ผู้เขียน หัวข้อ: ดูแลสุขภาพช่องปากลูกน้อย ห่างไกลโรคร้าย...ลิ้นหัวใจอักเสบ!  (อ่าน 957 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากพระมหา กรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงมีต่อพสกนิกรผู้ต้องทุกข์ทรมานด้วยโรคฟัน ทรงก่อตั้งหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขึ้น หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า “พอ.สว.” เพื่อให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ก่อเกิดภาพความทรงจำของประชาชนเมื่อครั้งพระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรในชนบทห่างไกลพร้อมหน่วยแพทย์ พอ.สว. ซึ่งมีทันตแพทย์ให้บริการตรวจและรักษาโรคในช่องปากแก่ประชาชนรวมอยู่ด้วย
  
ต่อมาในปี 2529 มูลนิธิ พอ.สว. ได้ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และทันตแพทยสมาคมฯ ระดมทันตบุคลากรอาสาสมัครทุกกลุ่มทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ทางทันตสาธารณสุขออกให้บริการตรวจรักษาโรคในช่องปากโดยไม่คิดมูลค่าในท้องถิ่นทุรกันดาร จากการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ในปี 2532 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงได้รวมพลังจัดการบริการทันตกรรมทั่วประเทศเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ
  
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในวันที่ 21 ตุลาคม 2555 กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องประสานจัดโครง การรณรงค์ ’คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า“  ในเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากคนไทยเนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติฯ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมีกิจกรรมที่มุ่งหวังให้ประชาชนดูแลสุขภาพช่องปากตลอดทุกช่วงวัย อาทิ จัดประกวด 10 ยอดฟันดี วัย 80 ปี และ 90 ปี จัดบริการทางทันตสาธารณสุขทั่วประเทศ กิจกรรมเดิน-วิ่งเทิดพระเกียรติฯ สมเด็จย่า ลูกรักฟันดีเริ่มที่ซี่แรก ฯลฯ
  
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นดูแลฟันตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งความจริงแล้วเราต้องดูแลตั้งแต่ฟันงอกขึ้นมาซี่แรกเสียด้วยซ้ำ และเมื่อฟันเริ่มขึ้นครบก็ควรยิ่งดูแลมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กบางคนดื่มนมที่มีรสหวานก่อนนอน ควรมีการทำความสะอาดฟันด้วย ซึ่งบางครั้งการแปรงฟันถือเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยเล็กจึงต้องใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดไปก่อนและเมื่อโตขึ้นก็พยายามฝึกให้แปรงฟันเป็น
นิสัยวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและก่อนนอน เพื่อการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี
  
ปัจจุบันสถิติเด็กไทยฟันผุมีประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองขาดความรู้ในเรื่องการดูแลรักษาฟัน เนื่องจากยังไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นฟันน้ำนมคงไม่เป็นอะไรรอให้ฟันแท้ขึ้นก่อนจึงค่อยแปรงก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วการแปรงฟันน้ำนมให้ลูกเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราพยายามให้ความรู้เพื่อให้การดูแลตั้งแต่แรกเริ่ม คือตั้งแต่ฟันซี่แรกจนกระทั่งอายุ 6 ขวบ พ่อแม่ต้องดูแลฟันให้ลูกทุกวัน เพราะว่าถ้าเด็กได้รับการดูแลตั้งแต่เด็กต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 ปี จะส่งผลให้เกิดเป็นพฤติกรรมถาวรที่เด็กจะใส่ใจและสามารถดูแลทำความสะอาดฟันของตัวเองได้เป็นอย่างดี
  
อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ดูแลจนเด็กฟันน้ำนมผุทำให้เด็กเกิดเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน เพราะจะมีปัญหาเรื่องการรับประทานอาหารไม่เป็นไปตามปริมาณที่ควรได้รับ เพราะเมื่อปวดฟันแล้วเด็กก็จะไม่อยากรับประทานอาหาร และถ้าเป็นระยะเวลานาน ๆ เด็กก็จะขาดอาหารได้ หรือส่วนหนึ่งถ้าฟันน้ำนมผุมาก ๆ อาจส่งผลกระทบกับฟันแท้ที่จะขึ้นมาได้ ทำให้ฟันแท้ไม่สมบูรณ์และไม่แข็งแรง ก่อให้เกิดเป็นฟันเก สำหรับฝีหนองที่เกิดขึ้นจาก ฟันผุนั้นมีเชื้อโรคแน่นอน ถ้าเป็นมาก ๆ จะทำให้ลุกลามทะลุไปที่ไซนัสเกิดการอักเสบได้ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดในเด็กโต หรืออาจจะลุกลามไปส่วนอื่นได้ อีกส่วนหนึ่งคือปลายรากฟันมีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงถ้ามีเชื้อโรคมาก ๆ เชื้อจากในช่องปากจะไปติดที่ลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่าเราต้องดูแลฟันให้ดี ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีการรักษาที่ดีขึ้นแล้ว แต่ถ้าไม่เป็นก็จะถือว่าดีที่สุด
  
