My Community

หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวสมาพันธ์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 01 มิถุนายน 2020, 17:18:49

หัวข้อ: แถลงการณ์สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ กรณี รพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 01 มิถุนายน 2020, 17:18:49
(https://i.postimg.cc/GptJfsC6/image.jpg)

                                          แถลงการณ์สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ
                                                                       ๑  มิถุนายน  ๒๕๖๓
                          จากกรณีที่คณะแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสหสาขาวิชาชีพโรงพยาบาลขอนแก่น ได้ทำหนังสือขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม
 
 
                       สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้ใช้หลักธรรมาภิบาลโดยเฉพาะหลักคุณธรรม และความโปร่งใสในการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้มีคำครหาว่า การพิจารณาคำร้องเรียนตามบัตรสนเท่ห์นี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม เพื่ออำนาจของคนบางคนที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร และประชาชนแต่อย่างใด
                      สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯขอเรียกร้องให้องค์กรแพทย์ทั่วประเทศสนับสนุน และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อให้เพื่อนๆของเราได้ปฏิบัติงานดูแลรักษาประชาชนในสิ่งแวดล้อมที่มีคุณธรรมและมีหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

(https://i.postimg.cc/y8VkxXgS/Page-1.jpg)
(https://i.postimg.cc/9QJz7RZg/Page-2.jpg)
หัวข้อ: สธ.แจงผลสอบสวน “หมอชาญชัย” ปมเรียกรับเงินบริษัทยา
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 21:50:52
รองปลัดสธ. แจงหลักการสอบสวนฯ “นพ.ชาญชัย” ผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นไปตามระเบียบ ขณะที่กก.สอบฯ ยืนยันบัตรสนเท่ห์นำไปสู่การตรวจสอบได้ เพราะมีหลักฐาน หนำซ้ำสอบพยานแล้ว 11 ปาก ด้านหมอชาญชัย พร้อมให้ข้อมูลกก. ยืนยันปฏิบัติตามระเบียบ
ตามที่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีนพ.ชาญชัย จันทร์วรขัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น หลังถูกตั้งกรรมการทั้งสืบข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีมีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้าร้อยละ 5 เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่น จนเกิดกระแส SAVE หมอชาญชัย

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีการสอบสวนนพ.ชาญชัย สืบเนื่องจากปลายปี 2562 มีผู้ร้องเรียนส่งมาที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต พร้อมแนบหลักฐานส่งมาที่ศูนย์ฯ โดยศูนย์ฯจึงพิจารณา โดยผู้ร้องเรียนไม่ได้ลงนาม เพราะถ้าลงนามก็จะมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง แต่เมื่อเป็นการร้องเรียนปกติ จึงมอบให้กลุ่มเสริมสร้างและระบบคุณธรรมทำการตรวจสอบตามระบบปกติ โดยประมาณปลายเดือนตุลาคม ทางกลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรมจึงทำหนังสือจากการตรวจสอบมาว่า ต้องไปสอบข้อเท็จจริงว่า มีมูลหรือไม่อย่างไร ซึ่งร้องเรียนมาหลายประเด็นมาก มีการร้องเรียนทั้งผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่การเงิน ซึ่งประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีบางประเด็นที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่ารพ.ขอนแก่นทำไม่ถูกต้องในเชิงหลักการที่เราได้ถือปฏิบัติ ซึ่งหลักเกณฑ์นี้เราได้ปฏิบัติมาตลอด ไม่ใช่แค่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขท่านนี้เท่านั้น จริงๆการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก็เคยมีกระบวนการเช่นนี้เหมือนกัน เป็นกระบวนการปกติไม่มีใคร
นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์ที่ 6 กล่าวว่า ตนได้เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. 2562 โดยเราได้เรียกพยานบุคคล และพยานเอกสาร ทั้งรัฐและเอกชน จากนั้นรวบรวมสรุปผลเพื่อเสนอผู้มี่อำนาจต่อไป ซึ่งกระบวนการดำเนินการนั้นเราได้ดำเนินการตามปกติ โดยได้รวบรวมหลักฐานมาตลอด โดยเราพบว่ามีมูลหลักฐานความผิดของกฎหมาย ป.ป.ช. เพื่อเสนอผู้มีอำนาจ โดยมูลนั้น คือ การรับเงินเข้าสู่กองทุนที่ขัดต่อกฎหมายป.ป.ช. และมีการรับทราบในการลงรับเรื่องมาตลอด

“ขอย้ำว่า กรณีการสอบสวนที่ผ่านมาทำตามกฎหมายทั้งหมด โดยเป็นไปตามกฎ กพ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556 ข้อ 4 (1) (2) ว่า หากการร้องเรียนเป็นบัตรสนเท่ห์ที่ไม่มีการลงชื่อ แต่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ และเป็นเบาะแสได้นั้น ก็ต้องตรวจสอบ และทางคณะกรรมการสอบสวนก็มีการสอบพยานประมาณ 11 ปาก เอกสารไม่ต่ำกว่า 18 ชุด ทั้งหมดมีหลักฐานเป็นไปตามกฎหมาย” นพ.อภิชาติ กล่าว
น.ส.ยุพิน ตันวิสุทธิ ผอ.กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กฎหมาย ป.ป.ช. โดยตรง แต่ป.ป.ช. มีข้อเสนอให้ครม. ให้ความเห็นชอบว่า ต่อไปนี้ส่วนราชการจะรับเงินเปอร์เซ็นต์ยา ไม่ได้ หากมีกรณีเช่นนี้อีก ให้ถือว่าผู้ฝ่าฝืนทำผิดความผิดวินัย ซึ่งก็จะเข้าเรื่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบราชการ จึงเป็นได้ทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ซึ่งขัดต่อมติ ครม. ที่ป.ป.ช.เสนอเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าปกติการสอบสวนบัตรสนเท่ห์ทำได้ตลอดหรือไม่ น.ส.ยุพิน กล่าวว่า กรณีบัตรสนเท่ห์ที่ไม่แสดงแต่ส่งเอกสาร หรือชี้เบาะแสทำให้ตรวจสอบต่อไปได้ จำเป็นต้องตรวจสอบ แต่หากเป็นบัตรสนเท่ห์ที่เขียนมาลอยๆ ก็ไม่ต้องดำเนินการ แต่หากมีพยานหลักฐานดำเนินการสอบสวนได้
เมื่อถามว่าผู้ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงต้องย้ายออกจากพื้นที่หรือไม่ น.ส.ยุพิน กล่าวว่า ตามกฎหมายหากผู้ถูกสอบสวนมีเหตุให้มีผลขัดขวางการสอบสวน ก็สามารถย้ายออกได้ แต่ต้องมีพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งแสดงออกมาก่อน ทั้งก่อน ระหว่างก็ได้ ซึ่งหากทำให้การสอบสวนไม่สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ ก็ย้ายได้ อย่างไรก็ตาม การสอบสวนทางวินัยร้ายแรงต้องไม่เกิน 180 วัน แต่หากมีเหตุจำเป็นขยายเวลาได้ แต่ไม่ควรเกินทั้งหมด 270 วัน
นพ.ยงยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า มติครม.มีมาตั้งแต่ปลายปี 2560 ถึงต้นปี 2561 โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือแจ้งเมื่อวันที่  2 มี.ค.2561  เกี่ยวกับข้อปฏิบัติตามครม. ที่ป.ป.ช.เสนอ แต่ในสส่วนของรพ.ขอนแก่นนั้น จากการตรวจสอบพบว่า มี.ค. รับเงิน 1.5 ล้านบาท และยังรับอีก 2 -3 เดือนต่อเนื่อง การรับตรงนี้เมื่อตรวจสอบยังพบว่า จำนวนเงินที่แตกต่างกันนั้น ขึ้นอยู่กับ รพ.ซื้อยาเท่าไหร่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่างตอบแทน อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปในการตรวจสอบวินัยร้ายแรง ก็ต้องไปดูว่าทุจริตหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทุจริต แต่ถูกสงสัยว่าอาจกระทำผิดระเบียบในเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่มี นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นเกิดคำถามว่าต้องการโยกย้ายผู้อำนวยการรพ.ขอนแก่น นพ.ยงยศ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำตามหนังสือร้องเรียน พร้อมหลักฐาน ซึ่งมีการตรวจสอบตามหนังสือทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การสอบสวนตามบัตรสนเท่ห์นั้น ปกติมีมากกว่ามีการลงชื่อ เพราะต้องเข้าใจว่า อำนาจของผู้ถูกร้องมีมากกว่าผู้ร้อง จึงไม่ลงชื่อกัน

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรไปสัมภาษณ์ นพ.ชาญชัย เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนพร้อมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการทั้งหมด เนื่องจากยืนยันว่าไม่ได้มีการกระทำใดๆที่ไปในทางทุจริต โดยหลังจากกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการตั้งแต่ช่วงมี.ค. 2561 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับทางการเงินดังกล่าวนั้น ตนได้ทำหนังสือเวียนให้รองบริหารของทางรพ.ขอนแก่น และได้เรียกประชุมเมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.โดยให้ทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
เมื่อถามถึงข้อกล่าวหารับเงินบริจาคจากบริษัทยา นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ทางการเงินได้รวบรวมส่งให้ฝ่ายบัญชี และฝ่ายบัญชีส่งให้รองบริหาร และมีตนในฐานะผอ.รพ.ลงนามเกี่ยวกับเงินบริจาค ซึ่งเงินบริจาคเป็นเงินที่เปิดให้ประชาชนสามารถบริจาคเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น โดยจำนวนเงินบริจาคไม่ได้มีการแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับรายชื่อผู้บริจาคส่งขึ้นมา ซึ่งคาดว่าที่เป็นเช่นนั้นน่าจะอยู่ที่กำลังปรับระบบอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันพร้อมให้ข้อมูลคณะกรรมการทั้งหมด
Fri, 2020-05-29 10:50 -- hfocus team
……………………………...…………...…....
รุกสอบวินัย ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ปมรับเงินบริจาคบริษัทยาเข้ากองทุน รพ.

นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวกรณีตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย นพ.ชาญชัย จันทร์วรขัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กรณีมีผู้ร้องเรียนรับเงินบริษัทยา 5% เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น เป็นเหตุให้บุคลากรสาธารณะที่จังหวัดขอนแก่นแห่ “save หมอชาญชัย” และร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมว่า ปลายปี 2562 มีผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวผ่านบัตรสนเท่ห์ในหลายประเด็นมาที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต พร้อมแนบหลักฐาน โดยร้องทั้ง ผอ.รพ.และเจ้าหน้าที่การเงิน จึงมอบให้กลุ่มเสริมสร้างและระบบคุณธรรมตรวจสอบตามระบบปกติ

“ปลายเดือน ต.ค.กลุ่มเสริมสร้างวินัยฯ ตรวจสอบพบมีมูล มีบางประเด็นที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่า รพ.ขอนแก่น ทำไม่ถูกต้องในเชิงหลักการปฏิบัติ โดยพบว่าเดือน มี.ค. รับเงิน 1.5 ล้านบาท และยังรับอีก 2-3 เดือน จำนวนเงินต่างกัน ตรวจสอบพบว่าจำนวนเงินจะขึ้นกับจำนวนการสั่งซื้อยาแม้จะระบุว่าเป็นการบริจาค แต่เมื่อขึ้นกับจำนวนการซื้อยา แม้จะนำเข้ากองทุนของ รพ.แต่ก็ถือเป็นประโยชน์ต่างตอบแทน ขั้นตอนต่อไปการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต้องดูว่าทุจริตหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทุจริต แต่ถูกสงสัยว่าอาจกระทำผิดระเบียบเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่มี นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการ สธ.เขต 6 เป็นผู้สอบ” นพ.ยงยศกล่าว
หมอชาญชัยโต้ปลัด ฟ้องกลับ-กู้ศักดิ์ศรี
วันนี้ของ "หมู่อาร์ม" ผู้เปิดปมทุจริตโกงเบี้ยเลี้ยงทหาร ต้องหนีตาย (คลิป)
"อนุทิน" พร้อมให้ความเป็นธรรม ผอ.รพ.ขอนแก่น ปมรับเงินบริจาคเข้ากองทุน
เมื่อถามต่อว่าบุคลากรในพื้นที่มีการร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพราะมีข้อสงสัยในกระบวนการสอบสวนที่ไม่รอบด้าน นพ.ยงยศกล่าวว่า ได้ให้โอกาส นพ.ชาญชัย ชี้แจง แต่ นพ.ชาญชัย ไม่มาชี้แจง แต่ขอชี้แจงทางเอกสาร
ด้าน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ตนพร้อมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการทั้งหมด เนื่องจากยืนยันว่าไม่ได้มีการกระทำใดๆที่ไปในทางทุจริต โดยหลังจาก สธ.มีหนังสือให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการทางการเงินตั้งแต่ช่วง มี.ค.2561 ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือเวียนให้รองบริหาร รพ.ขอนแก่น และได้เรียกประชุมเมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค. โดยให้ทุกฝ่ายถือปฏิบัติ.
30พค2563
ไทยรัฐออนไลน์
หัวข้อ: ขอความเป็นธรรม! แพทย์-พยาบาลขอนแก่น ร้องผู้ว่าฯ มั่นใจหมอเป็นคนดีถูกกลั่นแกล้ง
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:00:15
จากกรณี ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น สำนักงานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น ประกอบด้วยคณะแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ สหสาขาวิชาชีพโรงพยาบาลขอนแก่น เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึง นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

ขอให้พิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องเรียน ไม่ระบุชื่อ โดยใช้สรรพนามว่า “ข้าราชการเกษียณ โรงพยาบาลขอนแก่น” กล่าวหาว่า นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ คือ เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ร้อยละ 5 ในช่วงเดือนเมษายน 2561 ถึง เดือนตุลาคม 2561

