ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.หนุนเอกชนดันเมดิคัลฮับ ส่วนภาครัฐตั้งเป้าฮับการแพทย์และวิจัย  (อ่าน 597 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
หมอประดิษฐ หารือคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ เจ้ากรมแพทย์ 3 เหล่าทัพและตำรวจ พัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ให้ไทย มีระบบบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ด้วยการเป็นศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาลนั้น จะเน้นส่งเสริมให้ภาคเอกชนดำเนินการ ส่วนภาครัฐจะเน้นเป็นศูนย์กลางบริการวิชาการทางการแพทย์และงานวิจัย

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2556 ที่ โรงแรมคอนราด กทม. นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ จาก 22 มหาวิทยาลัย และเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจหารือการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากลเป็นการวางแผนและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มียุทธศาสตร์ที่มีเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อน เกิดการเชื่อมโยงอย่างเต็มที่ และช่วยให้การจัดสรรงบประมาณลงในแต่ละที่มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ ตอบสนองยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่ต้องการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศในด้านสุขภาพด้วยการเติมเต็มบริการขั้นพื้นฐานของสุขภาพ โดยได้มีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดทำยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน โดยมี 4 ยุทธศาสตร์หลักคือ

1.สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ(Growth & Competitiveness)โดยการเป็นศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพ

2.สร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม (Inclusive Growth)เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข

3.สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(Green Growth)

4.ปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ (Internal process)

นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อว่า เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลและตอบคำถามว่าประชาชนจะได้อะไรจากการพัฒนาครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานงาน 13 ข้อ ดังนี้

1.สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ และปัญหา/ความต้องการของประเทศ

2.เชื่อมโยงหรือสนับสนุนโครงการอื่นของรัฐบาล

3.มีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการโครงการ

4.กำหนดมาตรฐาน

5.ประเมินสถานภาพ

6.กำหนดตัวชี้วัดเพื่อลดช่องว่าง

7.กำหนดกรอบและตารางเวลาชัดเจน

8.บูรณาการระหว่างหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและนอกระบบกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

9.การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน

10.พัฒนาครบวงจรโรงพยาบาล บุคลากร ยา เครื่องมือ รายได้ ความก้าวหน้า

11.มีความยั่งยืนของระบบ

12.ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม

13.เพิ่มคุณภาพชีวิต

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานของระบบบริการทุกระดับ ตั้งแต่ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ จนถึงระดับศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถใน 10 สาขาบริการที่เป็นปัญหาของประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกรวดเร็ว ภายในเขตพื้นที่เครือข่ายบริการ ตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ(Inclusive Growth) และพัฒนาประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถสำหรับการแข่งขัน(Competitive Growth)

สำหรับการให้ประเทศไทย มีระบบบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย(Modern Health Service Thailand ) ด้วยการเป็นศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาลนั้น จะเน้นส่งเสริมให้ภาคเอกชนดำเนินการ ในส่วนภาครัฐจะเน้นดำเนินการเป็นศูนย์กลางบริการวิชาการทางการแพทย์และงานวิจัย(Academic Hub) เพื่อเพิ่มความทันสมัยของระบบบริการสุขภาพของไทย หรือระบบบริการสุขภาพเพื่อความเป็นเลิศ ซึ่งดำเนินการ 3 ด้านคือ

1.การจัดการศึกษาระดับปริญญาและหลังปริญญา(Professional and Post graduate)

2.การพัฒนางานวิจัย( Research Center ) และ

3.การพัฒนาศูนย์ความเชี่ยวชาญ(Supper Specialist service)

โดยเน้นการวางแผนและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กองทัพ


Mon, 2013-11-11 19:25 -- hfocus
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤศจิกายน 2013, 23:46:05 โดย pradit »