เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงการเรียกสอบปากคำผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับคดีการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบว่าในวันนี้ได้เรียกสอบผู้อำนวยการ 4 โรงพยาบาลประกอบด้วยรพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ รพ.ดอยหล่อและรพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยประเด็นสอบปากคำเกี่ยวกับการบริหารจัดการ การอนุมัติ จัดซื้อยาแก้หวัดว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางวิชาชีพหรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่ผู้อำนวยการรพ.ชี้แจงถือว่ามีประโยชน์ต่อการสอบสวน และหลังจากนี้จะนำข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบกับข้อมูลที่ได้รับจากผู้แทนของสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกองสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส) ที่่เข้าให้ข้อมูลในวัน้ดียวกันนี้(19เม.ย.) ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะทยอยเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งผู้อนุมัติการเบิกจ่ายยา แพทย์ เภสัชกร รวมถึงเจ้าหน้าที่ห้องยา
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า การให้ปากคำของผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้รับความร่วมมือดี มีการเตรียมเอกสารมาชี้แจงจำนวนมาก เช่น นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.ศูนย์อุดรฯ ซึ่งมียาแก้หวัดสูญหายจำนวนมากที่สุดคือ กว่า 7 ล้านเม็ดได้นำเอกสาร หนังสือการยอมรับผิดของนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรที่กำลังหลบหนีมามอบให้ เพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ผอ.รพ.ทองแสนขันนำทนายความมาร่วมให้ปากคำด้วย อย่างไรก็ตามการชี้แจงของผู้อำนวยการแต่ละโรงพยาบาลมีความแตกต่างกันในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน
ด้าน นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.ศูนย์อุดร กล่าวภายหลังให้ปากคำกว่า5 ชั่วโมงว่า ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่สูญหายไป รวมถึงรายละเอียดขั้นตอนการเบิกจ่ายยา ยืนยันว่าการจัดซื้อและเบิกจ่ายยาของรพ.ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี 2535 กรณียาที่สูญหายไปของรพ.ศูนย์อุดรธานี มีเภสัชกรที่เป็นผู้ควบคุมคลังยาซึ่งเภสัชกรคนดังกล่าวได้ทำหนังสือยอมรับว่าเป็นผู้ทำผิดเพียงคนเดียวไว้เป็นหลักฐาน ตนได้นำหลักฐานดังกล่าวชี้แจงกับพนักงานสอบสวนด้วย
นพ.พิชาติ กล่าวว่า เภสัชกรคนดังกล่าวถือเป็นหัวหน้าคลังยาที่ดูแลการทำเรื่องเบิกจ่ายจัดซื้อทั้งหมด โดยตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ลงนามการจัดซื้อเท่านั้น ส่วนการตรวจสอบหรือดูแลคลังยาผอ.ไม่มีอำนาจเกี่ยวข้อง ปกติขั้นตอนการจัดซื้อยาจะต้องมีผู้ลงนามหลายส่วนทั้ง ผอ.รพ. เภสัชกรหัวหน้าคลังยา หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุยา และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการลงนามไปตามระเบียบที่กำหนด โดยที่ผ่านการตรวจสอบไม่พบรายงานความผิดปกติ ซึ่งในส่วนรพ.ศูนย์อุดรธานี มีคลังยา 2 คลัง และมีเภสัชกรดูแลแยกกัน ซึ่งเภสัชกรอีกรายไม่พบว่ามีปัญหาการเบิกจ่าย ส่วนเภสัชกรรายที่สารภาพว่าลักลอบนำยาออกไปใช้นั้นใช้วิธีการทำเอกสารเท็จทุกขั้นตอน
"เภสัชกรในฐานะที่เป็นหัวหน้าคลังยาและเป็นผู้ถือกุญแจห้องยาจึงสามารถหยิบกล่องยาออกไปได้ จากนั้นมีการทำเอกสารปลอมว่ามียาอยู่น้อยกว่าความเป็นจริง เพราะส่วนที่เกินนั้นถูกลักลอบนำออกไป โดยที่ผ่านมาไม่สังเกตถึงความผิดปกติเพราะมีการทำเอกสารเท็จว่ามียาจำนวนน้อยเพราะต้องจ่ายยาให้ผู้ป่วย"ผอ.รพ.ศูนย์อุดรฯระบุ
มติชนออนไลน์ 19 เมษายน พ.ศ. 2555