ต่อมา ทางด้านเฟซบุ๊ก “Nabiki Jow” ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า หลายคนอาจจะยังงง ๆ อ่านแถลงการณ์ขององค์กรแพทย์ขอนแก่นก็ยังงง ๆ จะสรุป (ไม่รู้จะยาวกว่าเก่าไหม) ให้ฟัง
1. นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล เป็นแพทย์ที่สุจริตและมีความสามารถ
2. นพ.ชาญชัย ได้มารับตำแหน่ง ผอ.รพ.ศ.ขอนแก่น เมื่อประมาณ ปี 59 ตอนมารับตำแหน่ง รพ.ศ.ขอนแก่นมีหนี้200+ล้านบาท
3. นพ.ชาญชัย ใช้เวลาประมาณ 2 ปี เข้าไปสะสางจัดการระบบต่าง ๆ ในรพ.ศ.ขอนแก่น ล้างหนี้200+ล้านทำให้งบรพ.เป็นบวกถึง200ล้านบาทได้ (ในการสะสางระบบนั้น มี “ข้าราชการ” ซึ่งตอนนี้เกษียณไปแล้ว เสียผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้)
4. ปี 61 นพ.ชาญชัย ถูกย้ายไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้าจันทบุรี แม้จะยังไม่ใช่รอบย้าย บุคลากรรพ.ศ.ขอนแก่นจึงแต่งดำไว้ทุกข์ คัดค้านการย้าย สุดท้าย ปลัดจึงย้ายนพ.ชาญชัยให้กลับมารพ.ศ.ขอนแก่นเหมือนเดิม (มีผู้เสียผลประโยชน์จากการที่นพ.ชาญชัยได้ย้ายกลับมารพ.ศ.ขอนแก่น)
5. มีการส่งบัตรสนเท่ห์อ้างว่า นพ.ชาญชัยเรียกรับ%ยาจากบริษัทยาทั้ง ๆ ที่กระทรวงห้าม (ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง)
6. หลังจากมีบัตรสนเท่ห์ มีการเรียกพยานสอบ แต่ไม่ได้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
7. หลังจากสอบพยานเพียงบางส่วน ได้มีการตั้งข้อกล่าวหา “ผิดวินัยร้ายแรง” แก่นพ.ชาญชัย และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบ
8. คณะกรรมการสอบควรเป็นผู้ตรวจเขต 5 แต่กลับมีการเปลี่ยนเป็นผู้ตรวจเขต 6 (ทั้ง ๆ ที่เขต 5 ไม่มี contra indicationที่จะตรวจ แต่จงใจระบุว่าต้องเป็นเขต 6 สอบ -มีการแทรกแซงไม่ได้ให้เรื่องดำเนินตามกระบวนการปกติ)
9. องค์กรแพทย์รพ.ศูนย์ขอนแก่นเห็นความไม่โปร่งใสชอบธรรมในกระบวนการสอบนี้ จึงยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้การสอบนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม
#saveรพขอนแก่น #saveผอชาญชัย #คนดีต้องมีที่ยืนในสังคม

27 พฤษภาคม 2020
https://www.thaimoveinstitute.com/13711/
หัวข้อ: ปลัดสธ.ยันสอบ ผอ.รพ.ขอนแก่นตามหน้าที่ พร้อมแจงเหตุตั้ง "หมอเกรียงศักดิ์"
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:04:39
ปลัดสธ.เผยสอบสวน ผอ.รพ.ขอนแก่น ตามหน้าที่ หากไม่ทำอาจเข้าข่ายผิด ม.157 แจงตั้ง "หมอเกรียงศักดิ์" รักษาการ เหตุเป็นคนขอนแก่น ตั้งรองผอ.รพ.ไม่ได้ เพราะ "หมอชาญชัย" ระบุมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องรับเงินบริจาคทั้งหมด อยู่ระหว่างตั้งปธ.สอบสวนวินัยฯ ใหม่ หลัง "หมอสุเทพ" ถอนตัว รองปลัดสธ.แจงมีพฤติกรรมรับเงินชัดเจน ฐานเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ใช่เงินบริจาค

วันนี้ (4 มิ.ย.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวถึงกรณีการดำเนินคดีทางวินัย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น กรณีเรียกรับเงินบริจาคบริษัทยา 5% และการย้ายออกจากพื้นที่ โดยมีการตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการ ขณะที่ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการ สธ.เขตสุขภาพที่ 6 ประธานกรรมการสอบสวนวินัยได้ลาออก ว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาว่า ผอ.รพ.ขอนแก่น มีพฤติกรรมรับเงินบริจาคยา ตนก็ต้องดำเนินการตามระเบียบราชการและข้อกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่ามีมูล ก็จะต้องดำเนินการ หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนเป็นปลัดสธ.มาได้มีการตรวจสอบผู้อำนวยการและผู้อำนวยการระดับสูงรวมแล้ว 12 คน โดย 6 คนมีโทษไล่ออกไปแล้ว อีก 6 คนอยู่ระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งมีทั้งกรณีคล้ายกับ รพ.ขอนแก่นและกรณีอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหมาะสมในการตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ เป็นรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการย้ายข้ามเขต และก่อนหน้าเคยมีการแต่งตั้งโยกย้ายให้มาเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น แต่ถูกคัดค้านจนต้องย้ายกลับ นพ.สุขุม กล่าวว่า นพ.เกรียงศักดิ์ พื้นเพเป็นคน จ.ขอนแก่น และเคยเป็น ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นมาก่อน ที่สำคัญไม่สามารถตั้งรอง ผอ.รพ.ขอนแก่นขึ้นเป็นรักษาการแทนตามปกติที่เคยทำได้ เพราะ นพ.ชาญชัย พูดชัดเจนว่า รองผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหาร รพ. ก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาค จึงต้องตั้งคนอื่นรักษาการแทน ส่วนจะพิจารณาตั้งรักษาการ ผอ.รพ. เป็นคนอื่นแทนหรือไม่ ต้องดูว่า เมื่อนพ.เกรียงศักดิ์ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งครั้งก่อนก็เห็นว่าได้รับการต้อนรับ อย่างไรก็ตาม เป็นการตั้งรักษาการเท่านั้น หากมีการสอบสวนแล้วพบว่า ผู้ถูกร้องไม่มีความผิดก็ยังตั้งกลับได้

ถามต่อว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยเป็นคนจากกลุ่มก๊วนเดียวกัน นพ.สุขุมกล่าวว่า เรื่องนี้สามาถคัดค้านได้ ถ้าคิดว่าคนที่ตั้งไม่ให้ความเป็นธรรมเป็นกับเรา คงไม่ใช่กลุ่มก๊วนเดียวกัน อาจมีความไม่ถูกใจ ไม่สบายใจ ก็สามารถร้องเรียนได้ ก็จะเปลี่ยนให้ แต่ยังไม่มีการร้องมาแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการจุดชนวนความแตกแยกใน สธ.ขึ้นมาอีกครั้ง นพ.สุขุมกล่าวว่า ก็ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ ตนก็จะผิดมาตรา 157

นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัด สธ.กล่าวว่า เงินจากบริษัทยาหรือขายเวชภัณฑ์ทุกอย่าง รพ.ไม่สามารถเรียกรับได้ เพราะฉะนั้น ขบวนการที่ ผอ.รพ.ขอนแก่น ถูกร้องเรียนและแนบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ยังมีการเรียกรับจากบริษัทต่างๆ มาตลอด โดยมีหลักฐานชัดเจนว่าเงินที่บริษัทยาบริจาคเข้ากองทุน รพ.นั้น เชื่อมโยงสัมพันธ์กับการจัดซื้อจัดจ้างยาจากบริษัทยา อีกทั้งยังพบว่ามีพฤติกรรมข่มขู่พยานด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลาย รพ.ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ต้องรอร้องเรียนเข้ามา ส่วนกรณี นพ.สุเทพ ขอถอนตัวจากการเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัย เนื่องจากงานในหน้าที่มีมาก ทั้งการเรียน วปอ. การวางแผนรับคนไทยกลับจากต่างประเทศในสถานการณ์โรคโควิด และการบริหารเรื่องการเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ประธานแทน

นายสุจินต์ สิริอภัย นิติกรชำนาญการ กลุ่มงานเสริมสร้างรวินัยและระบบคุณธรรม สธ. ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า เมื่อมีการร้องเรียนด้วยบัตรสนเท่ห์ ข้อสำคัญไม่ได้อยู่ที่จะลงชื่อหรือไม่ แต่ผู้ถูกร้องเรียนต้องมีชื่อตำแหน่งชัดเจน และมีหลักฐานที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งปลัด สธ.ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็มีหน้าที่สอบข้อเท็จจริง หากไม่ทำก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งอาจสอบด้วยตัวเอง หรือมอบให้มีการสอบสวนเบื้องต้นว่า กระทำผิดวินัยหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการที่ไปสืบข้อเท็จจริงก็จะต้องรายงานกลับมา หากไม่มีมูลก็ยุติ หากมีมูลผิดวินัยไม่ร้ายแรง ก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ แต่กรณีเห็นว่ามีมูลควรกล่าวหาว่าทำผิดวินัยร้ายแรง ปลัดสธ. จะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน

นายสุจินต์กล่าวว่า จากการสืบสวนเรื่องนี้มี 12 ประเด็น โดยสรุปมาว่า 7 ประเด็นไม่มีมูลความผิดเลย สั่งยุติเรื่อง อีก 3 ประเด็นตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ส่วนกรณีรับเงินจากบริษัทยา ถือว่าเป็นนิติสัมพันธ์ในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งตามกฎหมายไม่ใช่แค่เรื่องยา แต่รวมถึงทุกอย่างที่มีการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างว่าห้ามเรียกหรือรับเงินเหล่านี้ ไม่ว่าส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ผิดทั้งนั้น ซึ่งเมื่อมีการชี้ว่ามีมูลก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งการสอบสวนผลก็ออกมา 3 กรณี คือ ไม่ผิด หรือผิดวินัยไม่ร้ายแรง หรือผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาอาจเห็นว่าประธานคณะกรรมการฯ ไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องทุกข์ได้ อย่างไรก็ตาม ผลการสอบสวน ปลัดสธ.ก็สามารถพิจารณาเห็นด้วยหรือไม่ แล้วก็ต้องเข้า อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอาจเห็นด้วยกับคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หรือไม่เห็นด้วยก็ได้ และเมื่อหากถูกลงโทษก็ไปสู้ได้อีกว่าการลงโทษไม่เหมาะสม หรือฟ้องศาลปกครองสูงสุดได้อีก

น.ส.สุชาฎา วรินทร์เวช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า นิยามของ "การบริจาค" คือ จะต้องให้ด้วยความสมัคร บริษัทยาจะให้เงินร้อยล้านพันล้านบาททำได้ไม่มีใครว่า ถ้าไม่ได้ถูกบังคับ ถ้าถูกบังคับบริจาคโดยไม่สมัครใจ จะเป็นการสร้างเงื่อนไขในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่สามารถเรียกว่าเป็นการบริจาคได้ ต้องถูกเรียกว่าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่ง ป.ป.ช.เสนอไปยัง ครม.ว่า การจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยา เข้ากองทุนสวัสดิการสถานพยาบาล การให้คู่สัญญาบริจาคเงิน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหรือมูลนิธิใดก็ตาม ถือว่ากระทำผิดต่อหลักธรรมาภิบาลในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง สธ.มีการออกหนังสือเวียนถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งนี้ เรื่องเงินบริจาคที่เข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่น เป็นการสร้างเงื่อนไขจากการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ โดยยอดบริจาคมีความสัมพันธ์กับยอดในการจัดซื้อจัดจ้าง และนำมาสู่การตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง กระทั่งมาถึงการสอบวินัยฯ

4 มิ.ย. 2563
https://news1live.com/detail/9630000058097
หัวข้อ: พลิกหนังสือ ป.ป.ช. กรณี รพ.รับเงิน บ.ยา ก่อนปัญหาย้าย ผอ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:07:11
เครื่องเคียง! ย้อนหนังสือ ป.ป.ช. ชง ครม. มาตรการป้องกันทุจริตกรณีผลประโยชน์ต่างตอบแทน รพ. รับเงิน บ.ยา - ปมปริศนา เงิน 24.4 ล้านในบัญชี ‘กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง’ ก่อนกรณีปัญหาย้าย ผอ.ขอนแก่น

เป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง กรณี โรงพยายบาลรับเงินบริษัทยา
ล่าสุดเกิดกรณีปัญหาที่โรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงฯ มีคำสั่งให้ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ไปปฏิบัติงานที่กองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า ดำรงตำแหน่งรักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น แทน
หลังจาก นพ.ชาญชัย ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณีมีผู้ร้องเรียนในลักษณะบัตรสนเท่ห์ อ้างว่า นพ.ชาญชัย เรียกรับเงินจากบริษัทยา ร้อยละ 5 ซึ่งเข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างเดือน มี.ค. - ต.ค. 2561
ขณะที่ นพ.ชาญชัย ชี้แจงว่า ไม่เป็นธรรม เนื่องจากการรับเงินบริจาคจากบริษัทยานั้นมีมาตั้งแต่ปี 2508 แต่ภายหลังได้รับคำสั่งจากทางกระทรวงเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2561 ได้ประชุมกรรมการบริหารและทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา แต่ยอมรับว่าในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.2561 มียอดเงินบริจาคผ่านกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น เดือนละ 1 ล้าน 3 แสนบาท จากปกติจะมียอดบริจาคเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านบาท ซึ่งก็เข้าใจว่าเงินบริจาคไม่ได้มาจากบริษัทยา เนื่องจากได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยงานรวมถึงบริษัทยาด้วย ทั้งนี้ นพ.ชาญชัย ระบุอีกว่า ภายหลังกระทรวงฯ มีคำสั่งให้งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา ในเดือน พ.ย.ปี 2561 ทางโรงพยาบาลได้ปิดกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น โดยให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา บริจาคผ่านบัญชี ‘เงินโรงพยาบาลขอนแก่น’ แทน (อ้างอิงข่าวจาก https://news.thaipbs.or.th/content/293184)
ประเด็นการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ รพ.ขอนแก่นในครั้งนี้ นำมาซึ่งการเคลื่อนไหวคัดค้านของบุคลากร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นและแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งมีการแสดงความเห็นจากบุคคลทั่วไปจำนวนมากในขณะนี้
ประเด็นสถานพยาบาลรับเงินจากบริษัทยานั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องเคียงดังนี้
1.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ข้อเสนอแนะในเชิงระบบ 1 ใน 4 ข้อก็คือ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อยา (ข้อ 1.3) “ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการพยาบาล” และให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อใช้กลไกต่อรองราคาตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด (ดูเอกสารประกอบ)


โดยระบุว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียน ประกอบการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ท.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะของการทุจริตจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มผู้ใช้สิทธิและเครือญาติมีพฤติกรรมตระเวนใช้สิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆหลายแห่ง ทุก 1-3 สัปดาห์ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มีพฤติกรรมการสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเกินความจำเป็น และกลุ่มบริษัทยามีพฤติกรรมการจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับโรงพยาบาลและแพทย์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้แพทย์สั่งจ่ายยาของบริษัท เป็นผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นจำนวนมาก
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นสมควรเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัดิการรักษาพยาบาลข้าราชการต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 19 (11) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554
ทั้งนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกฯ มีคำสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและให้กระทรวงสาธารณสุขสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป (อ้างอิงหนังสือจากนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือลงวันที่ 7 ก.ค.2560 แจ้งเวียนถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) (อ่านประกอบ : เจอร้องหนัก!ป.ป.ช.ชง ครม.ป้อง ขรก. เบิกจ่ายพยาบาลโดยทุจริต-พบคนใน รพ.ฮั้วเอกชน)
2.เมื่อปี 2560 เคยมีกรณีที่คล้ายกันที่โรงพยาบาลระยอง เมื่อบุคลากรของโรงพยาบาลส่งหนังสือถึง พล.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ประธาน กรรมการ ป.ป.ช.) และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ขณะนั้น) ให้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากชื่อ ‘กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง’ ในช่วงปลายปี 2559-เดือนสิงหาคม 2560 เนื่องจากมีเงินจากผู้ประกอบธุรกิจขายยาและเครื่องมือแพทย์โอนเข้าบัญชีฯหลายครั้งรวมเป็นเงินหลายล้านบาทโดยถูกโอนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในช่วงกลางเดือนและทุกปลายเดือนมีเงินหมุนเวียนรวม 24,495,181.53 บาท ในจำนวนนี้มีรายการเบิกถอน เมื่อ 16 ส.ค.2560 รวม 4 ครั้งๆละ 1 ล้านบาท รวม 4 ล้านบาท ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นเงินค่าอะไร หลังจากนั้นจนถึงขณะนี้ ไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงของทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ ป.ป.ช.วาผลเป็นอย่างไร (อ่านประกอบ: หมุนเวียน 24.4 ล.-ใครเบิก 4 ล.? ปมปริศนา บ.ยาโอนเงินเข้ากองทุนฯ รพ.ระยอง)
ฉะนั้น กรณีของ รพ.ขอนแก่น ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงว่า หลังจากมีคำสั่งแล้ว ยังเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รู้เห็นหรือไม่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องนำมาหลักฐานมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา? และกระบวนการจากนี้อาจเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่?
ส่วน ‘ที่มา’ ของเรื่องร้องเรียนว่ามาจากบัตรสนเท่ห์นำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวนและโยกย้ายผู้ถูกร้องเรียนตามมานั้น มิใช่ประเด็น เพราะเรื่องร้องเรียนทุจริตในหน่วยงานของรัฐหลายเรื่องก็มาจากบัตรสนเท่ห์ เนื่องจากคนเกรงกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนในการร้องเรียน
เรื่องนี้อาจเป็นมหากาพย์  ต้องติดตามผลกันต่อไป

