ผู้เขียน หัวข้อ: พัทยา มหาวิทยาลัยไคลสวาท(สารคดี-เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก)  (อ่าน 2080 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
นามเดิมของ “พัทยา” อาจหมายถึง “ทัพพระยา” จุดแวะพักและเมืองทางผ่านก่อนยกทัพไปตีจันทบูรของพระยาตาก (พระเจ้ากรุงธนบุรี) กระนั้น บางคนก็เชื่อว่าเพี้ยนมาจากลม “พัทธยา” ซึ่งพัดผ่านถิ่นนี้เป็นประจำทุกปี พัทยา ในอดีตคือเมืองเกษตรชายฝั่งที่แร้นแค้นน้ำจืด ต้องพึ่งพาน้ำฝน และชาวบ้านดำรงชีพด้วยพืชไร่     มีวิถีประมงท้องถิ่นผสมผสานกับคนจีนผู้รักค้าขายที่โล้สำเภามาขึ้นฝั่งตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พัทยาเป็นเมืองท่าที่ไม่ใหญ่โตนัก ทว่าบริบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติของป่าเดิม ในเรื่องนี้ เหมือน จิตต์กระวาน ผู้เฒ่าชาวนาเกลือเล่าให้เราฟังถึงสัตว์ป่าจำพวกหมีและช้างที่มาลักขโมยกินแตงและสับปะรดของไร่แกในอดีต     (อยู่แถววงเวียนโลมา) และความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ (คง) ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้     
                ชื่อของ “พัทยา” ยังจารึกอยู่ในความทรงจำของเหล่านาวิกโยธินอเมริกัน ผู้พกความงุ่นง่านมาตุงอารมณ์เมื่อกว่าห้าสิบปีก่อน ในยุคนั้น แดนหาดวิไลทรายลออประดุจดั่งสรวงสวรรค์แห่งทะเลตะวันออกแห่งนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนของบรรดาทหารหาญผู้ว้าเหว่หลังพานท้ายปืนในสงครามเวียดนาม ดอลล่าร์ของพวกเขาเสกให้เมืองเล็กริมชายฝั่งแห่งนี้เปลี่ยนไป และดูเหมือนจะเปลี่ยนไปตลอดกาล     
                ใครจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังได้ “ก็ที่นี่แหละค่ะ เมืองท่องเที่ยวที่ถูกที่สุดในโลก” สุมาลี เนียมนัด   หญิงชราวัย 74 ปี ขออาสาเท้าความ ในขวบปีนั้น หล่อนปุเลงรถมาจากนครสวรรค์เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ จีไอที่ตาคลีแนะนำหล่อนว่าเมืองริมหาดสะอ้านแห่งนี้ยังคงมีดอลลาร์บานไม่หุบ ทหารพวกนั้นยังเหงาและบางคนเศร้า หล่อนเปิดบาร์เล็กๆ   และจำหน่ายยาดับเหงา เครื่องเมาระงับเศร้า ไม่นานนัก     “พวกหล่อน”    ผู้ละไคลสาปควายจากที่ราบสูงและเปรมรสเขียดแลวก็ตามมาขอทำงานด้วย
                “สาวบาร์” นิยามเริงลิ้นของนักเที่ยว พวกหล่อนต้องการชีวิตที่ดีกว่า และมีฝันที่จะไม่หิว การหลั่งไหลมาของ  พวกหล่อนคือปรากฏการณ์ทางสังคมที่ไม่ต่างอะไรกับการตื่นทอง  พวกหล่อนในยุคนั้นถูกเปรียบหยาบคายถึงหญิงนครโสเภณี กระนั้นใครจะแยแส เพราะความหิวช่างเหี้ยมโหดกว่าลมปรามาสพวกนั้น   พวกหล่อนมีเสน่ห์แบบตะวันออกและโปรยเสน่ห์นั่นให้เหล่าทหารนักรบ  และพวกเขาก็สมัครใจตกเป็นทาสของหล่อนโดยจ่ายเศษสตางค์ของเบี้ยเลี้ยงกองทัพแลกเปลี่ยน
