ผู้เขียน หัวข้อ: แม่แฉคนมีสี คนมีสีป้อง ตีนผีโหดพุ่งขยี้กะฆ่าแพทย์หญิง / โฆษกกลาโหมยันไม่ปกป้อง  (อ่าน 1579 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
ทหารกรมยุทธบริการนำรถนิสสัน ซันนี่ ต้องสงสัย ก่อคดีสะเทือนใจขับพุ่งชนหมอ มุก-พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา แพทย์รางวัลพระราชทานเหรียญรามาธิบดีบาดเจ็บสาหัส มอบให้ตำรวจ แม่เหยื่อยืนยันพบพิรุธ 2 จุด สติกเกอร์หน้ารถจำนวนมากหายไป และที่ปัดน้ำฝนสี เหมือนเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ ส่งมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบต่อ ผบ.สูงสุดสั่งตั้งกรรมการสอบด่วน เสธ.ตุ้ม-พ.อ.ศิริศักดิ์ ตุ้มทอง นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำกองทัพน้อยที่ 1 ปฏิเสธทันควัน ไม่เคยนำรถทหารไปใช้ ขณะที่ อาการหมอมุกยังน่าเป็นห่วง สมองบวม มีไข้ หวั่นแทรกซ้อน...

จากเหตุป่าเถื่อนสะเทือนใจ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า บุตรสาว พ.ต.ประสิทธิ์ อิ่มวิทยา นายทหารที่พลีชีพในสมรภูมิเขาค้อเมื่อปี 2520 ถูกชายขับรถยนต์นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีน้ำตาล ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร ตั้งใจพุ่งชนอย่างแรง เหตุเกิดหน้าเสาวรสคลินิก ใกล้สถานีรถไฟสามเสน เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองบวม ต้องผ่าตัดและพักฟื้นในห้องไอซียู รพ.พระมงกุฎฯ ปัจจุบันยังไม่ได้สติ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของกรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีนี้ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด เพื่อตรวจสอบ และได้รับแจ้งว่าจะนำรถคันดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 20 มิ.ย.นั้น

ความคืบหน้าที่ สน.พญาไท เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี อดีตอาจารย์ภาควิชาจุลชีววิทยา รพ.ศิริราช มารดา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก พร้อมด้วยแพทย์กลุ่มเพื่อนของหมอมุก เข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมถึงรูปพรรณของรถและผู้ก่อเหตุ พร้อมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยนำรูปถ่ายของหมอมุก ขณะรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รพ.พระมงกุฎเกล้า มอบให้พนักงานสอบสวนด้วย

พญ.พรรณกรเปิดเผยว่า ต้องการมาให้ปากคำเพิ่มเติมและติดตามความคืบหน้า ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอยากจะให้ความจริงเปิดเผย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด คนก่อเหตุคงต้องเป็นคนเมาและมีสี จึงอยากขอความเป็นธรรมกับตำรวจ ออกมาสู้กันอย่างลูกผู้ชาย พ่อของหมอมุกก็เป็นทหารเหมือนกัน อาการตอนนี้ยังเบาใจไม่ได้ ต้องมีเพื่อนคอยดูแลกันอยู่ ตนยังมีความหวังว่าปาฏิหาริย์จะทำให้ลูกฟื้นได้ แต่ตอนนี้กังวลเรื่องลูกจะถูกปองร้าย อยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังไปคอยดูแลด้วย จุดเกิดเหตุหน้าบ้านตน เป็นจุดขาวแดงห้ามจอด แต่ก็จอดกันเป็นประจำอยู่