5 มิถุนายน 2563
สำนักข่าวอิศรา
หัวข้อ: ละเอียดยิบ “หมอชาญชัย”แจงเงินบริจาครพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:11:34
หมอชาญชัย”พร้อมงัดหลักฐานทางการเงินการบัญชีแสดงความบริสุทธิ์ ยันไม่เคยเรียกรับเงินจากบ.ยา เผยรพ.จัดซื้อยาราคาถูกกว่าราคากลางร่วม 30 % สัดส่วนราคาที่ลดลงไม่สัมพันธ์เงินบริจาค ย้ำพ.ย.61 ปิดกองทุนทั้งหมด เหลือแต่เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่นถือเป็นเงินบำรุง

จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่สำนักบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชาญชัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทางมารายงานตัวในการปฏิบัติราชการตามคำสั่งดังกล่าว มีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่นี่จึงมารายงาน โดยได้รับมอบหมายจากผอ.สำนักบริหารการสาธารณสุขให้รับผิดชอบงานระบบบริการรพ.เกี่ยวกับservice plan ซึ่งตนเป็นข้าราชการ ทำงานที่ไหนก็ได้ อย่างไรก็ตาม ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้วเป็นไปตามสิทธิ์ และในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย.2563 จะยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมแล้วและระบุว่าหากมีหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ให้นำมาแสดงได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า หากท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงกับท่าน โดยเป็นหลักฐานเกี่ยวกับระบบการการเงินการบัญชี การหมุนเวียนทางการเงินและข้อมูลทั้งหมด การนำส่งทางบัญชี การสรุปบัญชีและการแจกแจงรายการรายจ่าย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลักฐานนี้ได้เคยแสดงต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมาก่อนหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ คณะกรรมการฯได้ไปไม่ครบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชีทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ต่อข้อถามกรณีเพจชมรมแพทย์ชนบทเผยแพร่รายรับ-รายจ่ายของกองทุนพัฒนารพ.ศูนย์ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวตนเป็นคนนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเองในการแถลงข่าวที่รพ.ขอนแก่นเมื่อวันก่อน เพราะต้องการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเงินที่ได้รับบริจาคเข้ากองทุนฯดังกล่าวมีการนำไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ต่อรพ.ขอนแก่นทั้งสิ้น นี่คือความจำเป็นของการที่จะต้องมีกองทุนเพื่อพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการบริการผู้ป่วย 2.ครุภัณฑ์และเวชภัณฑ์การแพทย์ และ3.พัฒนาบุคลากร

“รพ.ขอนแก่นมีนักเรียนแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางใน 9 สาขา และได้มีการลงนามความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการถ่ายทอดวิชาการซึ่งกันและกัน โดยปีแรกมีการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่รพ.ขอนแก่น และปีที่ 2 เชิญรพ.ขอนแก่นไปที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีทีมนักวิชาการของรพ.ไปนำเสนอผลข้อมูลวิชาการแต่ตนเองไม่ได้ไปด้วย และอีกครั้งไปประเทศไต้หวันเพื่อรับรางวัลระดับโลก เกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)แห่งเดียวที่ได้รับการรับรองระดับเอเซียแปซิฟิก จึงเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้ไปเที่ยว และรายจ่ายทั้งหมดเป็นการใช้เพื่อประโยชน์รพ.ขอนแก่นโดยแท้ และข้อมูลก็ออกจากการงานการบัญชีของรพ.เองไม่มีอะไรที่หมกเม็ด ยืนยันว่าผมโปร่งใส ตรวจสอบได้”นพ.ชาญชัยกล่าว

ต่อข้อถามฝ่ายตรวจสอบยืนยันว่าเงินบริจาคไม่ว่าจะรับมาเพื่อการใดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคแล้วแต่ผู้บริจาคว่าจะเข้ากองทุนไหน ไม่อย่างนั้นมูลนิธิรพ.ขอนแก่นก็ห้ามรับบริจาคด้วยหรือ โดยระเบียบระบุว่าใครบริจาคก็เข้าสู่กองทุนบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ประมาณเดือนมิ.ย. 2561 แต่กองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่นเปิดมาก่อนหน้านั้นในปี 2560 และมติป.ป.ช.ที่ฝ่ายตรวจสอบนำมาอ้างนั้นออกเมื่อมี.ค.2561 โดยระเบียบเงินบริจาคที่ออกเดือนมิ.ย.นั้น เนื่องจากการบริจาคจากโครงการก้าวของตูน บอดี้แสลม กว่าเงินจะโอนเข้าประมาณเดือนส.ค.2561 และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่าย การตั้งกรรมการ และเมื่อเดือนพ.ย.2561 ได้มีการปิดกองทุนทั้งหมดให้ไปอยู่ในร่มของเงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นเงินบำรุง

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนว่าตนมีเจตนาที่จะดำเนินการตามระเบียบโดยเคร่งครัดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้คลางแคลงใจเพราะระเบียบบมันเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งการบริจาครพ.ขอนแก่นตอนนี้มี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินบริจาคตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ที่ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และ3.เงินมูลนิธิ รพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และรพ.ขอนแก่นยังมีมูลนิธิอื่นอีก ทุกอย่างสามารถบริจาคได้หมด

“เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าระเบียบเดือนมี.ค.2561 การเรียกรับผลประโยชนืก็คือต้องมีเงื่อนไขในการที่จะรับ ซึ่งแปลว่าถ้าเขาไม่บริจาค เราไม่ซื้อยาเขา อันนี้ไม่มีเด็ดขาดเพราะการจัดซื้อจัดจ้างกับการบริจาคที่โต๊ะการเงินเป็นคนละเรื่องกัน โดยไม่ได้เชื่อมโยงกัน”นพ.ชาญชัยกล่าว



ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าฝ่ายตรวจสอบระบุว่าเงินบริจาคกับการจัดซื้อยาเชื่อมโยงกัน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า อันนี้ไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนมีงบประมาณเท่าไหร่แล้วจะบริจาคเท่าไหร่ ก็สุดแท้แต่ผู้บริจาค แต่การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนนั้น คือ การที่ว่าถ้าเขาไม่บริจาคเราไม่ซื้อยานั่นคือเงื่อนไข แต่เราไม่มีเงื่อนไขใดๆ รพ.จะซื้อหรือไม่ซื้อขึ้นกับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัชกร เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่าง สามารถตรวจสอบได้ ทำตามระเบียบพัสดุ

“กองทุนนี้ตั้งมาเพื่อรับบริจาค ใครก็ได้บริจาค เพราะว่าความขาดแคลนของรพ.กระทรวงสาธารณสุขมีมาก ไม่ว่าจะระดับไหน ซึ่งเป็นคุณูปการของตูน บอดี้แสลม และนพ.เจษฎา โชคดำรงสุขสมัยเป็นปลัดสธ.ที่ไปหารือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เงินบริจาคลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า จะได้ให้เงินบริจาคเข้าระบบทั้งหมด และตั้งแต่พ.ย.2561 รพ.ขอนแก่น ผมทำตามระบบระเบียบหมดทุกอย่าง”นพ.ชาญชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดซื้อยาของรพ. นพ.ชาญชัย กล่าวว่า นี่เป็นประเด็นที่ถามว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนคืออะไร ซึ่งรพ.ขอนแก่น สามารถซื้อยาในราคาต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และมีซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 % หมายความว่ายา 100 ตัว ซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 ตัว ตรงนี้จะบอกได้อย่างไรว่ารพ.ขอนแก่นเรียกรับผลประโยชน์ ไม่มีแน่นอน นอกจากนั้น ยังมีการจัดซื้อยารวมระดับเขตสุขภาพที่ 7 โดยจ.ในเขตมีการซื้อยาราคากลางเท่ากันตามรพ.ขอนแก่น จึงชัดเจนว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวงและข่มขู่พยาน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่เคยข่มขู่ใคร และข้อหาตนว่าแรงเกินไป เพราะตนไม่เคยเอาเงินเข้าส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากกองทุนนี้อยู่ในร่มกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมีระเบียบว่ากองทุนอื่นใดที่เป็นกองทุนย่อยให้ถือใช้ตามระเบียบสำนักนายกฯที่เป็นกองทุนสวัสดิการ แต่ถ้าเป็นการจัดสวัสดิการเจ้าหน้าที่ก็แยกหมวดต่างหากแต่ถือเป็นหมวดหนึ่งในการพัฒนารพ.

ต่อข้อถามมีข้อกังวลใดหรือไม่ที่มีการตั้งรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวลอย่างเดียว่าจะมีการทำหลักฐานเท็จใส่ร้ายตน ในส่วนที่ว่าตนจะทำลายหลักฐานนั้น ขอถามกลับไปว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีหาพยานและหลักฐานเท็จ เป็นสิ่งที่กังวลใจอยู่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่ามีการซื้อยาถูกกว่าราคากลาง 30 % นพ.ชาญชัย กล่าวว่า มีหลักฐาน โดยส่วนที่ซื้อถูกลง ไม่ได้สัมพันธ์กับเงินบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท เพราะชนะประมูล

ถามต่อว่าเงินส่วนที่จัดซื้อยาได้ถูกลงสัมพันธ์กับเงินที่บริจาคหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่ งบประมาณของบริษัทแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริษัทมีงบประมาณอยู่ 5 % แต่ตรงนี้ไม่รู้ บางบริษัทอาจจะมีน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นกับนโยบายของบริษัท และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 %อีก การต่อรองราคาถูกลงช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง

ต่อข้อถามกังวลหรือไม่หากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวล จึงอยากให้มีการตั้งประธานตามลำดับบัญชีรายชื่อการเป็นประธาน ซึ่งจะเป็นธรรมาภิบาลของกองวินัย
5 มิย 2563
กรุงเทพธุรกิจ
หัวข้อ: 'นพ.ชาญชัย'เข้ารายงานตัวสธ. ยื่นอุทธรณ์-หอบหลักฐานส่ง'อนุทิน'
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:13:48
                    หมอชาญชัย ยื่นอุทธรณ์ คำสั่งปลัด สธ.โยกพ้น รพ.ขอนแก่น พร้อมหอบหลักฐาน ส่งถึง “อนุทิน” หลังเปิดช่องให้ความเป็นธรรม เผย 8 มิ.ย.เดินหน้าร้อง ก.พ.ค.ต่อ แจงยิบ การจัดซื้อยารพ.ผ่านระบบแข่งขัน พร้อมแจงไทมไลน์ เปิดกองทุนรพ.ขอนแก่น
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข  นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น เดินทางเข้ามารายงานตัวที่กองบริหารการสาธารณสุข หลังถูกย้ายจาก รพ.ขอนแก่น เพื่อเปิดทางให้มีการสอบวินัยร้ายแรงกรณีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องรับเงิน 5 % จากบริษัทยาเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น โดยนพ.ชาญชัย ใช้เวลาในการรายงานตัวประมาณ 10 นาที ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า วันนี้มีคำสั่งให้มาปฏิบัติงานที่กองบริหารงานสาธารณสุข และได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขในกรณีนี้ด้วย เป็นการอุทธรณ์ตามสิทธิ ส่วนวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จะไปยื่นขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ต่อไป ทั้งนี้ความพยายามในการย้ายตนออกจากขอนแก่น 2 ครั้งนั้น ไม่กล้ามองว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ตนเป็นข้าราชการทำงานที่ไหนก็ได้ แต่การตั้งข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ข่มขู่พยาน ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ซึ่งขอยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้น ไม่เคยเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว

ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ระบุว่ายินดีให้ตนได้นำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ ถ้าท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงให้ท่านทราบ อาทิ หลักฐานทางการเงิน การบัญชี ข้อมูลการไหลเวียนทางบัญชี ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ไปไม่ครบตั้งแต่แรก ซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ทางการเงินเป็นผู้จัดทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นข้อมูลน่าจะยื่นต่อกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้วเหมือนกัน 

เมื่อถามว่าเงินบริจาคไม่สามารถรับเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคอยู่ที่ผู้บริจาค ใครบริจาคก็จะเข้าสู่กองทุนบริจาครพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ในเดือน มิ.ย.2561 แต่กองทุนพัฒนารพ. เปิดตั้งแต่ปี 2560 และมติ ครม. ซึ่งเสนอโดยป.ป.ช. ออกมาเดือนมี.ค.2561 ทั้งนี้การที่ระเบียบเงินบริจาคออกช่วงเดือน มิ.ย.2561 เนื่องจากเงินโครงการวิ่งก้าวคนละก้าว แต่กว่าเงินนั้นจะโอนก็ประมาณ ส.ค. และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่ายก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเดิมเปิดบัญชีผิดใช้ชื่อว่า ก้าวคนละก้าว ก็เปลี่ยนเป็นเงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งตอนแรกคณะกรรมการบริหารกังวลว่า เงินที่วิ่งได้ 100 กว่าล้านบาทจะนำมาเข้ากองทุน และจะมีเงินอื่นมาปนหรือไม่ จึงยังไม่เอามาเข้า แต่เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ก็ได้ปิดกองทุนทุกกองทุนให้ไปอยู่ในรวมของกองทุนบริจาค รพ.ขอนแก่นทั้งหมด

ซึ่งตนเจตนาทำตามระเบียบโดยเคร่งครัด แต่จะเห็นได้ว่าระเบียบเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน  โดยการบริจาคจะมี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินสวัสดิการตามระเบียบสำนักระเบียบนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ลดหย่อนได้ 2 เท่า และ 3.เงินมูลนิธิรพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และยังมีมูลนิธิอื่นๆที่ไม่ใช่ตนเป็นประธาน  เช่น มูลนิธิสมเด็จพระพุฒจารย์(อาจ อาสภมหาเถร”  ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหว กรรมการส่วนหนึ่งเป็นพระ