                วิถีแห่งพัทยาอาจมีกลิ่นคาวบ้าง และน้ำยาล้างจานอาจล้างไม่ออก แต่วิถีเหล่านั้นก็ปั้นพัทยาจนมีรูปของเมืองแห่งโอกาส สามสิบปีต่อมาบาร์ของสุมาลียังคงต้อนรับแขกมากหน้าหลายตา  และสาวๆบาร์เหล่านั้นก็เปลี่ยนเวียนหน้า เนื่องจากบางคนได้ผัวฝรั่งและหอบผ้าผ่อนตามเขาไปด้วย สุมาลียิ้มให้การณ์นี้ หล่อนบอกว่า “ยายดีใจค่ะ ที่เค้าไปได้ดี”
                พัทยาเปลี่ยนโฉมไปสู่นครแห่งการท่องเที่ยวสมบูรณ์แบบ หลังสงครามรูดม่านปิดฉาก และความเศร้าของจีไอ    อเมริกัน   สวรรค์โลกียะและธรรมชาติวิเศษของพัทยาก็เล่ากันปากต่อปากจนถึงหูนักท่องเที่ยวยูโรเปียนผู้หน่ายน้ำแข็ง และหิมะ พวกเขาเดินทางมาแสนไกลเพื่อพิสูจน์คำร่ำลือ และสุขใจเมื่อกลับไปบอกต่อ วันคืนมะรืนค่ำของพัทยาหมุนเวียนไปด้วย “แขก” หลากหลาย ตั้งแต่เยอรมันพุงพลุ้ย อาระเบียนรวยระยับ   จนถึงรัสเซียนสิงห์นักดื่ม ความมั่งคั่งของเมือง มีเงินซุกอยู่ทุกหลืบ และกลิ่นหอมของมันก็ชักนำการย้ายถิ่นมาครั้งมโหฬาร     ทั้งที่พัทยามีประชากรเพียงแสนกว่าคนเท่านั้น ทว่าประชากรแฝงของพัทยากลับมีมากถึงกว่า 4 แสนคน ซึ่งรวมทั้งชนบทแมนผู้ขยันขันแข็ง และชาวต่างชาติที่รักพัทยาเหลือหลาย โดยเฉพาะเศรษฐีใหม่อย่างรัสเซียที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาชื่นชอบเมืองนี้เป็นพิเศษ “พวกเค้าเหมือนเศรษฐีใหม่น่ะครับ ไม่พูดอังกฤษ  ดื่มจัด ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง มีเงิน แต่ชอบของถูก” เจตน์กมล บุญปกครอง ไกด์ทัวร์รัสเซียบอก
                ความหลากหลายของชาวต่างชาติและธุรกิจบันเทิงอาจมีเบื้องหลังเป็นหมอกจาง   กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา พัทยาต้อนรับแก๊งมาเฟียต่างชาติหลากหลาย ที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของอุลริค โวล์ฟกัง  ชาวเยอรมันผู้เกี่ยวพันกับเงินสีดำและธุรกิจทมิฬหลายชนิด รวยระยับ      มีเมียคนไทย และเครือข่ายถึงนักการเมืองและสื่อมวลชน ศูนย์ประสานงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ประเมินว่ามีแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติในพัทยา 8  กลุ่ม ได้แก่ เยอรมัน จีน เกาหลี ปากีสถาน ญี่ปุ่น  แอฟริกา อังกฤษ และรัสเซีย กระนั้นด้วยนโยบายการปราบปรามที่เข้มงวด และวิธีของ “ขาใหญ่” ท้องถิ่นเดิม หัวโจกแก๊งค์หลายคนจึงต้องหนีกลับประเทศไปโดยปริยาย             
                ความคล่องตัวในฐานะเขตปกครองพิเศษ       ส่งผลให้พัทยาเติบโตอย่างก้าวกระโดด    จำนวนนักท่องเที่ยวพัทยาในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 5 หมื่นล้านบาท การขยายตัวของเมืองเนื่องมาจากโอกาสทางเศรษฐกิจ   ในพื้นที่เพียงประมาณ 200 ตารางกิโลเมตรของเมืองนี้กำลังเติบโตในแนวดิ่ง ราคาที่ดินของพัทยาพุ่งสูงขึ้นแตะหลักร้อยล้าน ปรากฏการณ์คอนโดมิเนียมในพัทยาผุดขึ้นราวดอกต้อยติ่ง ปัจจุบัน คอนโดมิเนียมในพัทยามีอยู่ราว 44,500 ยูนิต  นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา   ธุรกิจนี้ขยายตัวร้อยละ 12 โดยมีเขาพระตำหนักเป็นทำเลยอดนิยม รองลงมาคือหาดวงศ์อมาตย์ และนาเกลือ         
