ผู้เขียน หัวข้อ: 2 ผู้เปลี่ยน “เซลล์แก่” เป็น “เซลล์เด็ก” คว้าโนเบลแพทย์ 2012  (อ่าน 1482 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
 คณะกรรมการโนเบลมอบรางวัลสาขาแพทย์แก่ 2 นักวิจัยผู้เปลี่ยน “เซลล์แก่” จากร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัยกลับสู่ “เซลล์ต้นกำเนิด” ที่สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นๆ ได้ นับเป็นการพลิกความเชื่อว่า เซลล์เต็มวัยไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นเซลล์ตัวอ่อนได้
       
       สมัชชาโนเบล ที่สถาบันแคโรลินสกา (The Nobel Assembly at the Karolinska Institute) สต็อกโฮล์ม สวีเดน โดยคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสรีศาสตร์หรือการแพทย์ ได้ประกาศผลรางวัลโนเบลสาขาสรีรศาสตร์หรือการแพทย์ ประจำปี 2012 เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2012 โดยรางวัลตกเป็นของ จอห์น กัวร์ดอน (John Gurdon) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ และ ชินยะ ยามานากะ (Shinya Yamanaka) จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ญี่ปุ่น
       
       สรุปคำประกาศของคณะกรรมการระบุว่า มอบรางวัลโนเบลให้แก่ 2 นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบว่า สามารถนำเซลล์ที่โตเต็มวัยและเปลี่ยนไปทำหน้าที่เฉพาะแล้วนั้น มาเปลี่ยนชุดคำสั่งใหม่เพื่อให้กลายเป็นเซลล์ที่ยังไม่มีหน้าที่เฉพาะ และพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อทุกชนิดในร่างกายได้ ซึ่งการค้นพบของพวกเขาได้ปฏิวัติความเข้าใจของเราเกี่ยวกับการพัฒนาของเซลล์และอวัยวะต่างๆ
       
       สำหรับกัวร์ดอนนั้นในปี 1962 เขาพบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะสามารถเปลี่ยนกลับเป็นเซลล์ที่ยังไม่ถูกกำหนดการทำงานได้ ซึ่งในการทดลองสำคัญเขาได้แทนที่นิวเคลียสของเซลล์ไข่กบอันเป็นเซลล์ที่ยังไม่โตเต็มวัย ด้วยนิวเคลียสจากเซลล์ลำไส้ที่โตเต็มวัยแล้ว ผลคือเซลล์ไข่พัฒนาเป็นเซลล์ลูกอ๊อดที่ปกติ และดีเอ็นเอในเซลล์เต็มวัยก็ยังคงมีข้อมูลอันจำเป็นต่อการพัฒนาเป็นเซลล์อื่นๆ ของกบต่อไป
       
       การค้นพบของกัวร์ดอนในช่วงแรกต้องเผชิญกับความเคลือบแคลงสงสัย แต่ได้รับการยอมรับเมื่อมีการทดลองที่ให้ผลยืนยันโดยนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ซึ่งมีงานวิจัยและเทคนิคจำนวนมากที่ได้รับการพัฒนาขึ้น รวมถึงนำไปสู่การโคลนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม งานวิจัยของเขาแสดงให้เห็นเฉพาะในส่วนของนิวเคลียส แต่คำถามคือเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนเซลล์เต็มวัยให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่พร้อมจะกลายเป็นเซลล์อื่นๆ ได้
       
       ยามานากะต้องใช้เวลากว่า 40 ปีจึงพิสูจน์เรื่องดังกล่าวได้ โดยเมื่อปี 2006 เขาค้นพบว่า เซลล์เต็มวัยที่ยังไม่เสียหายนั้นสามารถนำมาเปลี่ยนชุดคำสั่งใหม่ให้กลายเป็นเซลล์ที่ยังไม่เต็มวัยได้ และการค้นพบของเขายังสร้างความประหลาดใจได้อีก โดยการเปลี่ยนยีนเพียงไม่กี่ตัวก็ทำให้เขาแปลงเซลล์ที่โตเต็มที่แล้วให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิดได้ และเป็นเซลล์ที่สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ทุกรูปแบบในร่างกาย ซึ่งเขาเรียกเซลล์ที่เปลี่ยนกลับสู่เซลล์ระยะเริ่มต้นนี้ว่า “เซลล์ไอพีเอส” (iPS cells)
       