เมื่อถามถึงกรณีมีการตรวจสอบพบว่ายอดบริจาคของบริษัทยามีความสัมพันธ์กับยอดการจัดซื้อยา นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าตามระเบียบมี.ค. 2561 การเรียกรับผลประโยชน์ต้องมีเงื่อนไขในการรับ แปลว่าถ้าไม่จ่าย เราจะไม่ซื้อยา ตรงนี้ไม่มีเด็ดขาด เพราะการจัดซื้อจัดจ้าง กับการรับบริจาคคนละโต๊ะกัน  ไม่ได้เชื่อมโยงกัน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าบริษัทไหนจะมีงบประมาณเท่าไหร่ที่จะบริจาค สุดแท้แต่เขา บางบริษัทก็มี 5% บางแห่งน้อย หรือมากกว่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่การจะซื้อหรือไม่ซื้อยาของรพ.ขอนแก่น จะขึ้นอยู่กับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัช และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 % อีก ช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง

“จากการประมูล ทำให้การซื้อยา 100% ของ รพ.ขอนแก่น ต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และยาที่ราคาถูกที่สุดในประเทศ มี 30% แล้วจะบอกว่าเรียกรับเงินได้อย่างไร ที่มากกว่านั้น คือเรามีการจัดซื้อยาร่วมระดับเขตสุขภาพ คือราคาเท่ากันทั้งร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ เป็นต้น และส่วนที่ถูกลงก็ไม่ได้สัมพันธ์กับยอดบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท  เพราะชนะประมูล” นพ.ชาญชัย กล่าว และว่า กังวลกรณีมีรายงานว่าจะตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เป็นคนสอบวินัย อยากให้ทำตามธรรมาภิบาลของกองวินัยอยู่แล้วดีกว่า 

ส่วนกรณีที่เพจชมรมแพทย์ชนบทได้โพสต์รายละเอียดการนำเงินบริจาคไปใช้จ่ายที่มีรายการเดินทางไปต่างประเทศนั้น นพ.ชาญชัย ชี้แจงว่า เป็นข้อมูลที่ตนออกมาเอง ซึ่งเงินนี้จะมีการนำไปใช้ 3 ด้านคือ 1.ด้านครุภัณฑ์ และเวชภัณฑ์การแพทย์ 2.ด้านอาคารสถานที่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย  และ3. ด้านพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะมีบุคลากรมาฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ

ที่ผ่านมามีการเอ็มโอยูกับประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู่กัน ซึ่งได้นักวาการเราได้นำเปเปอร์ไปนำเสนอที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนไม่ได้ไปด้วย ส่วนที่ไปไต้หวันเพื่อประชุมวิชาการ และรับรางวัลเกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือน HA เมืองไทย ตรงนี้ตนเดินทางไปด้วยในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน ย้ำว่าไปตามภารกิจ เพื่อรพ.ขอนแก่น ไม่ใช่ไปเที่ยว ไม่มีอะไรหมกเม็ด.
5 มิถุนายน 2563
 https://www.dailynews.co.th/politics/778393
หัวข้อ: "อนุทิน"สั่งตรวจสอบความเป็นธรรม "หมอชาญชัย"โดยเร็วที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:15:25
“อนุทิน”รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของ“หมอชาญชัย” สั่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ยึดกฎหมาย-ระเบียบราชการ ย้ำมีหลักฐานยันความบริสุทธิ์ให้นำมาแสดง ลั่นไม่มีญาติโยม ใครแกล้งใครจะซวยเอง ปลัดตั้งผู้ตรวจฯเขต 11 เป็นประธานคกก.สอบสวนวินัยร้ายแรงคนใหม่

      จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง รวมถึงแต่งตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี รักษาการผอ.รพ.ศูนย์ขอนแก่นเทนนั้น
      ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า นพ.ชาญชัยได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมาที่ตนแล้ว โดยหนังสือส่งถึงแล้ว เพียงแต่ยังไม่เจอตัวเท่านั้น ซึ่งตนได้เชิญที่ปรึกษากฎหมายทำสรุปให้ตนทันที ไม่มีการดองเรื่อง เพราะพร้อมให้ความเป็นธรรม และพิจารณาว่าตนมีอำนาจขอบข่ายอะไรในการดำเนินการเรื่องนี้ได้บ้าง ซึ่งอำนาจการตัดสินใจไม่มีเลย มีแต่อำนาจให้ความเป็นธรรม ก็คือ ไปสืบหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม การหักล้างข้อกล่าวหา การแก้ข้อกล่าวหา เปิดโอกาสเสมอ เพียงแต่ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช้ความรู้สึก ไม่ใช่ความชอบความเกลียด ดูที่หลักฐาน ยึดระเบียบกฎหมายเป็นหลัก จะมีการดำเนินการโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักนพ.ชาญชัย เป็นการส่วนตัว จึงพร้อมให้ความเป็นยุติธรรมอยู่แล้ว
         “หลังจากนพ.ชาญชัยร้องขอความเป็นธรรมมา ก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด ผมไม่ปล่อย ไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองดีที่สุด นี่คือหน้าที่บริหาร อย่างเช่น นพ.ชาญชัยถูกกล่าวหาและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็เอาหลักฐานมายัยความบริสุทธิ์ของตัวเอง และถ้าเอาหลักฐานมายันแล้วพบว่าถูกต้องทุกอย่าง คนที่กล่าวหานั่นแหล่ะซวย คนที่ไปสืบห้าข้อเท็จจริงแล้วเขียนเรื่องที่ไม่ตรงตามหลักฐานที่นพ.ชาญชัยเอามาแก้ข้อกล่าวหาก็จะซวย นี่คือหลักของความยุติธรรม ที่มาบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วจะมาสอบคนนี้ จะเกิดความไม่เป็น อย่าไปกังวล เพราะทุกคนไม่มีใครเกษียณปีนี้เลย หน้าที่ผมก็คือใครทำอะไรไม่ดี ก็ไม่ต้องขึ้นกัน”นายอนุทินกล่าว
         ต่อข้อถามนพ.ชาญชัย จะมีการฟ้องกลับนพ.สุขุม นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปชุด 1 แล้ว ต่อมาก็มีคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่ประธานคนเดิมขอถอนตัว และปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้ง นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการแทน ซึ่งสิทธิตามกฎหมายของทุกคนมีอยู่ สิทธิในการเรียกร้องความชอบธรรมก็มีอยู่
        “สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยืนยันคือ มาอยู่ตรงนี้ผมก็มีพรรคมีพวกเยอะแยะ แต่เรื่องความเป็นธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าผมอยากเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับทุกฝ่าย ก็ต้องไปเข้าข้างใครไม่ได้ ต้องอยู่บนความยุติธรรม เอากฎหมายกฎระเบียบเป็นที่ตั้ง ไม่ฟังเรื่องอื่น ไม่ฟังถึงความเหมาะสม ไม่เหมาะสม ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์ที่มีการเขียนเอาไว้ในระเบียบบริหารราชการเป็นธรรม นี่คือ ความเป็นธรรมที่ผมจะมอบให้”นายอนุทินกล่าว
        ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีองค์กรแพทย์รพ.ศูนย์ขอนแก่นระบุว่าหากรมว.ไม่ดำเนินการใดๆจะเข้าข่ายการเพิกเฉยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็สามารถพูดได้ทุกเรื่อง สมัยที่อยากจะล้วงลูกก้าวก่าย ก็บอกว่าเข้าไปยุ่งไม่ได้ ถึงตอนนี้บอกว่าไม่รู้ไม่ก้าวก่าย ซึ่งตนมาสนใจตรงนี้ สนใจที่หน้าที่ตนต้องให้ความเป็นธรรม วันนี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะรักใครเกลียดใครไม่ได้ ไม่เคยเอาความรู้สึกส่วนตัวมาพูดว่า คนนี้ดีหรือไม่ดี ยึดกฎหมายกฎระเบียบเป็นหลัก ใครก็แกล้งคุณหมอชาญชัยไม่ได้ ถ้าคุณหมอทำถูกต้อง
       ต่อข้อถามว่าจะเป็นนโยบายของรมว.เลยหรือไม่ว่าหากรพ.ใดมีหลักฐานก็สามารถยื่นเป็นบัตรสนเท่ห์ให้มีการตรวจสอบกรณีการรับบริจาคคล้ายกันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีมติครม. มีระเบียบอยู่ว่า การจัดตั้งคณะกรรรมการสอบเป็นอย่างไร จะต้องทำอย่างไร
        เมื่อถามว่าไม่รู้จักนพ.ชาญชัยเป็นการส่วนตัวแต่รู้จักนพ.เกรียงศักดิ์เป็นการส่วนตัว นายอนุทิน กล่าวว่า รู้จักนพ.เกรียงศักดิ์มา 10 ปี แต่คนอย่างตน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน หากใครคิดแบบนั้นก็แสดงว่าไม่รู้จักคนชื่อ อนุทิน มาอยู่ตำแหน่งนี้ไม่มีญาติโยมอยู่แล้ว ถ้าเล่นญาติเล่นพวกเล่นพ้องก็ไม่ต้องบริหารงานกันพอดี ซึ่งที่ผ่านมาปลัดสธ.โยกย้ายผอ.รพ.ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ไม่เคยรู้ เพราะว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยกเว้นใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ก็จะมีคนมาร้อง ทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย ใครใช้ไม่ถูกต้องก็ต้องรับผิดชอบ
5มิย2563
กรุงเทพธุรกิจ
หัวข้อ: หมอชาญชัยโต้ปลัด ฟ้องกลับ-กู้ศักดิ์ศรี
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:17:09
ผอ.รพ.แถลงโต้เดือด เรื่องถูกกล่าวหารับเงินบริจาคจากบริษัทยาไม่เป็นความจริง ยันไม่รู้จักบริษัทยาและไม่มีบริษัทยาบริจาคเข้ากองทุนโรงพยาบาล ตั้งข้อสังเกตทำไมต้องเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้ารักษาการแทน เตรียมส่งเรื่องให้ทีมนักกฎหมายดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อกู้ศักดิ์ศรี ขณะที่ปลัด สธ.แจงตั้ง รอง ผอ.รพ.ขอนแก่น รักษาการแทนไม่ได้ อ้างมีส่วนเกี่ยวข้องการรับบริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หลั่งน้ำตาส่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น ด้วยความอาลัย

ยังจบไม่ลงปมขัดแย้งวงการเสื้อกาวน์กรณี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เซ็นคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังมีผู้ส่งบัตรสนเท่ห์ร้องเรียน นพ.ชาญชัยรับเงินจากบริษัทยา 5% เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น โดยให้ นพ. เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการแทน ล่าสุด นพ.ชาญชัย แถลงโต้ระบุเรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ประกาศดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อกู้ศักดิ์ศรี
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ห้องประชุมแก่นเพชร รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น แถลงถึงเรื่องที่ถูกสั่งย้ายว่า ตั้งแต่มาทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการ ไม่เคยสั่งให้เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรท่านใดเรียกรับเงิน อีกทั้งการซื้อขายยาก็ไม่รู้จักกับบริษัทไม่รู้จักกับคนขาย การที่ รพ.ขอนแก่น หรือโรงพยาบาลต่างๆรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณน้อย การจะสร้างหรือดำเนินการในเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ สร้างอาคาร และการจ้างแพทย์ ก็ต้องมีงบประมาณ ซึ่งเงินบริจาคทั้งหมดได้นำเข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่นทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ยืนยันว่าไม่มีการรับบริจาคจากบริษัทยา
นพ.ชาญชัยกล่าวอีกว่า เรื่องที่มีการร้องเรียนในบัตรสนเท่ห์ การข่มขู่พยาน และไม่ให้ความร่วมมือในการให้ปากคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้เข้าให้ปากคำ ในวันที่ 7 ม.ค. พร้อมกับเจ้าหน้าที่รวม 5 คน ใช้เวลารวม 3 ชั่วโมง เป็นการให้ปากคำด้วยวาจาเพราะไม่รู้ตัว ได้ขอเวลาต่อคณะกรรมการสอบในการที่จะชี้แจงด้วยหลักฐานที่เป็นเอกสาร แต่ไม่ทันกำหนดเวลา 15 วัน ขอขยายเวลารวม 2 ครั้ง ถึงได้ส่งหลักฐานให้คณะกรรมการสอบ ไม่ได้มีการข่มขู่พยาน เพราะไม่รู้ว่าพยานคือใครบ้าง

ผอ.รพ.ขอนแก่นกล่าวต่ออีกว่า ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ที่จะขอเอกสารจากการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ชี้มูลว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ตนได้ทำหนังสือเพื่อขอให้เปิดเผยเอกสารดังกล่าวแต่ยังไม่ได้รับ นอกจากนี้ ตามระเบียบการแต่งตั้งรักษาการ ผอ.รพ. สามารถตั้งรองผู้อำนวยการ หรือ ผอ.รพ.ในเขตเดียวกันคือสำนักงานเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จ.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม แต่กลับมีคำสั่งให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ให้มารักษาการแทน เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมต้องเป็นบุคคลดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเอกสารปรึกษานักกฎหมาย เพื่อจะมีการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ด้าน พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น กล่าวในฐานะตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ว่า การรวมตัวกันจัดกิจกรรมต่างๆและการออกมาเคลื่อนไหวในทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ทุกๆคนมีความคิดความเห็นที่ตรงกันว่า การย้ายหรือการตรวจสอบต่างๆต้องยุติธรรมโปร่งใส และอยากให้เกิดธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข ทุกๆคนที่ออกมาร่วมกันแสดงพลังในแต่ละครั้งไม่ได้บังเบียดเวลางาน หรือละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง มาร่วมกันในช่วงพักเที่ยงและหลังเลิกงานเท่านั้น มีการส่งข้อความเชิญชวนร่วมกิจกรรม ลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ด ไปยังกลุ่มไลน์โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ

“วันนี้ขอเชิญชวนพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกท่านร่วมกันแสดงพลังสีขาว ด้วยการแต่งเครื่องแบบชุดกาวน์พร้อมกันทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข ในเวลา 17.45 น. ที่โรงพยาบาลหรือสถานที่ปฏิบัติงาน จากนั้นก็ร่วมกิจกรรม ร่วมกันร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” และกล่าวคำว่า “SAVE ธรรมาภิบาล” #คนดีต้องมีที่ยืน พร้อมกัน 3 ครั้ง ให้ดังกึกก้องทั่วประเทศ” พญ.กนกวรรณกล่าว
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการโยกย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น ออกจากพื้นที่ และการแต่งตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า มารักษาการ ว่า ได้สอบถาม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. ทราบว่าเคยมีการสลับตำแหน่งมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่สุดท้ายได้มีการกลับคำสั่ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆฝ่าย เท่าที่ทราบมีการตั้งคณะกรรมการอยู่แล้ว โดยช่วงแรกมีการตั้ง นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์ เป็นประธานตรวจสอบ
ส่วนเรื่องที่บุคลากร รพ.ขอนแก่นมองว่า การตั้งประธานสอบและรักษาการผู้อำนวยการไม่เป็นธรรม จะมีการเปลี่ยนประธานและรักษาการหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้หารือกับ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการ สธ. ที่เป็นประธานสอบสวนวินัย ซึ่ง นพ.สุเทพบอกว่า มีภารกิจมากมาย ขอถอนตัวไปแล้ว ต้องหาคนใหม่มา อยู่ที่อำนาจปลัด สธ. ส่วนคนรักษาการก็ต้องถามปลัด สธ. ขอให้มั่นใจคณะกรรมการที่ตั้ง ซึ่งรู้หน้าที่อยู่ระดับซี 10 ทั้งนั้น คงไม่ทำอะไรซี้ซั้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าอย่าให้มีการกลั่นแกล้งกันในกระทรวง ส่วนที่ทางโรงพยาบาลจะแสดงสัญลักษณ์ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบราชการ เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่ามีมูลก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการหากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนเหตุผลที่ตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ เป็นรักษาการแทน เพราะพื้นเพเป็นคน จ.ขอนแก่น เคยเป็น ผอ.รพ.ชุมแพ ที่สำคัญไม่สามารถตั้งรอง ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นรักษาการได้ เพราะ นพ.ชาญชัย พูดชัดเจนว่า รอง ผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาค จึงจำเป็นต้องตั้งคนอื่นมารักษาการแทน ส่วนจะพิจารณาตั้งรักษาการ ผอ.เป็นคนอื่นแทนหรือไม่ก็ต้องดูว่าเมื่อ นพ.เกรียงศักดิ์ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร
เย็นวันเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ รพ. ขอนแก่น จำนวนมากรวมตัวกันบนทางเดินภายใน รพ. กระทั่ง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล เดินออกจากห้องทำงานเพื่อกลับบ้าน ถือเป็นการทำงานในตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นวันสุดท้ายก่อนไปรายงานตัวที่กระทรวงสาธารณสุขตามคำสั่งใน วันที่ 5 มิ.ย. จากนั้นทั้งหมดได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า รวมถึงร้องเพลงคนดีไม่มีวันตายและเพลงความฝันอันสูงสุด ก่อนเดินไปส่งขึ้นรถที่ทางเข้า รพ.ระยะทางประมาณ 1 กม. ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ ได้โบกมืออำลาเป็นครั้งสุดท้าย หลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ซึ่ง นพ.ชาญชัยกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่มาส่งว่าขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ดูแลรักษาประชาชนให้ดีที่สุด และขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกัน หากมีโอกาสพบเจอกันก็ขอให้ทักทายกัน
สำหรับปมย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น เคยเป็นข่าวดังมาแล้วเมื่อต้น ต.ค.2561 โดยแพทย์ พยาบาล และบุคลากรฝ่ายต่างๆ กว่า 50 คน แต่งชุดดำคัดค้านคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มาเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น ผู้ชุมนุมเห็นว่า นพ.ชาญชัย มีผลงานในการบริหารจัดการแก้ปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาลจากหลายร้อยล้านบาทจนพ้นจากภาวะขาดทุน กระทั่งมีคำสั่งให้ นพ.ชาญชัยกลับมาเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น โดยให้ นพ.เกรียงศักดิ์ ไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี
5มิย2563
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
หัวข้อ: ขอนแก่น “หมอชาญชัย” โต้กลับการย้ายตนเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เสียผลประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:20:10
ขอนแก่น – “หมอชาญชัย” นำทีมองค์กรแพทย์ฯ เปิดใจไม่ได้รับความเป็นธรรม ระบุไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์บริษัทยา เตรียมต่อสู้กลับทางกฎหมาย
วันนี้ (4 มิ.ย.63) ที่ห้องแก่นเพชร อาคารสมเด็จพระเทพฯ รพ.ขอนแก่น  นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น  พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น และผู้แทนกลุ่มบุคลากรโรงพยาบาล ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรด้านสาธารณสุข ร่วม กันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกกล่าวหาข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และคำสั่งย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่นที่ไม่เป็นธรรม
หลังมีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนไปยังผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า นพ.ชาญชัย มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับเงินจำนวน 5% จากบริษัทจำหน่ายยาเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น ในช่วงเดือนเมษายน 61-ตุลาคม 61 ซึ่งถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง กระทั่งต่อมากระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคำสั่งย้ายด่วน นพ.ชาญชัย ไปปฏิบัติราชการที่กองบริหารการสาธารณสุข สำนักปลัดงานกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รพ.ขอนแก่น แทน

ผอ.รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า คำสั่งของกระทรวงสาธารณสุขแจ้งข้อกล่าวหาตนว่า “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ซึ่งถือเป็นข้อหาที่ร้ายแรง และขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ตนปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทนใดๆ จากบริษัทจำหน่ายยา การรับบริจาคต่างๆ กระทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ข้อกล่าวหานี้จึงถือว่าไม่เป็นธรรมสำหรับตน

นอกจากนี้ ตนได้ทำหนังสือขอทราบข้อกล่าวหากรณีมีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ในขณะนี้ตนได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเพื่อพิจารณาว่าควรจะดำเนินการฟ้องร้องกลับหรือไม่ อย่างไร
“ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะมีการตั้งข้อกล่าวหาผม โดยที่ผมก็ยังไม่ทราบว่า ตนเองทำผิดตรงไหน ไม่เข้าใจว่า ถูกย้ายออกจาก รพ.ขอนแก่น ด้วยสาเหตุใด แต่เชื่อว่า การที่โดนตั้งข้อหาที่รุนแรงเช่นนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ต้องการให้มีการย้ายตัวผมออกนอกพื้นที่ และอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เสียผลประโยชน์อะไรบางอย่างในระบบ” นพ.ชาญชัย กล่าว

ด้าน พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น กล่าวชี้แจงกรณีมีข้อกล่าวหาว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรแพทย์เป็นการขัดขวางกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงเพราะกิจกรรมของทางองค์กรฯ มีเพียงการยื่นหนังสือต่อ ผวจ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาและกิจกรรมการรวมตัวให้กำลังใจ ผอ.รพ.ขอนแก่น ไม่มีการประท้วงหรือขัดขวางกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด อีกทั้งกระบวนการสอบสวนยังไม่เกิดขึ้น จึงไม่เข้าใจว่าการเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น จะขัดขวางกระบวนการสอบสวนได้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเรื่องของผู้ที่จะมารักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ก็คือ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี  โดยทั่วไปกระทรวงสาธารณสุขสามารถตั้ง รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ หรือ ผอ.รพ.ในพื้นที่เขต สปสช.เดียวกันมารักษาการณ์ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติงาน จึงไม่เข้าใจว่า นพ.เกรียงศักดิ์ซึ่งมาจาก รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี จะสามารถบริหาร งานโรงพยาบาลขนาดใหญ่พร้อมๆ กันทั้งสองแห่งได้อย่างไร
ขอนแก่น บุคลากร รพ.ขก.รวมตัวให้กำลังใจ “หมอชาญชัย” หลังมีคำสั่งย้ายด่วน
ขอนแก่น ผอ.รพ.ขอนแก่น เปิดใจทำงานด้วยความโปร่งใส แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขอนแก่น ม็อบแพทย์ร้อง ผวจ.เหตุย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น อย่างไม่เป็นธรรม
การเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์ครั้งนี้ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถกระทำได้ แต่อย่างไรก็ดี บุคลากรของ รพ. มีความสำนึกในหน้าที่ตน ทุกคนก็จะกลับไปทำหน้าที่ของตน ไม่ว่า ผอ.ที่มาปฏิบัติงานจะเป็นท่านใด

4มิย2563
https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/1700486
หัวข้อ: "การเมืองพรรค-การเมืองหมอ"
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:27:06
ดู "การเมืองในพรรคการเมือง" ท้องไส้ขย้อนกันแล้ว วันนี้ เปลี่ยนบรรยากาศ
    ไปดู "การเมืองในสาธารณสุข" กันบ้าง!
    เรื่องกลไกภายในของหมอกระทรวงสาธารณสุขนี่ เป็นที่กล่าวขานมายาวนานว่า
    "ข้างนอก" เสื้อกาวน์ขาวๆ
    แต่ด้วยอำนาจที่คู่กับผลประโยชน์ (มหาศาล) อันคนภายนอกมองไม่เห็น
    ทำให้ "ข้างใน" โหด-อำมหิต ชวนสยอง
    "การเมืองหมอ" ไม่ต่าง "การเมืองกินเมือง" มันแฝงด้วยเรื่องอำนาจและผลประโยชน์บนการแย่งชิง
    เหมือนแฝด เพียงแต่คนละฝาเท่านั้น!
    วัน-สองวันนี้ ท่านคงเห็นข่าว........
    ปลัดปากแดง "นพ.สุขุม กาญจนพิมาย" แห่งกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งให้
    "นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล" ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปปฏิบัติราชการในกระทรวงสาธารณสุข
    และให้ "นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ไปรักษาการตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น
    โดยให้ไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการภายในวันที่ ๕ มิ.ย. คือศุกร์ที่จะถึงนี้
    กับคนทั่วไป คงไม่นึกอะไร ก็แค่โยกย้ายธรรมดา แต่ในวงการแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางแพทย์ คือคนในวงการหมอ รับรู้ได้ทันที
    ว่า...มันต้องมีอะไร ไม่งั้น ไม่ย้ายนอกฤดูกาลปุบปับแบบนี้หรอก!
    ผมก็เหมือนกัน เห็นข่าวทีแรกก็เฉยๆ แต่พออ่านคำสั่งย้าย เห็นข้อหา เห็นที่มา-ที่ไปของเรื่อง
    เอ๊ะ...นี่มันส่อเจตนา-ส่อพิรุธชัดๆ
    ข้อความในคำสั่งนั้น ดูจะรวบรัดแบบ "ยัดข้อหา" แต่ปลัดสุขุม กลับสั่งประหาร โดยที่การสอบสวนทวนความยังไม่จบ
    และที่สำคัญ ต้นเรื่องที่กล่าวหา.......
    มาจาก "บัตรสนเท่ห์" ใบเดียว!
    แต่ปลัดสุขุม "ประหารชีวิต" นายแพทย์ชาญชัยทันที-ทันใด แบบนี้ จะไม่ทำให้ฉุกคิดว่า เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังได้อย่างไร?
    ลองอ่านข้อความในคำสั่งปลัดสุขุมหน่อยก็ได้.......
    "ด้วยมีผู้ร้องเรียนกล่าวหา นายชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ประเภทอำนวยการระดับสูง โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น ว่า
    มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง
    ประกอบกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1161/2562 ลงวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2562 ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว
    พบว่า มีมูลที่ควรกล่าวหา และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า มีพฤติกรรมข่มขู่ จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ
    จึงเห็นควรให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เป็นอุปสรรคและเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตามกระบวนการทางกฎหมาย.....ฯลฯ....
    ผู้ร้องเรียน คือ บัตรสนเท่ห์ อันไม่มีตัวตนคนร้องว่าใคร กล่าวหา นายแพทย์ชาญชัยรับเงินทอน ๕% จากบริษัทยาช่วงเดือน มี.ค.- ต.ค.๖๑
    แค่บัตรสนเท่ห์ ไต่สวนทวนความยังไม่จบกระบวนการ แต่ปลัดสุขุมระบุเปรี้ยง "พฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง"!?
    ท่านปลัดฯ ทราบหรือไม่ว่า ข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น มันร้ายแรงขนาดไหน?
    มันหมายถึงการคอร์รัปชัน การกินบ้าน-โกงเมือง เบียดบังเอาทรัพย์สินเงินทองโดยอำนาจหน้าที่ราชการ
    ตามกฎหมาย ป.ป.ช.แก้ไขเพิ่มเติม ปี ๕๘ โทษถึงประหารชีวิตเชียวนะ!
    เรื่องแต่ปี ๖๑ ตามกระบวนการ การสอบสวนก็น่าจะดำเนินมานานเป็นปีๆ แล้ว
    แล้วเหตุอันใด เพิ่งมาอ้างว่าหมอชาญชัยมีพฤติกรรมข่มขู่พยานเอาตอนนี้ และย้ายสายฟ้าแลบ
    หรือจะย้ายเอาฤกษ์ก่อนตัวเองเกษียณในเดือนตุลา.ที่จะถึง แต่ดูเหมือน ตอนที่ท่านขึ้นมาเป็นปลัดฯ เมื่อ ต.ค.๖๑ งานแรกในตำแหน่งปลัด
    ท่านก็ประเดิมด้วยการย้ายมีเลศนัย ระหว่าง นายแพทย์ชาญชัยกับนายแพทย์เกรียงศักดิ์มาทีแล้วมิใช่หรือ?
    เดี๋ยวค่อยคุยประเด็นนี้ พูดกันตรงประเด็นย้าย ๑ มิ.ย.นี่ก่อน
    หมอชาญชัยที่ปลัด "เล่นแรง" ท่านนี้ เท่าที่ติดตามดู ท่านเป็นคนดี เป็นที่รักของแพทย์/พยาบาล/บุคลากรทางแพทย์มาก
    แม้กระทั่งคนขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง ก็รักและศรัทธาเชื่อถือในตัวท่าน
    ที่สำคัญ แต่เดิมโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง ติดลบตั้ง ๓-๔ ร้อยล้าน พูดตรงๆ ว่า ขาดทุนหนัก
    หมอชาญชัยเข้ามาเป็น ผอ.ก็ปรับปรุง-แก้ไข กลไกบริหาร จนพลิกจากติดลบมามีสภาพคล่อง คือกำไร
    คือ พฤศจิกา.๕๘ หมอชาญชัยเข้ามาเป็น ผอ.ครั้งแรก การเงิน รพ.ขอนแก่นติดลบกว่า ๒๐๐ ล้าน ต่อเนื่องยาวนาน
    ท่านเข้ามาผ่าตัด พอถึงปี ๖๐ จากติดลบ กลับมีเงินบำรุงโรงพยาบาลเป็นบวกกว่า ๒๐๐ ล้าน
    ตรงนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เป็นพยานได้ เพราะท่านเขียนยืนยันไว้ ดังนี้
    "เขาเชิญเพื่อนผม เป็นนักวิชาการด้านการเงินการบัญชีที่เก่งเรื่องการเงิน/การบัญชี ไปช่วยแก้ไขปัญหา
    สต๊อกยาในห้องยา, ในวอร์ด, ปัญหาการรั่วไหล, ปัญหาการคีย์ข้อมูลเบิกเงินจาก สปสช.
    เขาทำให้ของที่ซื้อในราคาเดิมหน่วยละ ๙ บาท เหลือหน่วยละ ๓ บาทได้ ทำให้ประหยัดเงินโรงพยาบาลไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท
    เพื่อนผมมาเล่าให้ฟังว่า......
    คนนี้เคยอยู่ในพวกแพทย์ชนบทเก่า แต่ปลีกตัวออกมา และเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมมาก ผมยิ่งมั่นใจว่า การเป็นพวกใครมาก่อนไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เขาทำให้กับส่วนรวมและประชาชน
    สิ่งที่เขาทำ เขาบริหารโรงพยาบาลศูนย์ทำให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์ดีขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมีกำลังใจทำงานรับใช้ประชาชนดีขึ้น
    เขาเคยถูกกลั่นแกล้งเพราะพวก "แพทย์อ้างชนบท" สนิทสนมกับปลัดกระทรวง
    ถูกย้ายไปอีกจังหวัด เพื่อให้พวก "แพทย์อ้างชนบท" ได้มาดำรงตำแหน่งแทนเขา ฯลฯ...."
    พวก "แก๊งชนบท" นี่แหละ มันเพาะต่อเป็นรุ่นๆ ระโยง-ระยาง ชักใย ทั้งใน-ทั้งนอก ฝังรากสาธารณสุข
    มาเฟีย ยังมีจรรยาบรรณโจร แต่แก๊งอ้างชนบท เป็นโจร ไร้จรรยาบรรณ บางตัวการ แก่จะตาย ยังหน้าไหว้-หลังหลอก!
    เรื่องเงินทอนบริษัทยา ๕% นั้น
    คือโรงพยาบาล เป็นผู้ใช้ยา บริษัทยา เป็นผู้ขายยา
    โรงพยาบาลกับบริษัทยา จึงเป็นคู่ค้ากัน
    ตามหลักการค้า บริษัทยา "ผู้ขาย" เขาก็ให้เปอร์เซ็นต์ "ผู้ซื้อ" คือโรงพยาบาล
    ตรงนี้ กับที่โรงพยาบาลขอนแก่น ๕% ซึ่งไม่มีผลบวก-ลบในทางทำให้ยาแพงขึ้นหรือถูกลง
    บริษัทยาก็ส่ง ๕% นั้น เข้าบัญชี "กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น" เป็นเงินบำรุงโรงพยาบาล
    ทำให้ต้องคิด........
    ก่อนๆ ๕% มันไปไหน ปล่อยให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องต่อเนื่อง ๒-๓ ร้อยล้าน
    พอหมอชาญชัยมาบริหาร นอกจากลบหนี้หมดแล้ว ยังมีกำไรเป็นร้อยๆ ล้าน?   
    แต่การล้างหนี้-สร้างกำไรให้โรงพยาบาล กลายเป็นโทษ ด้วยข้อหา "รับเงินทอน ๕%"?!
    แม้สาธารณสุขมีคำสั่งห้ามโรงพยาบาลรับเปอร์เซ็นต์ค่าจัดซื้อยา คำถามที่ตามมาก็คือ
    ในเมื่อระบบการค้าเขาจ่ายเปอร์เซ็นต์ หมอชาญชัยไม่รับ บริษัทยาส่งเข้ากองทุนพัฒนาโรงพยาบาลตามระบบเขา
    แล้วสาธารณสุขย้อนไปสอบมั้ยว่า......
    ก่อนหน้านี้ คือก่อนยุคหมอชาญชัย ๕% นั้น ไม่ได้เข้ากองทุน แล้วใครรับไป?
    ต้องสอบย้อนทุกโรงพยาบาลทั้งประเทศด้วย ไม่เฉพาะที่ขอนแก่น ถ้าสอบเฉพาะขอนแก่น อาศัยเป็นเหตุย้ายหมอชาญชัย เพื่อให้พวกอ้างชนบทมาแทน
    ระวังนะ เกษียณแล้ว ก็เจอ ๑๕๗ ปฏิบัติ-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้!
    โรงพยาบาลขอนแก่นมีขุมทรัพย์ที่พวกอ้างชนบทพบลายแทงหรืออย่างไร ตอนปี ๖๑ ปลัดสุขุมก็ย้ายหมอชาญชัยไปอยู่จันทบุรี ให้หมอเกรียงศักดิ์มาเป็นแทน เป็นเรื่องมาครั้งหนึ่งแล้ว
    ก็ได้ "ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร" รมว.สาธารณสุข สมัยรัฐบาลประยุทธ์ ๑ มอบความถูกต้อง โดยย้ายหมอชาญชัยกลับที่เดิมให้
    มาปี ๖๓ ส่งท้าย ปลัดสุขุม เอาอีก.....
    อาศัยบัตรสนเท่ห์ ตั้งข้อหาฉกรรจ์ ย้ายหมอชาญชัยเข้ากรุ เอาหมอเกรียงศักดิ์ไปเป็นแทนอีก (จนได้)!
    มีอำนาจ ก็ทำไป.......
    ก็ขอเตือน ตั้งข้อหากันเอง เอาพวกกันเองสอบ ลุยสำนวนสอบให้ตรงข้อหาที่ตั้ง มาเฟียแก๊งชนบทไม่ติดคุก
    แต่ปลัดฯ มาดี ไม่แน่ว่า จะไปดี!.
4 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เปลวสีเงิน  ไทยโพสต์
หัวข้อ: “ชาญชัย-สุขุม-เกรียงศักดิ์ ถวิล-ยิ่งลักษณ์-เพรียวพันธ์” ใครจะต้องคดี ใครจะไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:31:29
คืนนี้ผมอ่านบทความชื่อการเมืองพรรค-การเมืองหมอ https://www.plewseengern.com/plewseengern-com-11/ ซึ่งเขียนโดยลุงเปลว สีเงิน สื่อมวลชนอาวุโสซึ่งผมติดตามอ่านงานเขียนมายาวนานด้วยความชื่นชม