การเลือกแปรงสีฟันสำหรับเด็ก มีตั้งแต่ 0-3 ขวบ 3-6 ขวบ และ 6-12 ขวบ ควรเลือกแปรงขนอ่อนนุ่มปานกลาง ซึ่งเรามีเครื่องตรวจว่าปลายของขนแปรงมนหรือไม่ ถ้าปลายขนแปรงไม่มนจะแหลมและทิ่มเหงือกได้ พอเหงือกเป็นแผลมีโอกาสทำให้เกิดคอฟันสึกได้ ส่วนใหญ่จึงแนะนำว่าด้ามตรง ขนอ่อน มนปลาย โดยดูประกาศข้างกล่องซึ่งปัจจุบันมีแปรงสีฟันแฟชั่นต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นควรเลือกที่มีสัญลักษณ์ติดดาวของกรมอนามัย สำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่ฟันผุไปแล้วควรครอบฟันกราม เพราะเป็นโรคที่ไม่สามารถแก้ไขได้
  
โครงการรณรงค์ “ลูกรักฟันดี เริ่มที่ซี่แรก” ในโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” กรมอนามัยได้ประสานงานทุกจังหวัดให้มีการฝึกทักษะแม่แปรงฟันให้ลูก 1,000 อำเภอทั่วประเทศ อำเภอละ 100 คู่ รวม 100,000 คู่ ใน ระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2555 นี้และจะรณรงค์ต่อเนื่องทุกปี โดยมุ่งหวังว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะลดฟันผุในเด็กเล็กได้ เพราะคนไทยมีลูกน้อยลง จึงน่าจะเพิ่มคุณภาพการเลี้ยงดูในส่วนของสุขภาพช่องปากได้ โดยก่อนเริ่มโครงการจากเดิมมีเด็กฟันผุประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันค่อย ๆ ลดลงเหลือ 60 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าดีขึ้นอย่างช้า ๆ เพราะต้องต่อสู้กับขนม น้ำอัดลมในโรงเรียนด้วย อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจของทันตแพทย์ทุกคนที่ได้ทำถวายสมเด็จย่าด้วยการทุ่มเททั้งกำลังใจ กำลังกายและกำลังทรัพย์.

..........................................

เคล็ดลับสุขภาพดี - เลือกที่นอนให้เหมาะกับสรีระ ส่งผลดีต่อสุขภาพ

ใครที่กำลังมองหา “ที่นอน” หลังใหม่ คงมีคำถามตามมามากมายว่าควรเลือกซื้อแบบใด จึงจะเหมาะสมกับการใช้งานที่คุ้มค่ากับราคา ที่สำคัญจะต้องดีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย  เพราะปัจจุบันมีที่นอนมากมายหลากหลายประเภทให้เราได้เลือกซื้อ วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีข้อแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับคุณสมบัติของที่นอนแต่ละประเภทมาฝากกันค่ะ
  
ตรุณ ปุริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด ผู้ผลิตที่นอน Sealy ให้ความรู้ว่า ส่วนมากผู้ที่อยู่ในวัยเริ่มทำงาน วัยกลางคนมักจะให้ความใส่ใจในเรื่องของที่นอนเพื่อสุขภาพ ซึ่งอาจเป็นเพราะสาเหตุจากการที่ทำงานหนัก การใช้ชีวิตในแต่ละวันที่อาจก่อให้เกิดความเครียด ความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ จึงทำให้หันมาใส่ใจเรื่องการนอนเพื่อการพักผ่อนที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
  
ในตลาดที่นอนเพื่อสุขภาพมีการใช้วัสดุหลัก ได้แก่ สปริง ยางพารา และเมมโมรี่โฟม (โฟมสังเคราะห์) ซึ่งที่นอนแต่ละประเภทนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปหรือแล้วแต่ผู้นอนชื่นชอบ ได้แก่ ที่นอนสปริงเป็นประเภทที่นอนที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง หากมีสปริงมากก็จะยิ่งช่วยรองรับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้ดี จึงช่วยแก้ปัญหาการนอนปวดหลังได้ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ผู้นอนจะชอบให้มีจำนวนสปริงมากน้อยเพียงใด ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ที่นอนสปริงระบายอากาศได้ดี แต่ข้อเสียคือหากใช้ไปนาน ๆ จะเกิดเสียงดังของสปริงได้
  
สำหรับที่นอนยางพาราเป็นวัสดุธรรมชาติ มีราคาแพง เนื่องจากมีอายุการใช้งานนาน ลักษณะนุ่ม ทนทาน และยืดหยุ่นดี ไม่ยุบหรือยวบไปตามการเคลื่อนที่ของผู้นอน แต่มีข้อเสีย คือยางพารามีกลิ่นแรงแต่หากผ่านการผลิตที่ดีกลิ่นก็จะลดลง ส่วนที่นอนเมมโมรี่โฟม เป็นที่นอนที่ผลิตจากโฟมใยสังเคราะห์ มีความนุ่มมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยนอนพลิกตัว
  