       ทั้งนี้ เราทุกคนรวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ล้วนพัฒนาขึ้นมาจากเซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมพันธุ์ ระหว่างระยะแรกๆ ของเซลล์นั้นตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอจะมีเซลล์ที่ยังไม่เต็มวัย ซึ่งแต่ละเซลล์เหล่านี้สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ใดๆ ก็ได้ และก่อตัวขึ้นเป็นอวัยวะที่เจริญเต็มวัย เรียกเซลล์ตัวอ่อนนี้ว่า “เซลล์ต้นกำเนิดพลูริโพเทนท์” (pluripotent stem cells)
       
       เมื่อเซลล์ตัวอ่อนพัฒนาต่อไปก็จะเติบโตไปเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัย อย่างเซลล์ประสาท เซลล์ตับ เซลล์กล้ามเนื้อ และเซลล์อื่นๆ ซึ่งเคยเชื่อกันว่าการเดินทางจากเซลล์ที่ยังไม่เต็มวัยสู่เซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะนั้น ไม่สามารถหวนกลับคืนได้
       
       “การค้นพบครั้งสำคัญนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อการพัฒนาและการกำหนดหน้าที่ของเวลล์ไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า เซลล์เต็มวัยไม่จำเป็นต้องถูกกำจัดอยู่ในหน้าที่เฉพาะตามที่แสดงออกเสมอไป มีตำราจำนวนมากถูกเขียนขึ้นใหม่ และก็มีการทำวิจัยสาขาใหม่ๆ และการเปลี่ยนชุดคำสั่งใหม่ให้เซลล์มนุษย์ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ในการศึกษาโรคต่างๆ และพัฒนาวิธีเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและการบำบัดรักษา” เอกสารจะคณะกรรมการโนเบลระบุ
       
       ข้อมูลจากคณะกรรมการโนเบลยังระบุอีกว่า ตอนนี้เราสามารถสร้างเซลล์ไอพีเอสในมนูษย์ได้แล้ว รวมถึงใช้เซลล์จากผู้ป่วยมาสร้างเซลล์ดังกล่าวนี้ โดยเซลล์เต็มวัยทั้งเซลล์ประสาท เซลล์หัวใจและเซลล์ตับนั้นสามารถสร้างเป็นเซลล์ไอพีเอสได้ และช่วยให้นักวิจัยศึกษากลไกของโรคได้ด้วยวิธีใหม่
       
       **********
       
       เซอร์ จอห์น บี กัวร์ดอน เกิดเมื่อปี 1933 ในเมืองดิพเพนฮอลล์ สหราชอาณาจักร จบปริญญาเอกเมื่อปี 1960 จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) และเป็นบัณฑิตหลังปริญญาเอกที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology) จากนั้นเข้าทำงานที่เคมบริดจ์เมื่อปี 1972 และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์เซลล์ชีววิทยา และเป็นอาจารย์วิทยาลัยแมกดาเลน (Magdalene College) ปัจจุบันทำงานที่สถาบันกัวร์ดอน (Gurdon Institute) ในเคมบริดจ์
       
       ชินยะ ยามานากะ เกิดในปี 1962 ที่โอซากา ญี่ปุ่น จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยโกเบ (Kobe University) เมื่อปี 1987 และได้รับการฝึกผนเป็นศัลยแพทย์กระดูก ก่อนที่จะเปลี่ยนมาทำงานวิจัยพื้นฐาน เขาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยโอซากา (Osaka University) เมื่อปี 1993 หลังจากทำงานที่สถาบันแกลดสโตน (Gladstone Institute) ในซานฟรานซิสโก และสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนาระ (Nara Institute of Science and Technology) ในญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต และมีความร่วมมือกับสถาบันแกลดสโตน

ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 ตุลาคม 2555

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ประกาศรางวัลโนเบล 2012

นักวิจัยอังกฤษและญี่ปุ่น คว้ารางวัลโนเบลแพทย์ประเดิมเทศกาลมอบรางวัลโนเบล ซึงจะมีพิธีพระราชทานรางวัลและเลี้ยงฉลองในวันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งตรงกับวันเสียชีวิตของผู้ก่อตั้งรางวัล
       
       รางวัลโนเบล (Nobel Prize) ตั้งขึ้นโดย อัลเฟร็ด เบอร์นาร์ด โนเบล (Alfred Bernhard Nobel) นักเคมีชาวสวีเดนผู้สร้างนวัตกรรมระเบิดไดนาไมต์เพื่อใช้ในกิจการระเบิดเหมือง (แต่กลับถูกนำไปใช้ในการเข่นฆ่ากันเองของเพื่อนมนุษย์) โดยได้ทิ้งมรดกคิดเป็นเงิน กว่า 8,300 ล้านบาท ในปัจจุบันเพื่อเป็นทุนสำหรับรางวัล
       
       ทุกปีจะประกาศรางวัลในช่วงต้นเดือน ต.ค.และมีพิธีพระราชทานรางวัล ณ สตอกโฮล์ม คอนเสิร์ตฮอลล์ สวีเดน ในวันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเสียชีวิตของเขา
       
 1. สาขาสรีรศาสตร์ หรือการแพทย์
       วันที่ 8 ต.ค.2012 เวลา 16.30 น.
       
       ผู้ได้รับรางวัล : ผู้ได้รับรางวัล : จอห์น กัวร์ดอน (John Gurdon) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ และ ชินยะ ยามานากะ (Shinya Yamanaka) จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ญี่ปุ่น “สำหรับการค้นพบว่า สามารถเขียนชุดคำสั่งใหม่ให้เซลล์โตเต็มวัยกลายเป็นเซลล์เปลี่ยนหน้าที่ไปได้หลากหลายได้”
       
       ประกาศรางวัลโดย : โกรังค์ ฮานสัน (Göran K. Hansson) เลขาธิการคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสรีศาสตร์ หรือการแพทย์
       
       มอบรางวัลโดย : สมัชชาโนเบล ที่สถาบันแคโรลินสกา (The Nobel Assembly at the Karolinska Institute) สตอกโฮล์ม สวีเดน

       2.สาขาฟิสิกส์
       วันที่ 9 ต.ค.2012 เวลา 16.45 น.
       
       ประกาศรางวัลโดย : สตัฟฟาน นอร์มาร์ก (Staffan Normark) เลขาธิการราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน
       
       มอบรางวัลโดย : ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (The Royal Swedish Academy of Sciences) สตอกโฮล์ม สวีเดน

       3.สาขาเคมี
       วันที่ 10 ต.ค.2012 เวลา 16.45 น.
       
       ประกาศรางวัลโดย : สตัฟฟาน นอร์มาร์ก (Staffan Normark) เลขาธิการราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน
       
       มอบรางวัลโดย : ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (The Royal Swedish Academy of Sciences) สตอกโฮล์ม สวีเดน

       4.สาขาสันติภาพ
       วันที่ 12 ต.ค.2012 เวลา 16.00 น.
       
       ประกาศรางวัลโดย : ธอร์บียอร์น ยักลันด์ (Thorbjørn Jagland) ประธานคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ Chairman of the Norwegian Nobel Committee
       
       มอบรางวัลโดย : สถาบันโนเบลแห่งนอร์เวย์ (The Norwegian Nobel Institute) ออสโล นอร์เวย์

       5.สาขาเศรษฐศาสตร์
       วันที่ 15 ต.ค.54 เวลา 18.00 น.
       