ลุงเปลวได้เตือนสตินายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขท่านนี้แม้มาดี ก็อาจจะไปไม่ดีก็ได้ ด้วยเหตุที่การย้ายข้าราชการตงฉินน้ำดีที่ชื่อนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เข้ากรุไปตบยุงในกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้หลักฐานบัตรสนเท่ห์เพียง 1 ใบลงนามว่าข้าราชการเกษียณโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งกล่าวหาว่านายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุลนั้นทุจริตประพฤติมิชอบทั้งยังข่มขู่พยาน

ลุงเปลวยังได้ให้สติปลัดสุขุมว่า การที่หมอชาญชัยนั้นพลิกฟื้นโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นจากที่ขาดทุนสามร้อยกว่าล้านบาท จน “พี่ตูน” อาทิวราห์ คงมาลัยก็ต้องมาวิ่งช่วยแล้ว มาทำให้โรงพยาบาลมีเงิน + 200 ล้านบาท ทั้งยังมีผู้บริจาคด้วยความศรัทธาอีกมากมาย และแก้ไขปัญหาสารพัด จนโรงพยาบาลมีฐานะทางการเงินดีให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้น ทำให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ นั้นเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ ทั้งหมอชาญชัยยังไม่รับใต้โต๊ะเงินจากบริษัทยา แต่เอาเงินใต้โต๊ะนั้นขึ้นมาเข้าบัญชีโรงพยาบาลอย่างถูกต้องและใช้อย่างถูกต้องตามระเบียบการเงินและเปิดเผย โดยไม่เอาเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว อันเป็นการกระทำที่ควรยกย่อง และทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีโรงพยาบาลอีกมากมายในกระทรวงสาสุขที่ ผอ. โรงพยาบาลรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัทยาและไม่ได้ทำให้ถูกต้อง ทำไมไม่ถูกสอบสวนและดำเนินคดี และก่อนหน้านั้นทำอะไรกันอยู่จึงทำให้โรงพยาบาลขาดทุนมากมายขนาดนี้

การกระทำของปลัดสุขุมนั้นน่าจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ประพฤติมิชอบเช่นเดียวกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และอนาคตปลัดสุขุมอาจจะจบลงไม่สวยก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายนายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เข้ามาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นโดยมีความพยายามถึง 2 ครั้งนั้นเป็นเหตุอันต้องสงสัยแก่สาธารณชนเป็นอันมาก

เมื่ออ่านบทความของลุงเปลวสีเงินจบลงทำให้ผมฉุกคิดถึงคดีเก่าแก่คดีนึงที่ถึงกับทำให้รัฐนาวาปูยิ่งลักษณ์ ชินวัตรถึงกาลดับสลาย

ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงคดีที่นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ถูกโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม ตามคำสั่งของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อันเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ และนายถวิล เปลี่ยนศรีฟ้องร้องศาลปกครองและร้องคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม หรือ กพค. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จนกระทั่งศาลปกครองมีคำสั่งและตัดสินว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำผิดจริง อันส่งผลให้รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์พ้นสภาพไปในท้ายที่สุดล่มสลายในที่สุด

การใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่จนเกินขอบเขตอันสมควรของข้าราชการการเมืองในการโยกย้ายข้าราชการประจำอย่างไม่ยุติธรรมและปราศจากคุณธรรมนั้นเคยส่งผลเสียหายร้ายแรงของรัฐบาลจึงทำให้กับรัฐบาลล่มสลายลงไปแล้ว น่าจะเป็นประวัติศาสตร์และเป็นอุทาหรณ์ และน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับคนที่มีอำนาจและใช้อำนาจอย่างปลัดสุขุมเช่นกัน

มูลเหตุตอนนั้น เป็นที่เข้าใจกันได้ในสังคมว่า ต้องการเขี่ย นายถวิล เปลี่ยนศรี ให้พ้นจากตำแหน่ง เปิดทางว่างเพื่อให้โยกย้ายพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเปิดทางอีกทอดให้พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์น้องชายของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สังคมทั่วไปก็รับทราบกันดีว่าเป็นการโยกย้ายที่ไม่น่าจะเป็นธรรมในระบอบทักษิณ ที่ท้ายที่สุดแล้วเป็นการเล่นพวกพ้องเอาญาติพี่น้องตัวเองขึ้นมาดำรงตำแหน่งหรือไม่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

ผลจากคดีในครั้งนั้นรุนแรงมาก หากหมอชาญชัยจะฟ้องร้องศาลปกครองในคดีนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วหนักกว่าที่นายถวิล เปลี่ยนศรี ได้เคยผจญมาเสียด้วยซ้ำ

ผมฟังรายการคมชัดลึกซึ่งคุณวรเทพ สุวัจนพิมพ์หรือต้น พิธีกรรายการคมชัดลึก ทางช่อง Nation TV สัมภาษณ์คุณหมอชาญชัยที่ เพิ่งถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม

ผมจับใจความได้ว่าคุณหมอชาญชัย บอกว่าตามวิสัยของข้าราชการนั้นจะโยกย้ายให้ไปทำงานที่ไหนก็ได้ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และทำตามหน้าที่ ไม่รังเกียจอะไรเลย และยินดีจะทำ แต่การที่ถูกตั้งสอบวินัยร้ายแรงว่าฉ้อราษฎร์บังหลวงในหน้าที่ ข่มขู่พยานนั้น เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปและไม่สามารถจะยอมรับได้ ในสายตาผมแล้ว ผมคิดว่านี่คือการกลั่นแกล้งและต้องการย้ายหมอเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลกิจประธานชมรมแพทย์ชนบทเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายแพทย์ชาญชัย มาเพื่อบริหารเงินสองร้อยล้านบาทของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นหรือไม่? ด้วยความรักชาติจนน้ำลายไหลหรือไม่? ประชาคมชาวขอนแก่นและอีสานเหนือ 11 จังหวัดก็มีสิทธิ์เคลือบแคลงสงสัยได้เช่นกัน

สมัยที่คุณถวิล เปลี่ยนศรี ถูกโยกย้ายนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็สั่งย้ายเฉย ๆ โดยไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ ให้กับคุณถวิล เปลี่ยนศรี ทั้งนั้น ไม่ได้ยัดเยียดข้อกล่าวหาใด ๆ แต่เป็นการโยกย้ายโดยขัดกับรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรถูกตัดสินดำเนินคดีและทำให้รัฐบาลล่มสลายในที่สุด

แต่ในกรณีของหมอชาญชัยนี้ หนักยิ่งกว่าคุณถวิล เปลี่ยนศรี เพราะเป็นการโยกย้ายโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่สอบสวนผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศที่รับเงินหรือมีหลักฐานการรับเงินจากบริษัทยาให้เท่าเทียมกัน หรือที่ทำอย่างถูกต้องแบบหมอชาญชัย ทำเงินใต้โต๊ะให้ถูกต้องสะอาด ไม่เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง แบบนี้ กลับกลายเป็น ทำดี แล้วกลายเป็นคนชั่ว ต่อไปนี้บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร

นี่มีบัตรสนเท่ห์เพียงใบเดียวโดยผู้ร้องไม่ได้ลงชื่ออะไร ก็ยังดำเนินการถึงเพียงนี้ และย้ายคู่กรณีเข้ามาแทนกันเป็นพรรคพวกเดียวกันหรือไม่ แล้วที่ตั้งกรรมการสอบชื่อหมอสุเทพหรือเหมือนหมอยงยศก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกแพทย์ชนบททั้งนั้นหรือไม่ การตั้งกรรมการกันเอง สอบกันเอง ได้ฟันธงไว้ก่อนหรือไม่ จะมีความเป็นธรรมหรือไม่ การตั้งข้อหาร้ายแรงเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่ ในความเป็นจริง นายแพทย์ชาญชัยได้พลิกฟื้นโรงพยาบาลขอนแก่นที่ขาดทุนย่อยยับให้กลับมามีเงินถึง 200 กว่าล้านบาทเป็นผลงานอันดีเด่นและเป็นที่รักยิ่งของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขตลอดจนประชาคมชาวขอนแก่น เป็นสิ่งที่สังคมกังขาอย่างยิ่ง

ถ้ามีบัตรสนเท่ห์กล่าวหานายแพทย์เกรียงศักดิ์นับร้อยใบ ซึ่งผมทราบว่ามีอยู่ ได้ทำอะไรสอบสวนเท่าเทียมกันเสมอภาคหรือไม่ หรือเลือกปฏิบัติ การทำบัตรสนเท่ห์ไม่ได้ยากอะไร เอ๊ะหรือคนที่ได้รับผลประโยชน์จากบัตรสนเท่ห์จะเป็นคนทำเสียเอง ก็เป็นสิ่งที่สังคมพึงสงสัยได้เช่นกัน

ตกลงการที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่ง โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเพื่อให้ พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เข้ามาแทนที่เพื่อเปิดทางให้พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ น้องชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ขึ้นเป็นผบ. ตร. นั้นจริงหรือไม่ เป็นการยุติธรรมหรือไม่ เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ เป็นสิ่งที่ไร้คุณธรรมหรือไม่

พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ก็กลับได้ดีมีตำแหน่งเป็นกรรมการของการบินไทย ซึ่งกำลังขาดทุนย่อยยับอย่างนี้ ถ้าหากนายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลกิจ มาบริหารโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นจะทำให้เงิน 200 ล้านที่มีอยู่หายไปหมดสิ้นหรือไม่ แล้วจะทำให้โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น กลับไปติดลบอีกหรือไม่ ประชาชนชาวขอนแก่นและอีสานเหนือ 11 จังหวัด และโรงพยาบาลอื่น ๆ ในอีสานเหนือ ที่ต้องส่งต่อคนไข้มารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นจะต้องลำบากหรือไม่ นี่ก็เป็นสิ่งที่คนขอนแก่นและชาวอีสานเหนือ มีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ แม้กระทั่งพี่ตูน คนวิ่งหาเงินมาให้โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามได้เช่นเดียวกัน

สิ่งที่หมอชาญชัยถูกกระทำนั้นรุนแรงกว่าสิ่งที่นายถวิล เปลี่ยนศรี ถูกกระทำไปมาก หมอชาญชัยเองก็ไม่ได้อิดออด หากจะถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งอะไรที่ไหนก็ตาม หากไม่ได้ถูกกล่าวหาเช่นนี้