แม่เหยื่อหมอที่เคราะห์ร้ายกล่าวถึงวันที่เกิดเหตุว่าตอนนั้นกลับจากไปนมัสการหลวงท่อน ที่ รพ.วิชัยยุทธ ราวสามทุ่มเดินทางกลับบ้านที่เสาวรสคลินิก เลขที่ 45/12 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท หมอมุกขับรถโตโยต้า คัมรี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษต 4045 กรุงเทพมหานคร พบรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ นีโอ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร จอดขวางหน้าบ้าน จึงจดทะเบียนรถไปให้ร้านอาหารสามเสนวิลล่า ซึ่งจะให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ จอดรถริมถนน ช่วยแจ้งให้เจ้าของรถไปเลื่อนรถ จากนั้นหมอมุกก็จอดรถไว้โดยดึงเบรกมือแล้วไปเข้าห้องน้ำ ต่อมามีชายลักษณะคล้ายทหาร มาขับรถคันที่จอดขวางทางออกไป แล้วจอดซุ่มฝั่งตรงข้ามริมทางรถไฟ บริเวณถนนกำแพงเพชรตัดถนนเศรษฐศิริ จากนั้นมองกลับมาที่หมอมุก ทางหมอมุกก็ยังบอกกับตนด้วยความสงสัยว่า ทำไมขับไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่หมอมุกเดินไปที่รถ เพื่อเตรียมจะถอยเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น ก่อนที่รถคันนั้นจะขับพุ่งชนหมอมุกจนกระเด็นลอยละลิ่ว ต่อหน้าต่อตาตน โดยมีพยานที่เห็นเหตุการณ์วิ่งเข้าไปช่วยเหลือ เก็บที่ปัดน้ำฝนของรถคันก่อเหตุซึ่งตกอยู่ไว้เป็นหลักฐาน เรื่องนี้ตนมั่นใจว่าคนขับรถ จงใจกระทำและต้องมีคนคุ้มครอง หรือเป็นคนมีสี จึงกล้าทำกับผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พนักงานสอบสวนบอกว่ารับคดีไว้แล้ว พร้อมกับทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางต้นสังกัดแจ้งว่าจะนำรถมาให้ตรวจสอบในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปยกรถคันดังกล่าวมาไว้ที่โรงพักแล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนที่มองว่าตำรวจทำงานล่าช้า ขอยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายทุกอย่าง ที่ช้าเพราะขั้นตอนทางเอกสารในทางราชการ

ต่อมาพนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถยกไปที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ พบรถจอดอยู่ที่อาคาร 5 ชั้นล่าง แต่เจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้นำรถออกไป โดยให้เหตุผลว่าต้องรอคำสั่งของผู้บังคับบัญชาก่อน หลังจากนั้นจะนำไปให้เอง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินทางกลับ

หลังจากนั้นเวลา 13.30 น. พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำรถนิสสัน ซันนี่นีโอ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร ไปที่ สน.พญาไท พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส. จึงเชิญ พญ.พรรณกร มารดาหมอมุก ไปตรวจดูรถคันดังกล่าว พบว่าบริเวณกระจกด้านหน้ารถมีสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออก กองบัญชาการกองทัพไทย ติดอยู่ด้านหน้าซ้ายเพียงแผ่นเดียว ขณะที่แม่หมอมุก ยืนยันว่า รถคันก่อเหตุมีสติกเกอร์ติดอยู่ด้านหน้าจำนวนหลายแผ่น และที่ปัดน้ำฝนข้างขวาของรถคันดังกล่าวนี้ สีก็ไม่เท่ากัน มีลักษณะคล้ายเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ แต่โดยรวม เหมือนกับรถคันที่ก่อเหตุทั้งสีรถ หมายเลขทะเบียนทุกอย่างตรงกัน มีพิรุธเพียง 2 จุดเท่านั้น

พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า ตอนนี้สอบปากคำพยานที่เกิดเหตุและผู้เสียหาย รวมทั้งประสานงานทางกองทัพไทยส่งรถมาให้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะอายัดรถไว้เพื่อส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐานต่อไป สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้และแจ้งข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยประสงค์ต่อชีวิต  เข้าข่ายคดีอาญาพยายามฆ่า แต่ต้องรอดูอาการบาดเจ็บของหมอมุกว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ได้รับเป็นคดีรถชนธรรมดา พนักงานสอบสวนขอยืนยันว่ามีหลักฐานกล้องวงจรปิด เห็นภาพที่คนร้ายจอดรถฝั่งตรงข้าม ก่อนขับมากลับรถตรงแยกไฟแดงถนนเศรษฐศิริ แล้วชะลอดูผู้บาดเจ็บก่อน พอเห็นออกมายืนข้างรถก็เร่งความเร็วพุ่งชน ก่อนปิดไฟหน้า แล้วขับถอยหลังกลับรถฝ่าไฟแดงแยกเศรษฐศิริหลบหนีไป นอกจากนี้ ยังมีพยานวัตถุเป็นที่ปัดน้ำฝนซึ่งติดมากับผู้บาดเจ็บ เป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้

พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กล่าวว่า รถคันนี้เบิกออกมาจากกรมยุทธบริการ  มาใช้งานในสำนักงานปลัดบัญชีทหาร ส่วนขั้นตอนการนำรถออกไปใช้ ต้องมีการลงชื่อเบิกไปทุกครั้ง มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ เท่าที่ทราบจากทหารที่ดูแลรถคันนี้ แจ้งว่ารถมีปัญหาเรื่องหม้อน้ำรั่วซึม ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว และใช้วิ่งอยู่แค่ภายในกรมเท่านั้น ไม่ได้ออกไปไหนที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เวลา 15.00 น. ร.ต.ท.สุดประเสริฐ หลัดทอง พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้นำหลักฐาน รถยนต์นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร พร้อมที่ปัดน้ำฝน ซึ่งเก็บได้ในที่เกิดเหตุไปให้เจ้าหน้าที่ สพฐ.ตร.ตรวจสอบ ร.ต.ท.สุดประเสริฐเปิดเผยว่า แม่ของผู้เสียหาย และพยานในที่เกิดเหตุจำรถยนต์คันดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม. บันทึกภาพเหตุการณ์และรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อทราบว่ารถคันดังกล่าวมาจากไหน ใครเป็นผู้ครอบครอง ก็พยายามประสานเพื่อขอนำรถมาตรวจสอบ แต่ต้องล่าช้า เพราะติดขัดด้วยเรื่องขั้นตอนทางราชการ

พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวเพื่อหาว่ามีเหตุเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่ เบื้องต้นจะตรวจหาลายนิ้วมือบนตัวรถและภายในรถว่าจะเกี่ยวโยงกับใครบ้าง  ส่วนที่ปัดน้ำฝนซึ่งเก็บได้ในที่เกิดเหตุ ต้องตรวจสอบหาร่องรอยว่าจะสอดคล้องกับตัวรถหรือไม่ ส่วนจะได้รายละเอียดมากน้อยแค่ไหน ต้องดูที่วัตถุพยาน เพราะถ้ามีการตรวจพิสูจน์เร็วเท่าไร ก็จะได้ผลการตรวจสอบที่สมบูรณ์มากขึ้น แต่ในชั้นนี้คงจะชี้ชัดไม่ได้ว่ารถคันนี้เป็นคันที่ก่อเหตุหรือไม่ เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน

ในเย็นวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการทหารสูงสุดว่า พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ. ทหารสูงสุด ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง กรณีรถยนต์นิสสันที่อยู่ในบัญชีควบคุมของกรมยุทธบริการทหาร จำนวน 54 คัน มีการยืมไปใช้ในราชการอย่างไร และปัจจุบันอยู่กับนายทหารคนใดบ้าง ทั้งนี้ ขอให้สรุปผลสอบโดยเร็ว เนื่องจากข่าวดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน โดย ผบ.ทหารสูงสุด มอบหมายให้ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองเสนาธิการทหาร เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน โดยเบื้องต้นจะเชิญ พล.ท.สมหมาย เกาฎีระ ปลัดบัญชีทหาร และ พล.ท.อุดม พูลสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร บก.ทหารสูงสุดมาสอบถาม

