4. สะพัด! โผโยกย้ายทหาร เด้ง วินัย พ้น ผบ.หน่วยซีล เอาใจ รบ. ด้าน ปชช.ยื่นค้าน-ถวายฎีกา ขณะที่เจ้าตัวขู่ไขก๊อก!
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เผยถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารกลางปีจำนวน 203 นายว่า ตนได้ส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาเมื่อวันที่ 11 มี.ค. จากนั้นวันที่ 12 มี.ค. กกต.ได้เชิญตนไปชี้แจงเพิ่มเติม ด้าน กกต.ได้เห็นชอบบัญชีโยกย้ายนายทหารตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอแล้วเมื่อวันที่ 14 มี.ค. หลังได้รับการชี้แจงจากกระทรวงกลาโหมว่าการแต่งตั้งโยกย้ายดำเนินการตามความเหมาะสม และตามลำดับอาวุโส
ทั้งนี้ มีรายงานว่า โผโยกย้ายทหารครั้งนี้ มีการปรับย้ายตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ พล.ท.วลิต โรจนภักดี (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 1 ซึ่งเป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์และเคยพลาดหวังจากการขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาถึง 2 ครั้ง ครั้งนี้จะได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แทน พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะขยับเข้ากินอัตราพลเอก ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ด้าน พล.ท.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จะได้ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ขณะที่ พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ (ตท.18) ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์(ผบ.พล.1รอ.) ซึ่งขณะนี้เป็น ผบ.กองกำลังทหารควบคุมการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในกรุงเทพฯ จะขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 โดย พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ตท.20) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 (ผบ.มทบ.15) ลูกชาย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) จะกลับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.
ส่วนกองทัพเรือ มีรายงานว่า มีการปรับย้ายตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ (ตท.16) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการพิเศษทางเรือ(ผบ.นสร.) หรือ ผบ.หน่วยซีล หลังจาก พล.ร.ต.วินัย ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล จนมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่พอใจ นอกจากนี้ พล.ร.ต.วินัย ยังถูกรัฐบาลมองว่าให้การสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ขณะที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ รู้สึกไม่สบายใจและอึดอัดกับการถูกรักษาการนายกฯ กดดัน จึงปรับย้าย พล.ร.ต.วินัย ที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.นสร.มานาน 3 ปี 6 เดือน ออกจากตำแหน่ง เพื่อลดแรงกดดันจากรัฐบาล โดย พล.ร.ต.วินัยจะถูกย้ายไปกินอัตราพลโทในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง ผบ.นสร. แทน พล.ร.ต.วินัยได้ จึงโยก พล.ร.ต.ยุจ พิจิตรชุมพล หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ (ตท.18) ผบ.กองเรือยุทธการ ที่เคยดำรงตำแหน่งทั้งรอง ผบ.นสร. และ เสธ. นสร.ลงมาเป็น ผบ. นสร. เพื่อขัดตาทัพไปก่อน
ด้าน พล.ร.ต.วินัย กล่าวถึงกระแสถูกย้ายออกจากตำแหน่ง ผบ.หน่วยซีล ว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาจะเห็นสมควร แต่ผมอาจจะลาออกจากราชการ หากถูกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ผมไม่ได้ทำงาน และมีแรงกดดันมากๆ เพราะผมเป็นคนทำงาน จะให้ผมอยู่เฉยๆ คงไม่ไหว เช่น ถ้าย้ายผมไปอยู่ที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม แล้วจะให้ผมทำงานอะไร ขณะนี้ขอตัดสินใจแบบวันต่อวัน ที่ผ่านมา หน่วยซีลไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่บางคนที่ไปเพราะอยากปกป้องประชาชน เกรงว่าอาจได้รับอันตรายเท่านั้น
ทั้งนี้ หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการโยกย้าย พล.ร.ต.วินัย พ้นตำแหน่ง ผบ.หน่วยซีล โดยเครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี ได้นำมวลชนเดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพเรือเมื่อวันที่ 14 มี.ค.เพื่อยื่นหนังสือขอให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ทบทวนการปรับย้าย พล.ร.ต.วินัย