การที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ข่าวกับนักข่าวว่าจะไม่ล้วงลูกการกระทำของปลัดสุขุม แต่ในฐานะรัฐมนตรีจะปฏิเสธความรับผิดชอบในการกระทำของปลัดสุขุมได้หรือไม่ หากนายอนุทินอยากได้คะแนนเสียงจากข้าราชการและพนักงานในกระทรวงสาธารณสุข ทั้งอยากได้เสียงของประชาชนในขอนแก่นและอีสานเหนือ เพื่อเป็นฐานเสียงสำหรับการเลือกตั้งในอนาคตควรทำอย่างไร หมอหนูน่าจะตอบคำถามนี้ด้วยตนเอง และทำเช่นเดียวกับที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ปิยสกล สกลสัตยาธร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เคยทำมาเมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ และในฐานะผู้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงสาธารณสุขควรจะจัดการกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยหรือไม่ หมอหนูก็ต้องไปคิดดูเอาเอง ว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง รักษาธรรมาภิบาลให้กับกระทรวงสาธารณสุข แล้วตัวหมอหนูหรือคุณอนุทินเอง จะได้อะไรจากสังคมและจากผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งกระทรวงสาธารณสุข

และถึงแม้ว่าหมอหนูจะจัดการอะไรไปตามสมควรแล้วก็ตาม ผมก็ยังขอสนับสนุนให้หมอชาญชัยฟ้องนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 อาญา "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ” และน่าจะผิดมาตรา 137 อาญา “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” อีกหนึ่งกระทงต่อศาลปกครองเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการบริหารงานบุคคลและคุณธรรมและธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข กรณีนี้น่าจะเทียบเคียงได้กับคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี ฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นเดียวกัน

ที่ผมสนับสนุนให้หมอชาญชัยฟ้องปลัดสุขุมนั้น ไม่ใช่เพื่อตัวหมอชาญชัยเอง แต่เพื่อประเทศชาติและประชาชน และเพื่อปกป้องคนทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการที่ดี ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งรังแกโดยปราศจากความเป็นธรรม ขอความกรุณาหมอชาญชัย ทำเพื่อประเทศไทย และทำเพื่อประชาชนด้วยอีกครั้ง ผมชื่นชมในสิ่งที่หมอชาญชัยทำเพื่อประเทศและประชาชนมาตลอดชีวิตการทำงานในระบบราชการอันลุ่มๆ ดอนๆ และเจอคนเลวมากกว่าคนดี แต่อยากกระตุ้นเตือนใจให้หมอชาญชัยได้รู้ว่า หากไม่ลุกขึ้นสู้ คนดีๆ ในกระทรวงสาธารณสุขและข้าราชการที่ดีอีกเป็นจำนวนมาก จะประสบชะตากรรมอันเลวร้ายไม่แตกต่างจากที่หมอชาญชัยกำลังประสบอยู่

ผอ. ชาญชัยเองก็เคยถูกย้ายไปเป็นผอ. โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี

ถ้าย้อนไปในประวัติศาสตร์หลายคนก็คงจะทราบกันดีว่า พระเจ้าตากสินซึ่งเป็นขุนนางดี ก็ไม่สามารถอยู่ในกรุงศรีอยุธยาได้ เมื่อคราวกรุงศรีอยุธยาจะถึงกาลแตกพ่าย เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาเขียนเอาไว้ว่า

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย    น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ผู้ดีเดินตรอก    ขี้ครอกเดินถนน

ข้าราชการที่ดีในกรุงศรีอยุธยาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้และถูกใส่ร้ายป้ายสีต่าง ๆ สารพัดนานา ถูกโยกย้ายออกไปอยู่หัวเมืองทั้งหมด ที่จะยิงปืนต่อสู้กับพม่าข้าศึกก็ไม่อาจจะยิงได้ สุดท้ายกรุงศรีอยุธยาก็แตก

ผอ.ชาญชัยควรไปกราบสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช อย่างน้อยไปกราบสักการะที่วงเวียนใหญ่ก็ได้ ไหนก็ถูกย้ายมาตบยุงที่กรุงเทพแล้ว ไม่ต้องไปถึงจันทบุรีที่ตัวเองเคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้าหรอกครับ แต่ถ้าไปถึงจันทบุรีในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ นอกเวลาราชการได้ก็เป็นการดี

กราบดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินมหาราชซึ่งเคยกู้ชาติไทย พระองค์ท่านเองก็เคยทรงถูกใส่ร้ายป้ายสีและทรงเป็นขุนนางน้ำดีที่ไม่อาจอยู่ในกรุงศรีอยุธยาได้ จึงต้องตีฝ่าทัพออกมาจันทบุรี เพื่อมากอบกู้แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาในภายหลัง กราบขออาราธนาให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์คุ้มครองบ้านเมืองและคุ้มครองขุนนางข้าราชการดีให้ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องตรงไปตรงมาและสุจริตเพื่อชาติและบ้านเมืองซึ่งพระองค์ได้ทรงกอบกู้มาด้วยพระองค์เองด้วยความเสียสละอย่างยิ่ง

ขอฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โปรดจงตระหนักว่า เหตุการณ์นี้รวมถึงเหตุการณ์ที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐพากันลาออกขย่มรัฐบาลขณะนี้ ก็เป็นเรื่องแบบเดียวกับเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา จะข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการประจำหากเป็นคนเลวแล้วขึ้นมาขย่มใส่ร้ายป้ายสีข้าราชการที่ดีที่ทำหน้าที่อย่างถูกต้องซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนย่อมมิอาจรับได้

ถึงแม้ว่าในกรณีนี้จะเป็นกรณีเล็ก ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าประชาคมขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างก็ไม่สามารถรับได้จากการกระทำซึ่งคนดีที่ทำหน้าที่อย่างสุจริตเพื่อประชาชนและเสียสละถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม

รัฐบาลใดก็ตามย่อมล่มสลายอย่างแน่นอน หากปล่อยให้ กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน

ถวิล เปลี่ยนศรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และจุดจบที่ไม่สวยเลยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะเกิดขึ้นซ้ำก็ได้ หากประชาชนรู้สึกว่าแผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรม

นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล อาจจะทำให้นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ต้องถูกฟ้องดำเนินคดีเช่นเดียวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอาจจะต้องติดคุกตอนแก่หรือไม่มีแผ่นดินอยู่ตอนแก่ก็ได้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเมื่อทำกรรมใดไว้ก็ต้องรับกรรมอันนั้น ขอแสดงความห่วงใยด้วยความปรารถนาดีเป็นการส่วนตัวเป็นอย่างยิ่ง

โดยส่วนตัวผมได้แต่สวดมนต์ภาวนา “ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” ดังพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งต่อประชาชนและแผ่นดินไทย

4 มิ.ย. 2563    โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
หัวข้อ: “หมอชาญชัย” เปิดไทม์ไลน์รายละเอียดระเบียบเงินบริจาค รพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:40:13
เปิดใจ “หมอชาญชัย” กรณีระเบียบรับเงินบริจาค ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่พ.ย. 61 เข้าเงินบำรุงทั้งหมด ไม่เคยเรียกรับเงินบริจาค ขณะที่รพ.ขอนแก่นซื้อยาถูกที่สุดในประเทศถึง 30%
หลังจากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการ จากกรณี นพ.ชาญชัย ถูกตั้งกรรมการทั้งสืบข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หลังมีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบในเรื่องรับเงินบริจาคบริษัทยา โดยนพ.ชาญชัย ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีหลักฐานและพร้อมฟ้องกลับผู้กล่าวหาตนนั้น
เมื่อเวลา 14.00  น. วันที่ 5 มิ.ย. นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ซึ่งถูกย้ายมาที่กองบริหารการสาธารณสุข ได้เดินทางมารายงานตัวที่กองบริหารการสาธารณสุข โดยมีผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักมารอทำข่าวจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนพ.ชาญชัย ถึงกรณีทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุข(สธ.) ว่า จะเข้าพบนายอนุทินด้วยหรือไม่ เนื่องจากท่านรับทราบแล้ว นพ.ชาญชัย กล่าวว่า หากท่านอนุทิน ให้โอกาส ก็จะนำหลักฐานทั้งระบบการเงินการบัญชี ข้อมูลทั้งหมดเพื่อเข้าหารือกับท่าน และเตรียมเดินทางเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) เพื่อขอความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่าเป็นหลักฐานอะไร
- นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เป็นหลักฐานทางการเงิน และรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งเป็นหลักฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่เท่าที่ทราบคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้ไปไม่ครบ
เมื่อถามว่าทางคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ รวมถึงผู้บริหารสธ. รวมทั้งท่านปลัด สธ.ได้ออกแถลงข่าวว่า การบริจาคดังกล่าวผิดระเบียบเนื่องจากเป็นเงินกองทุน
- นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กองทุนที่รพ.ขอนแก่น จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนา 3 ด้าน คือ 1.พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการบริการผู้ป่วย 2. เพื่อครุภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และ3.พัฒนาบุคลากร โดยรพ.ขอนแก่น จะมีนักเรียนแพทย์ และมีผู้เชี่ยวชาญมาฝึกเป็นหมอเฉพาะทางระดับสาขา ไม่ว่าจะเป็นอายุรกรรม สูติกรรม ศัลยกรรมฯ มี 9 สาขา และได้ลงนามกับทางญี่ปุ่นนการถ่ายทอดวิชาการซึ่งกันและกัน
“กรณีที่บอกว่ามีการเดินทางไปต่างประเทศนั้น สืบเนื่องจากการพัฒนาบุคลากรที่เป็นความร่วมมือกับทางญี่ปุ่น ซึ่งปีแรกได้จัดประชุมวิชาการที่รพ.ขอนแก่น และปีที่ 2 ได้เชิญไปญี่ปุ่น โดยมีทีมวิชาการไปนำเสนอ แต่ตนไม่ได้ไปด้วย มีนักวิชาการไปนำเสนอ ส่วนอีกอันไปที่ไต้หวัน โดยไปรับรางวัล ซึ่งรพ.ขอนแก่นได้รับรางวัลระดับโลกเกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลศูนย์แห่งเดียวที่ได้รับการรับรองระดับเอเชียแปซิฟิก คือ จะวิจัยในมนุษย์ต้องผ่านจริยธรรมในมนุษย์ก่อน โดยจะมีต่างชาติมาร่วมพิจารณาด้วย คล้ายการรับรองของสถาบันรับรองสถานพยาบาล หรือ HA โดยไปไต้หวันก็ไปประมาณ 6-7 คน ซึ่งกรณีนี้ตนไปด้วย ไม่ได้ไปเที่ยว” นพ.ชาญชัย กล่าว และว่า ระบบบัญชีทั้งหมดตรวจสอบได้ ไม่มีอะไรหมกเม็ด ผมโปร่งใส ตรวจสอบได้
เมื่อถามว่าเงินบริจาคไม่สามารถรับเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น
- นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคนั้นแล้วแต่ผู้บริจาคว่าจะเข้ากองทุนไหน โดยระเบียบระบุว่าใครบริจาคก็เข้ากองทุนบริจาคของโรงพยาบาล ตั้งระเบียบประมาณเดือน มิ.ย.2561 แต่กองทุนพัฒนารพ. เปิดมาตั้งแต่ปี 2560 และมติ ครม. ซึ่งเสนอโดยป.ป.ช. ออกมาเดือนมี.ค.2561 แต่ระเบียบเงินบริจาคออกช่วงเดือน มิ.ย.2561 สืบเนื่องจากเงินกิจกรรมก้าวคนละก้าว ของคุณตูน บอดี้สแลม ตอนนั้นนพ.เจษฎา โชคดำรงสุข เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ ขณะนั้น ได้หารือกรมบัญชีกลาง และ ปลดล็อกระเบียบเงินบริจาคให้สามารถบริจาคได้ โดยตั้งขึ้นมา มีคณะกรรมการตรวจสอบอย่างชัดเจน
“ ช่วงเงินจากกิจกรรมก้าวคนละก้าว เดิมเราเปิดบัญชีผิด ใช้ชื่อว่า ก้าวคนละก้าว เราต้องเปลี่ยน เป็นเงินบริจาคของโรงพยาบาลขอนแก่น และเมื่อเดือน พ.ย. 2561 เราปิดกองทุนทุกกองทุนให้ไปอยู่ในร่มของกองทุนบริจาคโรงพยาบาลขอนแก่นทั้งหมด ผมมีเจตนาทำตามระเบียบโดยเคร่งครัดอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าได้คลางแคลงใจ จะเห็นได้ว่าระเบียบเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยการบริจาคจะมี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินสวัสดิการตามระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2. เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ลดหย่อนได้ 2 เท่า และ 3.เงินมูลนิธิรพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า ” นพ.ชาญชัย กล่าว

นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล
เมื่อถามว่าคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ รวมไปถึงการแถลงข่าวของปลัด สธ.ระบุว่า มีการเชื่อมโยงการบริจาคเงินของบริษัทกับการซื้อยา
- นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ การเรียกรับต้องมีเงื่อนไข เช่น เราไม่ซื้อยาเขา ถ้าเขาไม่จ่าย แบบนี้ถึงตั้งเงื่อนไข ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้าง กับการบริจาคไม่ได้เชื่อมโยงกัน ส่วนที่บอกว่าเชื่อมโยงกันตนไม่ทราบว่า เชื่อมโยงอย่างไร แต่ยืนยันว่า การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน เราไม่มี เราจะซื้อยาหรือไม่ซื้อ ขึ้นอยู่กับการประมูล เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ เป็นไปตามระเบียบการเงินการคลังทุกอย่าง
“ตั้งแต่เดือน พ.ย.2561 ผมทำตามระเบียบทุกอย่าง เงินกองทุนต่างๆก็รวมอยู่ในเงินรพ.ขอนแก่น ซึ่งเข้าเงินบำรุง ผมกล้าท้าเลยว่า รพ.ขอนแก่นอยู่ในระบบดีที่สุดในประเทศไทยกรณีเงินบริจาค ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ การบอกว่าผลประโยชน์ตอบแทนนั้น อยากบอกว่า รพ.ขอนแก่นเราซื้อยาถูกที่สุดในประเทศถึง 30% เช่น ซื้อยา 100 ตัว เราซื้อถูก 30 ตัว ซึ่งเรามีราคากลาง เรามีข้อมูลหมด เท่าที่ผมปฏิบัติราชการที่นี่ ราคายาถูกลงเรื่อยๆ เพราะเราเปิดโอกาสมีการแข่งขันยาอย่างเป็นธรรม แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนจะไม่มี ก็มี เพียงแต่เดิมแพทย์อยากซื้อยาต้นแบบ แต่ก็ต้องมีการสื่อสารว่า มียาตัวอื่นที่คุณสมบัติใกล้เคียง แต่ราคาถูก ซึ่งเป็นยาสามัญโดยคนไทยผลิต” นพ.ชาญชัย กล่าว และว่า ตนไม่เคยเอาเงินเข้าส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยข่มขู่ใคร กองทุนที่มีในรพ.ก็เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ และผู้ที่ตั้งระเบียบก็ไม่ใช่ตน แต่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขที่ล้อตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่ามีการซื้อยาถูกที่สุดในประเทศไทยถึง 30 % แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งเงื่อนไขหรือสัมพันธ์กับเงินบริจาคใช่หรือไม่
-นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เราซื้อถูกที่สุดในประเทศ  ดังนั้น จึงไม่ได้สัมพันธ์กับเงินบริจาค  เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท 

