ปลัด สธ.สั่งตรวจสอบคนล็อบบี้ลูกจ้างสาวถอนแจ้งความถูก "ข้าราชการ" ลวนลาม ติงสื่อบางสำนักบุกถึงที่ทำงานลูกจ้าง ขอเคารพความเป็นส่วนตัว ด้านเอ็นจีโอสตรีจี้ตรวจสอบคนล็อบบี้ ย้ำควรมีองค์กรกลางร่วมสอบสวนเพื่อความเป็นธรรม ป้องกันช่วยเหลือกันเอง
วันนี้ (16 ส.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนข้าราชการ สธ.ระดับหัวหน้างานที่ลวนลามลูกจ้างสาว 4 คน ตั้งแต่ปี 2557 - ปัจจุบัน ว่า ตนได้กำชับให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดและเป็นธรรม เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น หากผิดก็ต้องลงโทษให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะตนไม่ชอบเรื่องพวกนี้ และจะติดตามอย่างใกล้ชิด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่าในส่วนราชการไหนก็ตาม ตอนนี้ปลัด สธ.ก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากผิดก็ว่าไปตามผิด
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. กล่าวว่า ตนกำชับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วให้ดำเนินการถึงที่สุด ส่วนคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หากลูกจ้างมีการพาดพิงถึงก็ต้องตรวจสอบ รวมถึงหากมีใครไปขอให้ลูกจ้างถอนแจ้งความก็ต้องตรวจสอบว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ขอยืนยันกับลูกจ้างสาวทั้งหมดว่า ไม่ต้องกังวลหรือกลัว ใครที่มีส่วนหรือละเลยไม่ช่วยเหลือตั้งแต่ต้นให้แจ้งมาได้เลย จะดำเนินการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด ส่วนการปกป้องคุ้มครองลูกจ้างได้กำชับไปแล้วว่า หากใครไปข่มขู่อีกให้รีบแจ้งมาทันที อย่างไรก็ตาม ที่อยากจะขอร้องอีกอย่างคือ สื่อมวลชนบางแห่งอยากให้เห็นใจลูกจ้างเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือผู้ได้รับผลกระทบ หากเขาไม่ต้องการให้สัมภาษณ์ แม้จะปกปิดชื่อหน้าตา แต่เมื่อเขาต้องการเช่นนั้นก็ควรเคารพ ไม่ใช่เข้ามาบุกถึงสำนักงานฯ ซึ่งที่ผ่านมามีกรณีนี้เกิดขึ้นบุกเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้น และต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนอื่นๆ ที่เข้าใจสถานการณ์และนำเสนออย่างรอบด้านเสมอมา
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า กรณีล็อบบี้ให้ยอมความเป็นเรื่องที่ตนห่วงมาตลอด เพราะมีอยู่บ่อยครั้งในเหตุการณ์ที่ผู้หญิงถูกคุกคามทางเพศ ปัญหาคือ สธ.เป็นหน่วยงานรัฐ ไม่ควรให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ และทราบมาว่าปลัด สธ. ก็มีความเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะภาพที่ออกมาเป็นภาพชายดังกล่าวสวมชุดข้าราชการ กระทำอนาจารซึ่งทำให้เสื่อมเสียระบบ ขณะที่รัฐบาลก็ประกาศตลอดว่าข้าราชการต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกัน ดังนั้น ผู้บริหาร สธ.ต้องเดินหน้าเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่า สรุปมีการล็อบบี้จริงหรือไม่ และหากจริง ใครที่เป็นผู้เข้าไปคุยกับลูกจ้างให้ถอนแจ้งความ สธ.ต้องจัดการให้โปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด เพราะสังคมกำลังจับตาอยู่ว่าตกลงจะมีความเป็นกลางจริงหรือไม่
นายจะเด็จ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนเคยเรียกร้องให้มีองค์กรที่เป็นกลางเข้าไปตรวจสอบกรณีเช่นนี้ด้วย อย่างหากตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ก็ต้องดึงภาคส่วนต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นต้น เพราะมี พ.ร.บ.ความเสมอภาคระหว่างเพศ ต้องเอามาจัดการให้ได้ ดังนั้น คนที่จะมาสอบวินัยต้องโปร่งใสจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา เพราะหากเป็นคนในกระทรวง เป็นข้าราชการด้วยกัน จะรับประกันได้หรือไม่ว่าจะโปร่งใสและเป็นธรรมจริงๆ อย่างผู้บังคับบัญชาของข้าราชการชายคนนี้ จริงๆ ก็ต้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากเรื่องเกิดตั้งแต่ปี 2557 ก็ต้องทราบเรื่องอยู่แล้ว แต่เพราะสาเหตุใดถึงไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งไม่ต้องรอให้ลูกจ้างสาวพาดพิงถึง แต่โดยหน้าที่ต้องตรวจสอบ
"ขอย้ำว่าก่อนอื่นต้องตรวจสอบให้ได้ก่อนว่า มีคนล็อบบี้จริงหรือไม่ และหากจริงเป็นใคร รวมทั้งเรื่องนี้มีใครเกี่ยวข้อง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลก็ให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นข้าราชการ ดังนั้น สธ.ต้องเอาผิดคนกระทำผิดให้ได้ เพื่อเป็นแบบอย่างว่าข้าราชการที่ผิดก็ต้องถูกลงโทษจะได้ไม่กล้าทำอีก ขณะที่ข้าราชการที่ดีก็มีการเชิดชู" นายจะเด็จ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนมองว่าเหตุใดลูกจ้างสาวจึงเพิ่งมาแจ้งความ เพราะถูกกระทำมาตั้งแต่ปี 2557 นายจะเด็จ กล่าวว่า ต้องมองว่าผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย และยิ่งเป็นลูกจ้าง ประกอบกับถูกข่มขู่ว่า อาจถูกไม่ต่อสัญญาจ้างด้วยแล้ว พวกเขามีภาระทางครอบครัว เป็นผู้หญิง รวมทั้งคนที่ทำเป็นข้าราชการ ซึ่งหญิงที่ถูกกระทำก็อาจกังวลได้ว่า หากร้องเรียนไปในระบบราชการจะมีการช่วยเหลือกันหรือไม่ และเรื่องเพิ่งจะมาปูดตอนนี้เพราะพวกผู้หญิงเขาทนไม่ได้แล้ว เราต้องคิดถึงใจเขาใจเราด้วย
16 ส.ค. 2560
https://mgronline.com/qol/detail/9600000083774