ขณะที่อีกด้าน กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ได้นำมวลชนเดินทางไปที่สำนักงานเลขาธิการพระราชวัง เพื่อยื่นหนังสือถวายฎีกาคัดค้านการโยกย้าย พล.ร.ต.วินัย จากนั้นได้เดินทางไปกระทรวงกลาโหม เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อคัดค้านการย้าย พล.ร.ต.วินัยเช่นกัน โดยระบุเหตุผลว่า พล.ร.ต.วินัย ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนด้วยความเข้มแข็งและรักความถูกต้อง และเป็นที่รักของประชาชนทุกหมู่เหล่า แต่กลับถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมือง โยกย้ายออกจากตำแหน่ง ทำให้ข้าราชการที่ดีมีจำนวนน้อยลง จึงอยากขอให้ทบทวนอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ พูดถึงการโยกย้ายนายทหารกลางปี ที่ จ.เชียงใหม่เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่า รอ กกต.ส่งบัญชีรายชื่อที่เห็นชอบแล้วกลับมายังกระทรวงกลาโหม คาดว่าอย่างช้าที่สุดจะมาถึงวันที่ 17 มี.ค. จากนั้นจะนำบัญชีรายชื่อเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อลงนามและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทันที พล.อ.นิพัทธ์ ยังยืนยันด้วยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ โดยเฉพาะการย้าย พล.ร.ต.วินัย นายกฯ และฝ่ายการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโยกย้าย แต่มาจากการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา ซึ่ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.เห็นว่าการย้าย พล.ร.ต.วินัย มีความเหมาะสม ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบจากกรณีที่นายทหารจากหน่วยซีลหลายนายเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับการชุมนุม
5. ศาลแพ่ง สั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามเนรเทศ สาธิต ออกนอกประเทศ!
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย ได้มอบอำนาจให้นายอาทิตย์ เซกัล น้องชาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) และคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานละเมิด โดยขอให้ศาลเพิกถอนมติหรือคำสั่งที่จำเลยเพิกถอนถิ่นที่อยู่อาศัยของนายสาธิต พร้อมขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้โจทก์ถูกจับกุมและถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งศาลมีคำสั่งรับคำร้องไว้และมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินทันที
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์แล้วเห็นว่า โจทก์เป็นคนต่างด้าวสัญชาติอินดีย เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่อายุ 5 ขวบ กระทั่งอายุ 21 ปี ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โจทก์ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี ประกอบแต่คุณงามความดีและทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยหลายด้าน นอกจากนี้ในการไต่สวนได้ความว่า โจทก์เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. จึงได้รับความคุ้มครองตามคำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีที่นายถาวร เสนเนียม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อีกทั้งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง โดยรองปลัดกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าคำปราศรัยของโจทก์ยังไม่เป็นภัยต่อประเทศชาติ จึงยังไม่มีเหตุเนรเทศโจทก์ออกนอกราชอาณาจักร
แต่ ศรส.มีคำสั่งเนรเทศโจทก์ โดยอาศัยประกาศตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 11(
จากนั้นวันที่ 21 ก.พ.คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง จำเลยที่ 2 ได้พิจารณากรณีดังกล่าวอีก โดยลงมติลับให้เพิกถอนถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของโจทก์ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม จำเลยที่ 2 ได้ลงนามคำสั่งตามความเห็นของจำเลยที่ 3 โดยอ้างว่าโจทก์เข้าร่วมเป็นแกนนำกับกลุ่ม กปปส.และขึ้นเวทีปราศรัยให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายบ้านเมือง นำมวลชนไปปิดล้อมกรมการบินพลเรือน จึงเป็นบุคคลที่กระทำการกระทบต่อความมั่นคง
ด้านศาลเห็นว่า มีข้อเท็จจริงที่รับฟังจากนายจรูญ มีสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมการบินพลเรือนว่า ที่โจทก์พร้อมพวก เดินทางมาที่กรมการบินพลเรือนนั้น ไม่มีการข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่มีการทำลายทรัพย์สินของกรมฯ แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 มี.ค. พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงษ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบคำสั่งของจำเลยที่ 2 ที่ให้เนรเทศโจทก์แล้ว ย่อมมีผลให้เจ้าหน้าที่นำตัวโจทก์ออกนอกราชอาณาจักรได้ ดังนั้นเมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว ศาลเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนคำพิพากษามาใช้ตามคำขอของโจทก์ได้ จึงมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสาม ดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งตัวโจทก์ออกนอกราชอาณาจักรไว้ชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ส่วนคดีขอเพิกถอนถิ่นที่อยู่อาศัย ศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 26 พ.ค.เวลา 09.00น.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2557