พล.ท.อุดม พูลสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธบริการ กองบัญชาการทหารสูงสุดยอมรับว่า รถนิสสัน ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร เป็นของกรมยุทธบริการทหาร บก.ทหารสูงสุดจริง เป็นรถที่อยู่ในบัญชีควบคุมรถทั้งหมด ของ บก.ทหารสูงสุดจะขึ้นทะเบียนไว้ที่กรมยุทธบริการทหาร ก่อนแจกจ่ายไปยังหน่วยต่างๆในสังกัด สำหรับรถคันดังกล่าวนี้ ขึ้นบัญชีไว้ที่สังกัดสำนักงานปลัดบัญชีทหาร บก.ทหารสูงสุด ส่งมอบไปเมื่อปี 2550 และได้ทำเรื่องขอใช้จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการส่งคืน สำหรับรถของกรมยุทธบริการทหาร มีบัญชีควบคุมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คัน เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยของตน

ในส่วนอาการของหมอมุก ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ชั้น 3 อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก รพ. พระมงกุฎเกล้า ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้  ภายในห้องพักเดี่ยว ซึ่งจัดไว้เฉพาะผู้ป่วยหนัก มีอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดัน เครื่องตรวจจับการเต้นหัวใจ และอุปกรณ์การแพทย์มากมาย

พ.อ.นายแพทย์ ธีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยถึงอาการ ของหมอมุกว่ายังทรงตัว เนื่องจากมีภาวะสมองบวม ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยังไม่ผ่านช่วงวิกฤติ หากภายใน 1-2 วันนี้ภาวะสมองบวม ยังไม่ดีขึ้น อาจต้องผ่าตัดสมองเป็นรอบที่ 3

ขณะที่ นพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งดูแลหมอมุกเปิดเผยถึงอาการล่าสุดของหมอมุกผ่านรายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ว่า ตอนนี้ยังมีภาวะสมองบวม ความดันในสมองสูงกว่าปกติเล็กน้อย จึงต้องอยู่ในห้องไอซียู คนไข้ยังไม่รู้สึกตัว และยังต้องให้ยารักษาเรื่องสมองบวมอยู่ ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้หมอมุกยังไม่รู้สึกตัวเลย วันนี้ลืมตาได้ แต่ยังไม่รับรู้ สำหรับการผ่าตัดครั้งแรกนั้น เพื่อลดภาวะสมองบวม และนำเลือดออก ครั้งที่ 2 ผ่าตัดเพื่อใส่สายวัดความดันในกะโหลกศีรษะ อาการตอนนี้ถือว่ายังทรงตัว อาการสมองบวม เริ่มค่อยๆดีขึ้น จึงพยายามลดยาเกี่ยวกับเรื่องสมองบวมลงไป แต่วันนี้มีปัญหาภาวะอาจมีไข้สูง ต้องให้ยาปฏิชีวนะทางกระแสเลือด สงสัยว่าอาจมีภาวะแทรกซ้อนการติดเชื้อ ซึ่งต้องรอผลการเพาะเชื้ออยู่ สำหรับปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือสมอง เพราะสมองส่วนหน้าทั้ง 2 ข้างค่อนข้างบวมและช้ำเยอะ สมองที่บวมมาก คือสมองส่วนหน้าทั้ง 2 ข้าง และยังมีสมองช้ำ ด้านหน้าเสียหายไปค่อนข้างเยอะประมาณ 60% และการที่คนไข้ยังอยู่ ในภาวะสมองบวม ทำให้ยังประเมินไม่ได้ว่าจะกลับมาปกติเหมือนเดิมหรือไม่