       ประกาศรางวัลโดย : สตัฟฟาน นอร์มาร์ก (Staffan Normark) เลขาธิการราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน
       
       มอบรางวัลโดย : ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (The Royal Swedish Academy of Sciences) สตอกโฮล์ม สวีเดน

       และ 6. สาขาวรรณกรรม
       จะกำหนดวันเวลาประกาศรางวัลในภายหลัง
       
       ประกาศรางวัลโดย : ปีเตอร์ อิงลุนด์ (Peter Englund) เลขาธิการสถาบันวิชาการสวีเดน
       
       มอบรางวัลโดย : สถาบันวิชาการสวีเดน (The Swedish Academy)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ก่อนหน้านี้่ : มอบรางวัล “โนเบล” เป็นครั้งแรก

มอบรางวัล “โนเบล” เป็นครั้งแรก
10 ธันวาคม 1901
       
       ก่อนหน้านี้…เมื่อ 103 ปีที่แล้วพิธีมอบรางวัลโนเบลจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ราชบัณทิตยสภาทางด้านดนตรีในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ทั้งนี้รางวัลดังกล่าวจะมีพิธีมอบรางวัลเป็นประจำทุกปีในวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันเสียชีวิตของอัลเฟรด โนเบลที่ต้องการให้มีการมอบรางวัลนี้ขึ้น
       
       ในปีแรกของการประกาศรางวัลนั้นมีทั้งสิ้น 5 สาขาคือวรรณกรรม ฟิสิกส์ เคมี การแพทย์ และสันติภาพ ซึ่งเป็นสาขาที่โด่งดังและหลายคนจับตามอง ขณะที่รางวัลสาขาเศรษฐศาสตร์ริเริ่มขึ้นโดยธนาคารกลางสวีเดนในปี 1968 และมีการประกาศรางวัลในปีต่อมา
       
       ตั้งแต่ปี 1902 เป็นต้นมารางวัลโนเบลมีพิธีการมอบรางวัลโดยกษัตริย์แห่งสวีเดน ซึ่งในตอนแรกนั้นกษัตริย์ออสการ์ที่ 2 แห่งสวีเดนทรงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการมอบรางวัลที่สำคัญสูงสุดระดับประเทศนี้ให้กับคนต่างชาติ แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนพระทัยเนื่องจากทรงเล็งเห็นว่ารางวัลที่สำคัญนี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
       
       รางวัลโนเบลนั้นจะมอบให้กับบุคคลที่มีผลงานวิจัยที่โดดเด่น สิ่งประดิษฐ์หรือผลงานทางวิชาการที่มีประโยชน์ต่อประชาคมโลก ซึ่งรางวัลนี้ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นรางวัลที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นของโลก ทั้งนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการคัดเลือกจะเริ่มประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในแต่ละสาขาตั้งแต่เดือนตุลาคม
       
       อัลเฟรด โนเบลผู้คิดค้นระเบิดไดนาไมต์ชาวสวีเดนได้ริเริ่มให้มีการมอบรางวัลนี้ขึ้น ซึ่งเขาได้ลงนามในเอกสารแสดงความตั้งใจเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ปี 1895 ที่สถาบันสวีดิช-นอร์วีเจียนกลางกรุงปารีส โดยแรงบันดาลใจในการให้รางวัลนี้เนื่องจากเขารู้สึกเสียใจที่ผลงานการประดิษฐ์ของเขาถูกใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างรุนแรง เขาจึงใช้รางวัลนี้ตอบแทนให้กับคนที่สร้างประโยชน์ต่อมวลมนุษย์โลก
       
       สำหรับผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเหรียญรางวัลโนเบล ใบประกาศเกียรติคุณ เงินรางวัลประมาณ 10 ล้านโคร์นหรือประมาณ 70 ล้านบาท
       
       อย่างไรก็ตามรางวัลนี้ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าจะมอบให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เพื่อนำเงินรางวัลไปใช้ในการพัฒนางานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ต่อไป แต่ก็มีการถกเถียงกันว่านักวิชาการบางคนขณะได้รับรางวัลก็มีอายุมากเกินไปที่จะทำงานวิจัยต่อไปได้แล้วยังสมควรได้รับอีกหรือไม่ส่วนคนที่ได้รับรางวัลที่ยังหนุ่มยังแน่นก็เริ่มหมดไฟในการทำวิจัย แต่ผู้เสียชีวิตไปแล้วบางคนกลับมีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่านั้นควรได้รับรางวัลหรือไม่

ASTVผู้จัดการรายวัน    10 ธันวาคม 2547