
กระทรวงสาธารณสุข กำหนด 7 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป บังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัยอย่างจริงจัง หลังเริ่มรณรงค์เป็นหน่วยงานนำร่องเป็นเขตสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่กระทรวงสาธารณสุข
นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อคอย่าง จริงจัง หลังจากที่ได้เริ่มรณรงค์เป็นหน่วยงานนำร่องเป็นเขตสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 เป็นต้นมา และออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้พื้นที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นเขตสวมหมวกกันน็อค 100 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ปีส่งเสริมการสวมหมวกกันน็อค 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน

"จากการติดตามประเมินผลการใช้หมวกกันน็อคในพื้นที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาพบว่าได้ผลดีในกลุ่มผู้ขับขี่ ส่วนผู้ซ้อนท้ายยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยในกลุ่มรถจักรยานยนต์ทั่วไป ผู้ขับขี่มีอัตราการใช้เพิ่มขึ้นจากก่อนรณรงค์ร้อยละ 86 เป็นร้อยละ 94 ผู้ซ้อนท้ายใช้เพิ่มจากร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 48 ส่วนในกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง อัตราการใช้ในผู้ขับขี่ เพิ่มจากร้อยละ 94 เป็นร้อยละ 99.7 ผู้ซ้อนท้ายสวมเพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 43 เมื่อสอบถามผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้เหตุผลที่ไม่สวมหมวกกันน็อคว่า กลัวผมเสียทรง กลัวหมวกไม่สะอาด มากกว่ากลัวการได้รับบาดเจ็บทางสมอง" นางพรรณสิริกล่าว

ดร.พรรณสิริกล่าวว่า สธ.ได้ออกมาตรการเข้มงวด 3 มาตรการต่อเนื่อง โดย 1.ไม่อนุญาตให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ผ่านเข้าออกพื้นที่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเด็ดขาด หากต้องการผ่านให้ผู้โดยสารลงเดิน ส่วนผู้ขับขี่ให้ดับเครื่องและเดินจูงรถจักรยานยนต์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป

2.ประสานขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจเมืองนนทบุรี เข้ามาตรวจเตือนเป็นระยะๆ เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2554 หลังจากนั้นจะดำเนินการสุ่มตรวจจับและปรับตามกฎหมาย โดยผู้ขับขี่จะมีโทษปรับ 500 บาท ส่วนผู้ซ้อนท้ายถ้าไม่สวม ผู้ขับขี่จะถูกเป็นปรับ 2 เท่า คือ 1,000 บาท และถ้าเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีบทลงโทษทางวินัยตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย 3.กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนหมวกรองใน เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ซ้อนท้ายที่ต้องใช้หมวกกันน็อคร่วมกับผู้อื่น จำนวน 15,000 ชิ้น เนื่องจากผลสำรวจพบว่า ผู้โดยสารบางรายรังเกียจการใช้หมวกกันน็อคร่วมกับผู้อื่น

   
  ที่ตั้งใจว่าจะนำร่องให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในรั้วกระทรวงหมอสวมหมวกกันน็อกเป็นตัวอย่าง ดีเดย์ 7 ก.พ.ห้ามผู้ขับขี่ที่ไม่สวมกันน็อก เข้า-ออก กระทรวงหมอ ฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับ 500 บาท และหากผู้ซ้อนท้าย ไม่สวม ก็ปรับอีก 1,000 บาท แถมยังมีนโยบายแจกหมวกรองใน เพื่อสุขอนามัยอีกด้วย 
   
  แรกๆ ก็ขึงขังดี แต่ไฉนตอนนี้บรรดาพี่วินมอ’ไซค์ ที่ขับขี่รับส่งภายในกระทรวง จึงละเลยไม่สวมหมวกกันน็อกหน้าตาเฉย ทั้งคนขับ คนซ้อน หรือไม่ก็เข้าอีหรอบเดิม คือ คนขับใส่ แต่คนซ้อนไม่ใส่ ยังไงก็ฝากบิ๊ก สธ.ทั้งหลายทราบแล้วเปลี่ยน...!

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2554