ด้าน พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุกกล่าวเพิ่มเติมว่า หมอมุกได้รับพระบรมราชานุเคราะห์ให้เรียนที่ ร.ร.จิตรลดา ด้วยความดีที่บิดาสร้างสมไว้ จึงตั้งใจเรียน และเลือกเรียนแพทย์ที่ รพ.วชิรพยาบาล จบแล้ว ไปประจำที่ จ.ร้อยเอ็ด ก่อนจะอาสาสมัครลงไปช่วยราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยเหลือผู้สูงอายุจำนวนมาก เนื่องจากมีความสามารถเรื่องการรักษาฝังเข็ม จนได้รับพระราชทานรางวัลเหรียญรามาธิบดี และอยู่ใน คณะแพทย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หลังจากนั้นได้ย้ายมาประจำที่คลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอย้ายลงไปช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อีกครั้ง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับโทรศัพท์จาก พ.อ.ศิริศักดิ์ ตุ้มทอง หรือ เสธ.ตุ้ม นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำกองทัพน้อยที่ 1 กองทัพภาคที่ 1 เปิดเผยถึงเรื่องราวที่มีกระแสว่าตัวเองเข้าไปพัวพันกับรถยนต์ที่พุ่งชนหมอมุกว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ไปไหน หลังจากเลิกงานก็กลับบ้านทันที ไม่ได้ไปดื่มสุราหรืออะไรทั้งนั้น ส่วนที่บอกว่าตนครอบครองรถนิสสันจากพล.อ.อำพล ตุ้มทอง นายทหารนอกราชการ บิดา ก็ไม่ เป็นความจริง เพราะรถที่บ้านมีใช้เยอะแยะ ไม่จำเป็น ต้องนำรถของบิดามาใช้แต่อย่างใด และบิดาตนก็ไม่เคย นำรถของทางราชการมาใช้ เนื่องจากเกษียณอายุราชการไปนานแล้ว และต้องส่งรถคืนหลวงตามขั้นตอน เพราะ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะขับรถไปพุ่งชน พ.ต.พญ.หทัยพร ตามที่เป็นข่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้ติดต่อมายังผู้บังคับบัญชาของตนเพื่อไปให้ปากคำ เพราะตนไม่ได้กระทำอะไร

สำหรับ พ.อ.ศิริศักดิ์ ตุ้มทอง เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 28 เป็นบุตรชายของ พล.อ.อำพล ตุ้มทอง นายทหาร จปร.รุ่น 2
.................................................................................
โฆษกกระทรวงกลาโหม ยัน เร่งตรวจสอบหาคนขับรถชน หมอมุก ขอเวลา 3-7 วัน หาตัว ย้ำ ผู้บังคับบัญชา สั่งทำตามข้อเท็จจริง ไม่ปกป้องแน่

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กำลังเร่งสอบสวนคดีขับรถชน หมอมุก หรือ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา โดยล่าสุด รมว.กห. และ ผบ.สส. ย้ำชัดเจนว่า จะต้องตรวจสอบว่า ใครนำรถไปขับกันแน่ โดยจะต้องใช้เวลา 3- 7 วัน ในตรวจสอบ ซึ่งยังไม่ชัดว่า ใครเป็นคนขับแน่ โดยมีการตั้งกรรมการสอบสวน ที่มาที่ไปและต้องสามารถชี้แจงให้สังคมรับทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่

โฆษก กห. กล่าวอีกว่า ส่วนการเบิกรถมาใช้ได้นั้น ตามระเบียบของราชการทหาร ต้องเป็นระดับผู้บังคับหน่วย ถึงจะเบิกได้เท่านั้น โดยมีหลายระดับ ยศปกติ ก็ตั้งแต่ พ.อ.พิเศษ ขึ้นไป และทางทหารขอย้ำอีกครั้งว่า จะต้องนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่มีการช่วยเหลือกันแน่ ตามที่ ผู้บังคับบัญชา สั่งการลงมา

ด้าน พ.อ.พีรพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุ ร.พ.พระมงกุฎ เปิดเผยอาการล่าสุดของหมอมุกว่า ยับทรงตัว มีไข้เล็กน้อย เป็นห่วงเรื่องสมองบวม ที่ยังมีอาการอยู่ ถือว่า ยังไม่พ้นขีดอันตราย ได้ทำการเปิดกระโหลกศีรษะออก เพื่อให้ความดันในสมองยุบตัวลง สรุปสิ่งที่ต้องทำขณะนี้ คือ ควบคุมเรื่องไข้และเรื่องสมองบวม และการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ด้าน ค่าใช้จ่ายการรักษา ก็เบิกจ่ายได้ตามระเบียบอยู่แล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ 21 มิย 2554