อย่างไรก็ตามที่นอนสุขภาพจะแตกต่างจากที่นอนทั่วไปในส่วนของการรองรับ ถ่ายเทน้ำหนัก และลดแรงกดทับในแต่ละส่วนของร่างกาย ทำให้ผู้นอนรู้สึกสบายตัว เนื่องจากโลหิตไหลเวียนสะดวก ไม่รู้สึกเหน็บชา ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพลิกตัวและเปลี่ยนท่านอนบ่อย ๆ จึงนำไปสู่การนอนที่หลับสนิท หลับลึก ถือเป็นการนอนอย่างมีคุณภาพ เต็มอิ่ม เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า โดยเคล็ดลับในการเลือกซื้อที่นอนเราควรทดลองนอนลงบนที่นอนอย่างน้อย 5-10 นาที อย่าอายที่จะโน้มตัวลงนอน เพื่อให้ผู้นอนได้สัมผัสที่แท้จริงว่าเข้ากับความชอบและสรีระของตนเองหรือไม่ โดยที่นอนที่ดีนั้นควรมีความนุ่มด้วยชั้นวัสดุรองรับต่าง ๆ เพื่อโค้งรับสรีระของผู้นอน เช่น ในส่วนของตะโพก เอว และหัวไหล่ ในขณะนอนให้สังเกตว่าที่นอนนั้นรองรับทุกส่วน และรู้สึกสบายตัวในทุกการนอนหรือไม่ ที่สำคัญ โครงสร้างที่นอนและสปริงควรได้รับการรับประกันตั้งแต่ 10-15 ปี
  
เมื่อทราบข้อมูลแบบนี้แล้ว การเลือกซื้อที่นอนเพื่อสุขภาพครั้งต่อไปอย่าลืมนำคำแนะนำดี ๆ แบบนี้ไปเป็นหลักในการเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับสรีระและความชอบของร่างกายของเราเพื่อสุขภาพที่ดีในการนอนหลับพักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้าจากการทำงานกันนะคะ.

..........................................

สรรหามาบอก

- โรงพยาบาลศิครินทร์ ขอเชิญผู้สนใจทุกท่าน ร่วมงานสัมมนา เรื่อง ’ไขความลับสุขภาพดีด้วยเครื่อง QRS“  ใน วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 1 โรงพยาบาลศิครินทร์ ภายในงานพบกับนวัตกรรมทางการแพทย์การรักษาด้วยเครื่อง QRS (Quantron Resonance System) โดยการสั่นของสนามแม่เหล็ก (เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเครียด ภูมิแพ้ ไมเกรน อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบาหวาน ระบบการไหลเวียนโลหิต เป็นต้น) สนใจลงทะเบียนล่วงหน้า โทร. 1728 ต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์
  
- ไลฟ์เซ็นเตอร์ เชิญชวนสาว ๆ ร่วมฟังสัมมนาหัวข้อ ’เลเซอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม เทคนิคไหนอินหรือเอาต์“ หลากหลายเทคโนโลยีความงามตัวช่วยสาว ๆ แบบทันใจ แต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร รูปหน้ากลม หน้าเหลี่ยมแก้ไขได้อย่างไร เลือกแบบไหนให้สวยแบบพอดีและเป็นธรรมชาติ ใน วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2555 เวลา 10.30-12.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี (LH Bank) สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ฟรี (จำนวนจำกัด) ที่ โทร. 08-9228-8766
  
- นิตยสารรักลูก ร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวชศรี นครินทร์  ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่ร่วมงาน รักลูก@hospitals2012 พบกับเวิร์กช็อปที่จะช่วยเสริมทักษะความรู้ในการเลี้ยงลูกและปลูกฝังให้ลูกมีสัมพันธภาพที่ดี สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัย 0-3 ขวบ กับปฏิบัติการ ฐานที่ 1 “สร้างความฉลาดลูกด้วย S.I.” และเวิร์กช็อป ฐานที่ 2 “เมนูอร่อยของวัยเบบี้” ใน วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 09.00–
12.00 น. ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 1 ผู้สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 0-2913-7555 ต่อ 3531 พร้อมรับของที่ระลึกหน้างานฟรี
  
- โรงพยาบาลกรุงธน 1 ร่วมกับสภากาชาดไทยและสำนักงานเขตธนบุรี  ขอเชิญทุกท่าน ’ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา“ ใน วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ณ อาคาร B ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงธน 1 สอบถามรายละเอียดได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2438-0040-5 ต่อ 1234
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 ตุลาคม 2012, 19:45:56 โดย ABBA »