ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.จับมือตำรวจลุยจับยา-คลินิกเถื่อน ขยายปม“พริตตี้”สังเวยศัลยกรรม !  (อ่าน 970 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ภายหลังจาก “เดลินิวส์” ได้ตีแผ่ปัญหา “หมอศัลยกรรมเถื่อน” ที่แอบเปิดคลินิกหรือลักลอบฉีดยาให้กับลูกค้าสาวที่ต้องการเสริมความงามบนเรือนร่าง กระทั่งเกิดเหตุสลดใจกับ น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือ น้องกระแต พริตตี้สาวที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร หลังจากไปฉีดสาร ฟิลเลอร์ เสริมตะโพก กับ นายธนัช ณัชวีรกุล หรือฉายา หมอป๊อป อดีตผู้ช่วยพยาบาลที่ลักลอบฉีดสารเสริมความงามให้กับลูกค้าหลายราย เหตุเกิดตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ทีมข่าวอาชญากรรม “เดลินิวส์” ได้รับเบาะแสจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ น.ส.อาทิตยา หรือน้องกระแต ที่ไปฉีดสารเสริมความงามกับหมอเถื่อนแต่เกิดช็อกหมดสติ กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 จึงรีบไปหาเบาะแสเพื่อนำเสนอข่าวเตือนภัยให้สังคมได้รับทราบ ขณะเดียวกัน ทีมข่าวอาชญากรรม ได้ประสานงานไปยัง ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.บช.น.) เพื่อเร่งสืบสวนจับกุมหมอเถื่อนรายนี้ โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การจับกุมคนร้าย ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยพยาบาลได้ในที่สุด

ที่สำคัญยังได้นำเสนอข่าวตีแผ่อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะรายละเอียดของ “สารฟิลเลอร์” ที่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ฉีดเสริมความงาม รวมทั้งความเห็นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคนใกล้ชิดของคนไข้อย่างทุกแง่มุม หลังจากนั้น สื่อกระแสหลักไม่ว่าจะเป็นทีวีและหนังสือพิมพ์ รวมถึงวิทยุ ต่างร่วมเกาะติดข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ทำให้สังคมได้ตระหนักถึงอันตราย หากบรรดาหญิงสาวไปซื้อหาสารฟิลเลอร์ แล้วนำมาใช้บริการกับหมอเถื่อน

ปัจจุบันความต้องการทำศัลยกรรมของหญิงสาวที่รักสวยรักงามมีอยู่ค่อนข้างสูง จึงเกิดช่องว่างให้ผู้ที่มีความรู้ทางการแพทย์อย่างผิวเผิน อย่างเช่นนายธนัช ที่รู้จักกันในวงการเสริมความงามเถื่อนว่า “หมอป๊อป” ซึ่งเป็นเพียงผู้ช่วยพยาบาล ออกมาลักลอบเปิดฉีดยา สารฟิลเลอร์ต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ด้วยราคาต่ำกว่าคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน แต่เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับ น.ส.อาทิตยา ซึ่งแพ้สารเคมีที่ฉีดเข้าร่างกายจนช็อกหมดสติ หมอเถื่อนก็ไม่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยชีวิตเธอได้

ดังนั้น “เดลินิวส์” จึงตีแผ่ข่าวนี้อย่างต่อเนื่องในทุกแง่มุม เพื่อให้สังคมโดยเฉพาะหญิงสาวที่รักสวยรักงาม นิยมใช้บริการกับหมอเถื่อนที่มีราคาถูกกว่า ได้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากนำเสนอข่าวแม้ตำรวจ กก.ดส. บช.น. ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส. จะสามารถติดตามจับกุมตัวนายธนัช ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทีมข่าว “เดลินิวส์” เห็นว่าสิ่งสำคัญกว่า คือ การปรับทัศนคติ และค่านิยมในสังคม ที่มีผู้ใช้บริการเสริมความงามกับหมอเถื่อนจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีเมื่อเกิดกรณีของ น.ส.อาทิตยา สื่อนำเสนอต่อเนื่องส่งผลทำให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สมาคมแพทย์ผิวหนัง องค์การอาหารและยา ต่างออกมาให้ความรู้เพื่อเตือนภัยประชาชน ที่สำคัญทางกระทรวงสาธารณสุข และตำรวจได้ร่วมกันทำงานกวาดล้างจับกุม ไม่ว่าจะเป็นยาเถื่อน ยาต้องห้ามนำเข้าผิดกฎหมาย รวมไปถึงคลินิกศัลยกรรมความงาม และคลินิกรักษาโรคทั่วไปที่เปิดไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

