นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีสารซูโดเอฟิดีนซึ่งเป็นส่วนประกอบขออกจากระบบโรงพยาบาลจำนวนมากว่า ในวันที่ 26 มี.ค. ดีเอสไอจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีมีความสลับซับซ้อน มีการกระทำเป็นเครือข่าย หากรับเป็นคดีพิเศษแล้วจะทำให้การสอบสวนเดินหน้าได้เต็มรูปแบบ โดยขณะนี้มีข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2551 - 2554 มีการจับกุมยาแก้หวัดที่ลักลอบออกจากระบบจำนวน 44.4 ล้านเม็ด แต่คาดว่ายอดจริงที่หายออกจากระบบต้องสูงกว่าปริมาณที่จับกุมอีกมาก เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รายงานว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาของโรงพยาบาล 22 แห่ง
“หากบอร์ดกคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษแล้ว จำเป็นต้องเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหล่านี้เข้าชี้แจงข้อมูลทั้งหมด ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่ามีบุคคลระดับใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับในขบวนการ รวมถึงในส่วนของอย.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมการเบิกจ่ายยา ดีเอสไอยังไม่พบข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่อย.คนใดเข้าไปมีส่วนรู้เห็น เนื่องจากอย.เป็นแค่ผู้กำกับตรวจสอบปริมาณ การสั่งยาแก้หวัดในแต่ละปี การนำไปใช้ และยอดคงเหลือ แต่ในการตรวจสอบเข้าไปในระบบโรงพยาบาลพบยาแก้หวัดเล็ดลอดออกไป ในโรงพยาบาลบางแห่งพบว่ามีการรายงานเป็นเท็จด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าตัวการใหญ่ในขบวนการดังกล่าวมีหลายราย และมีส่วนสำคัญในการกำหนดปริมาณซูโดเอฟิดีนที่ต้องนำออกไปผลิตยาเสพติดในแต่ละปี จากนั้นจึงใช้ตัวกลางหลายคนที่เป็นผู้รับช่วงต่อในการรวบรวมยาแก้หวัดให้ได้ปริมาณตามเป้าที่ตั้งไว้ ”อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
นายธาริต ยังกล่าวถึงเส้นทางการนำยาแก้หวัดไปผลิตเป็นยาเสพติดว่ามี 2 แนวทางคือ การนำเข้ายาแก้หวัด โดย อย. เป็นผู้ควบคุมการจ่ายให้ระบบโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ร้านยา และคลินิก ซึ่งพบว่ามีการลักลอบนำยาออกจากระบบรักษา จากนั้นจึงนำยาแก้หวัดไปรวมไว้ที่ภาคเหนือก่อนนำออกไปผลิตเป็นยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชาย ก่อนนำกลับเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งการผลิตยาในประเทศเพื่อนบ้านทำให้ยากต่อการจับกุมทลายโรงงานเนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตประเทศไทย
ส่วนอีกช่องทางหนึ่งคือการลักลอบนำยาแก้หวัดเข้าทางด่านชายแดน หรือสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นจึงนำไปรวมที่ภาคเหนือก่อนส่งไปประเทศเพื่อนบ้านแล้วย้อนกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง โดยประเทศไทยถูกใช้เป็นเส้นทางส่งผ่านยาไปประเทศเพื่อนบ้านเพราะมีเขตติดต่อชายแดนจึงมีความสะดวกในการนำเข้าและส่งออก ส่วนการลักลอบผลิตยาในประเทศมีเพียงส่วนน้อย
คมชัดลึก 20 มี.ค.55