                นั่นสะท้อนว่าภาพลักษณ์ของพัทยายังน่ารักอยู่ แม้อาชญากรรมเล็กๆ และปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างน้ำท่วมและชายฝั่งกัดเซาะอาจรบกวนหัวใจบ้าง แต่พัทยายังคงเปิดรับการเติบโตอย่างเต็มที่ ดรูว์ นอยส์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Pattaya Times ยืนยันเรื่องนี้ได้ สิบกว่าปีที่ผ่านมาของอเมริกันชนผู้หลงใหลพัทยามองเมืองนี้ด้วยสายตาสีน้ำข้าว เขาเล่าถึงสาวบาร์คนหนึ่งที่เปลี่ยนชายเยอรมันขี้เมาให้กลับมาเป็นคนสุภาพเลิกดื่ม พูดถึงอาหารที่มีให้เลือกกินสารพัด  สาธยายโอกาสในการทำธุรกิจ ไปจนถึงจิตวิญญาณการให้บริการและไมตรีที่คนไทยมีให้ฝรั่ง  ก่อนจะปิดท้ายด้วยความประทับใจในความนอบน้อมของสมาชิกตระกูล “คุณปลื้ม” ที่เขาเปรียบเปรยเหมือนตระกูลเคนเนดีในอเมริกา           
                พูดถึงตระกูลนี้ เรื่องราวของเมืองตะวันออกจะไม่สมบูรณ์เอาเสียเลยถ้าไม่ได้พบกับใครสักคนหนึ่งจากตระกูลนี้ เราเลือกไปพบ “นายกติ๊ก” อิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา บุตรชายคนเล็กของ “บ้านใหญ่” ตระกูลการเมืองท้องถิ่นที่ยิ่งใหญ่ เขาเล่าว่า พัทยาก็เหมือนเมืองอื่นๆ ที่มีปัญหาต้องแก้ไขมากมาย เช่น อาชญากรรม (ไม่รุนแรงนัก แต่รบกวนหัวใจ) การจราจร น้ำท่วม      ผังเมือง และการเติบโตของเมือง  หลายอย่างได้รับการแก้ไขบรรเทา และหลายกรณีเป็นปัญหาใหม่ที่เร่งด่วน ปัญหาสิ่งแวดล้อมยังน่าวิตก พัทยาผลิตขยะวันละราว 350 ตัน ตามมาด้วยชายฝั่งกัดเซาะที่อาจทำให้หาดทรายขาววิไลหายไปจากพัทยาอย่างถาวร แม้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจสั่นคลอนไปบ้างในปีที่การเมือง ท้องถนนดุเดือด แต่พัทยาก็เหมือนบรูซ วิลลิส ที่อึดทายาดและกลับมาพิชิตตัวโกงตอนท้ายในที่สุด “พัทยาเป็นเมืองที่ล้มแล้ว ลุกเร็ ครับ”             
                พลวัตของพัทยาคือตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างวิเศษแท้ การจากไปของนาวิกโยธิน แทนที่ด้วยนักท่องเที่ยวรัสเซีย เกาหลี และจีน ป่าชายเลนที่มลายหายหลงเหลือเพียงแห่งเดียว ชายฝั่งที่หดสั้นลง พนักงานบริการข้ามเพศผู้ยังคงฝากความหวังบนเรียวขาอ่อนและน่องปูดโปน   เกาะล้านคือแหล่งปาร์ตี้แห่งใหม่ของคนกรุงผู้ปวดต้นคอด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม และเด็กเร่ร่อนก็มุ่งมาพัทยาเพื่อขายบริการทางเพศในวันที่พวกเขาหิวกาวกระป๋อง             
                เมืองซึ่งสะท้อนฉายฉานด้วยโอกาสแห่งนี้อาจไม่ใช่นครที่สวยสดงดงามที่สุด หรือเมืองที่โหดร้ายที่สุด ความเหงาและเศร้าอาจฉายผ่านปลายเล็บที่เปราะและขาดวิตามิน หรือความสุขชั่วคราวที่ยู่ยี่ด้วยธนบัตรเก่า พัทยาได้ฝังความ ทรงจำเอาไว้ใต้ผืนดิน ผืนทราย และผืนน้ำ รอคอยให้ใครสักคนกลับไปขุดค้นอีกครั้ง

ตุลาคม 2554