ไล่เรียงมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ตำรวจ กก.ดส.บช.น.ร่วมกับ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข วางแผนล่อซื้อคลินิกลักลอบฉีด สารโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ที่เปิดคลินิกเวชกรรม ในคอนโดมิเนียม ย่านห้วยขวาง ซึ่งเจ้าของคลินิกเป็นอดีตพยาบาลและอ้างว่าสารที่ใช้ฉีดให้ลูกค้านั้น มี อย.รับรอง ต่อมาวันที่ 13 ตุลาคม พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) และ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 ปคบ. ร่วมแถลงจับกุม น.ส.อัญญลักษณ์ ปัจจัยยะโคถา อายุ 37 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาล ได้ลักลอบฉีดยาลดความอ้วนให้กับลูกค้า ที่ร้านสปาย่านบางบัวทอง โดยแจ้งข้อหาประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล

ขณะที่เมื่อวันที่ 18 ต.ค. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. นายพสิษฐ์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.ดส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายธนัญชัย ณ ลำพูน อายุ 31 ปี และลูกจ้าง สัญชาติพม่าอีก 2 คน ดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายยาเสริมความงามที่ไม่ได้ขออนุญาตขึ้นทะเบียนตำรับยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นห้องพัก 4 ห้องของแมนชั่นแห่งหนึ่ง ภายในซอยรัชดาภิเษก 48 พร้อมยึดของกลางยาเสริมความงามที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนจำนวนมาก อาทิ ยากลูต้าไธโอน ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และ ยาเสริมความงามอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท

คดีนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้สามารถจับกุมแหล่งขายยาเสริมความงามได้ 7 คดี ตามที่เคยเป็นข่าวมา กรณีดังกล่าวกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมทำงานกับ กก.ดส. บช.น. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาและแหล่งขายยาเสริมความงามได้เพิ่มอีก 3 ราย โดยมีพยานเป็นคนขี่รถ จยย.รับจ้างผู้นำยาดังกล่าวไปส่ง

ด้านนายพสิษฐ์ กล่าวว่า การทำงานดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานงานกับ บช.น. เพื่อร่วมกันจับกุมในครั้งนี้ โดยของกลางทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.และไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้ ส่วนใหญ่เป็นของปลอม มีความผิดตามกฎหมายที่นำเข้ามาในประเทศ ผู้ต้องหาทั้งหมดจะมีความผิดในข้อหาร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท

นอกจากจะจับกุมทั้งยาต้องห้ามและคลินิกศัลยกรรมความงามแล้ว ในส่วนของคลินิกรักษาโรคทั่วไปที่เปิดไม่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น นายพสิษฐ์ ยังได้ร่วมกับ พ.ต.อ. วิวัฒน์ ผกก.ดส. นำกำลังออกตรวจสอบและจับคลินิกผิดกฎระเบียบกระทรวงสาธารณสุข 4 แห่ง ในพื้นที่เขตดอนเมือง หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการลักลอบเปิดคลินิกในพื้นที่ดอนเมือง โดยที่ผู้รักษาโรคไม่ใช่แพทย์ เบื้องต้นดำเนินคดีข้อหา ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมแปลงใบรับรองแพทย์ และขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ

ที่สำคัญพบว่า ยังมีคลินิกที่กระทำการลักษณะเดียวกันอีกประมาณ 70-80 แห่งในทั่วกรุงเทพมหานคร หนำซ้ำคลินิกเหล่านี้มีการออกใบรับรองแพทย์ปลอม เพื่อนำไปใช้ยื่นลาป่วยในหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ หลังจากนี้ทาง กระทรวงสาธารณสุข และตำรวจจะยังคงเดินหน้ากวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง

แม้ในวันนี้เรื่องราวสลดใจของ น.ส. อาทิตยา หรือน้องกระแต จะต้องมาจากโลกไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดี ให้สังคมได้ตระหนักถึงปัญหา จนหน่วยงานภาครัฐเริ่มตื่นตัวได้ร่วมกันป้องกันปราบปรามหมอและคลินิกศัลย กรรมเถื่อนอย่างบูรณาการ เหนือสิ่งอื่นใดทีมข่าว “เดลินิวส์“ คาดหวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่เกิดเหตุสลดซ้ำรอยกรณี  “น้องกระแต“ ขึ้นมาอีก!!.


เดลินิวส์