Fri, 2020-06-05 16:10 -- hfocus team
หัวข้อ: “อนุทิน” ไม่เห็นคำสั่งต้อนรับ “หมอเกรียงศักดิ์” รับตำแหน่งรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:43:39
“อนุทิน ชาญวีรกูล” ลั่นมีความยุติธรรม รู้จักคนเยอะ  "หมอเกรียงศักดิ์" ก็รู้จักมา 10 ปี  แต่ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาก่อน ยึดกฎหมายความถูกต้องเป็นหลัก หากหมอชาญชัยบริสุทธิ์ คนกล่าวหาซวยแน่!
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีมีหนังสือราชการออกคำสั่งให้ไปรับนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ที่ให้ย้ายมารักษาการแทน นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่รับทราบว่ามีเหตุการณ์อย่างไรที่ รพ.ขอนแก่น จริงๆเรื่องใครจะมาใครจะไปวันนี้นั้น เรื่องของความเป็นธรรม ความรู้สึกอยากให้แยกออกมาก่อน แต่เรื่องการบริการประชาชนเป็นเรื่องหยุดไม่ได้ ส่วนเรื่องการต้อนรับก็เป็นไปตามประเพณี ก็ต้องดูว่ามันเอิกเกริกเกินไปหรือไม่ ซึ่งบังคับไม่ได้

นายอนุทิน กล่าวว่า มีคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว และตอนหลังก็มีคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่ล่าสุดประธานฯก็ถอนตัว ก็ได้ตั้งผู้ตรวจฯอีกท่านหนึ่ง ที่ปลัดสธ.จะตั้ง คือ นพ.พิทักษ์พล บุญยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 11 เป็นประธานแทน รอกระบวนการ สิทธิตามกฎหมายของทุกคนมีอยู่ สิทธิในการเรียกร้องความชอบธรรมมีอยู่
“สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยืนยันคือ มาอยู่ตรงนี้ผมก็มีพรรคมีพวกเยอะแยะ แต่เรื่องความเป็นธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากผมอยากเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกฝ่ายก็ต้องเทคไซส์ใครไม่ได้ ต้องอยู่บนความยุติธรรม เอากฎหมายกฎระเบียบเป็นที่ตั้ง ไม่ฟังเรื่องความเหมาะสม ไม่เหมาะสม ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์ที่มีการเขียนเอาไว้ นี่คือ ความเป็นธรรมที่ผมจะมอบให้ จริงๆ ผมสนใจหน้าที่ว่าต้องให้ความเป็นธรรม ผมรักใครเกลียดใครไม่ได้ ผมมีพรรคพวกเยอะแยะ คนที่ดุด่าว่ากล่าวก็มี แต่ผมไม่เคยเอาความรู้สึกส่วนตัวมาพูดว่า คนนี้ดีหรือไม่ดี ผมยึดกฎหมายกฎระเบียบเป็นหลัก ใครก็แกล้งคุณหมอชาญชัยไม่ได้ หากคุณหมอทำถูกต้อง” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ล่าสุดนพ.ชาญชัยก็ร้องขอความเป็นธรรมมาที่ตน โดยหนังสือส่งมาที่ห้องทำงานตนแล้ว เพียงแต่ตนยังไม่เจอตัวเท่านั้น  ซึ่งหากขอพบก็จะให้พบ ขณะนี้เชิญฝ่ายกฎหมายมาปรึกษาว่า ตนมีอำนาจขอบข่ายอะไรในการดำเนินการเรื่องนี้ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การหักล้างขอกล่าวหาตนเปิดโอกาสเสมอ เพียงแต่ต้องมีหลักฐาน เพราะต้องยึดระเบียบกฎหมายเป็นหลัก ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักนพ.ชาญชัย เป็นการส่วนตัว จึงพร้อมให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ารู้จักนพ.เกรียงศักดิ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รู้จักมา 10 ปีอยู่แล้ว แต่คนอย่างตน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน หากใครคิดแบบนั้นก็แสดงว่าไม่รู้จักคนชื่อ อนุทิน ตนรู้จักรองปลัด ปลัดหมด แต่ตนไม่อาจไปก้าวก่ายล้วงลูกได้ ยกเว้นทำไม่ถูกต้อง สำหรับกรณีนพ.ชาญชัย หากบริสุทธิ์ มีหลักฐานมาหักล้างได้ คนที่กล่าวหาท่าน คนเหล่านี้จะซวย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าตนมีความยุติธรรม

Fri, 2020-06-05 12:34 -- hfocus team
หัวข้อ: ปลัดสธ.ยันสอบสวนวินัยฯ ผอ.รพ.ขอนแก่น ไม่ใช่ที่แรกมีรพ.อื่นอีก อยู่ระหว่างสอบ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 05 มิถุนายน 2020, 22:46:01
“นพ.สุขุม กาญจนพิมาย” ยืนยันสอบวินัยร้ายแรง “หมอชาญชัย” ปมรับเงินบริจาคยาทำตามระเบียบ หากไม่ทำ อาจผิดฐานเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ย้ำกรณีรพ.ขอนแก่นไม่ใช่แห่งแรก มีอีก 12 แห่งเข้าข่ายผิดระเบียบราชการ ฟันไล่ออกผิดจริงแล้ว 6 คน
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่จบภายหลัง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการ จากกรณี นพ.ชาญชัย ถูกตั้งกรรมการทั้งสืบข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หลังมีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบในเรื่องรับเงินบริจาคบริษัทยา กระทั่งเกิดการเคลื่อนไหว SAVEหมอชาญชัย อย่างต่อเนื่อง ทั้งสังคมออนไลน์ และการแสดงพลังถือป้าย จนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกำชับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ให้เกิดจากความกลั่นแกล้ง ต้องให้เกิดความเป็นธรรมนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัด สธ. นายสุจินต์ สิริอภัย นิติกรชำนาญการกลุ่มงานเสริมงานวินัยและระบบคุณธรรม ในฐานะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และน.ส.สุชาฎา วรินทร์เวช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ร่วมแถลงข่าวความชัดเจนประเด็นการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น
นพ.สุขุม กล่าวว่า กรณีการสอบสวนวินัยร้ายแรงฯ นั้นยังไม่ได้ระบุว่าผิดวินัยร้ายแรง แต่จากการสืบข้อเท็จจริงคือ มีมูล จึงนำไปสู่การสอบสวนวินัยฯ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม กรณีโรงพยาบาลขอนแก่น ไม่ใช่ว่าเป็นแห่งแรก เพราะตนในฐานะปลัดสธ. ได้กำชับให้สถานพยาบาลทุกแห่งต้องปฏิบัติตามระเบียบในเรื่องการรับเงินบริจาค และเรื่องอื่นๆให้ถูกต้องตามระเบียบราชการ แต่ที่ผ่านมาตรวจสอบพบว่า มีโรงพยาบาล 12 แห่งปฏิบัติผิดระเบียบราชการ
“ที่ผ่านมาดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบราชการและข้อกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่ามีมูล ก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการ หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา อีกทั้ง ในสมัยที่ผมเป็นปลัดกระทรวงมานั้น ได้มีการตรวจสอบผู้อำนวยการและผู้อำนวยการระดับสูงรวมแล้ว 12 คน โดย 6 คนมีโทษไล่ออกไปแล้ว อีก 6 คนอยู่ระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งมีทั้งกรณีคล้ายกับรพ.ขอนแก่นและอื่นๆ” นพ.สุขุม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหมาะสมในการตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ เป็นรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นครั้งที่ 2 นพ.สุขุม กล่าวว่า นพ.เกรียงศักดิ์ พื้นเพเป็นคนจ.ขอนแก่น และเคยเป็นผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นมาก่อน ที่สำคัญ ไม่สามารถตั้งรองผอ.รพ.ขอนแก่นขึ้นเป็นรักษาการแทนได้ เนื่องจากนพ.ชาญชัยพูดชัดเจนว่ารองผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหารรพ.ก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาค จึงจำเป็นต้องตั้งคนอื่นรักษาการแทน ส่วนจะมีการพิจารณาตั้งรักษาการผอ.เป็นคนอื่นแทนหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่า เมื่อนพ.เกรียงศักดิ์ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งครั้งก่อนก็เห็นว่าได้รับการต้อนรับที่ดี อย่างไรก็ตาม เป็นการตั้งรักษาการเท่านั้น หากมีการสอบสวนแล้วพบว่าผู้ถูกร้องไม่มีความผิดก็ยังตั้งกลับไปเป็นผอ.เดิมได้
ต่อข้อถามว่าการตั้งคณะกรรมการเป็นคนจากกลุ่มก๊วนเดียวกัน เหมาะสมหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่าก็สามารถคัดค้านได้ ซึ่งไม่ใช่ความกลุมก๊วนเดียวกัน มีความไม่ถูกใจก็สามารถร้องเรียนได้ ก็จะพิจารณาให้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องมาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการจุดชนวนความแตกแยกของกลุ่มก๊วนในสธ.ขึ้นมาอีกครั้ง นพ.สุขุม กล่าวว่า ก็ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ ตนก็จะผิดมาตรา 157
นพ.ยงยศ กล่าวว่า ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่มี นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการฯ เป็นประธานนั้น นพ.สุเทพ ได้ขอลาออก เนื่องจากมีภารกิจมาก โดยเฉพาะการรับคนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งต้องเตรียมเรื่องการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโควิด ส่วนประธานคนใหม่ยังไม่มีการแต่งตั้ง อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม
นายสุจินต์ กล่าวว่า ตามกฎหมายชัดเจนว่าการรับเงินจากบริษัทยา หรือบริษัทเอกชนอื่นๆที่เป็นคู่สัญญากับรพ.ไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งสิ้น ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินมาเพื่อประโยชน์ใดก็ตาม ส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ผิดทั้งนั้น ซึ่งเมื่อมีการชี้ว่ามีมูลก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าประธานคณะกรรมการฯไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องทุกข์ได้
น.ส.สุชาดา กล่าวว่า ในเรื่องเงินบริจาคนั้นชัดเจนว่า การบริจาคที่เข้าโรงพยาบาล แม้จะเป็นใครบริจาคเท่าไหร่ก็ย่อมได้ แต่หากเป็นบริษัทยา และพบว่ามีการเชื่อมโยงกันกับการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทยานั้นๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องของการบริจาคโดยสมัครใจ ยิ่งการบริจาคไม่ได้เข้าเงินบำรุงของโรงพยาบาล ถือว่าผิดระเบียบ เพราะเงินทุกบาทคือเงินแผ่นดิน ต้องตรวจสอบได้ ดังนั้น ในส่วนรพ.ขอนแก่น การจัดตั้งกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่นจึงไม่สามารถกระทำได้ เพราะเงินบริจาคต้องเข้าเงินบำรุงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะตรวจสอบไม่ได้
น.ส.สุชาดา กล่าวอีกว่า กรณีเรื่องเงินบริจาคนั้น มีระเบียบชัดเจน เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำชับเรื่องนี้ และเสนอต่อครม. เรื่องเงินบริจาคต้องไม่ใช่การบังคับ หรือการเรียกเก็บ หรือมีการสร้างเงื่อนไขใดๆ ซึ่งครม.ระบุว่าการจัดซื้อยา และเวชภัณฑ์ไว้ว่า ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการสถานพยาบาล โดยครม.ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2560 และกระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2561 และได้แจ้งหนังสือเวียนไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ถึง 3 ครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.2561 จากนั้นก็มีหนังสือไปอีกวันที่ 13 ธ.ค.2561 และวันที่ 3 ก.พ. 2563 แต่ปรากฏว่ากรณีของรพ.ขอนแก่น กลับพบยอดบริจาคมีความสัมพันธ์กับการจัดซื้อจัดจ้างยา จึงถือว่ามีมูลว่าทำผิดระเบียบ และนำมาสู่การตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง กระทั่งมาถึงการสอบวินัยฯ

Thu, 2020-06-04 16:34 -- hfocus team
หัวข้อ: “อนุทิน” เรียกปลัด สธ.ชี้แจงปมสอบสวนโยกย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น ลั่นต้องโปร่งใส
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 06 มิถุนายน 2020, 19:30:13
“อนุทิน” เรียกปลัด สธ.ชี้แจง ปมสอบสวนโยกย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น ย้ำต้องโปร่งใส เป็นธรรม พร้อมพบ “หมอชาญชัย” ส่วนผลสอบให้เป็นไปตามเอกสารหลักฐานที่ชี้แจง หวั่นบานปลายศึกหมอกระทบเชื่อมั่นควบคุมโควิด

วันนี้ (6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. มีกระแสข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เรียก นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. เข้าพบ เพื่อให้รายงานกรณีออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่กองบริหารการสาธารณสุข โดย นายอนุทิน ได้ย้ำว่า ขอให้ดำเนินการตามหลักกฎหมาย ด้วยความเป็นธรรม ทั้งหลักธรรมาภิบาล และเมตตาธรรม กระบวนการสอบสวนจะต้องมีความโปร่งใส ชี้แจงต่อประชาชนและสังคมที่กำลังติดตามเรื่องนี้ได้ทุกประเด็น เนื่องจากกระทบต่อความเชื่อมั่น ความศรัทธา และความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้กับแพทย์และบุคลากรอย่างมาก ขณะที่ สธ. และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเป็นหลักในการต่อสู้กับโรคโควิดอยู่ โดยย้ำว่า การสอบสวนใดๆ จะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ การควบคุมโรคระบาดและการบริการประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องให้ยึดหลักตามข้อเท็จจริง ต้องทำให้ถูกต้องมากกว่าถูกใจ และยินดีที่จะให้ นพ.ชาญชัย เข้าพบ เพราะส่วนตัวอยากพบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผลการสอบจะเป็นอย่างไร ก็ต้องชี้แจงตามเอกสารหลักฐานที่เกิดขึ้น และให้ปลัด สธ.ส่งหลักฐานมาเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ตนทราบด้วย ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ความศรัทธา และความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้กับแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์อย่างมาก ประกอบกับในสถานการณ์ที่กระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเป็นหลักในการต่อสู้กับโรคระบาด ทุกคนต้องมีความสามัคคีกัน

6 มิ.ย. 2563    โดย: ผู้จัดการออนไลน์
หัวข้อ: ชพพ.ลั่นสอบวินัย ผอ.รพ.ขอนแก่น ต้องเป็นธรรม ขอสอบคู่ขนาน หลังมีคนร้อง กก.สอบไม่
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 06 มิถุนายน 2020, 19:31:26
ชมรมแพทย์เพื่อวิชาชีพแพทย์ ลั่นสอบวินัย ผอ.รพ.ขอนแก่น ต้องเป็นธรรม เตรียมตรวจสอบคู่ขนาน หลังมีผู้ร้องเรียน คกก.สอบวินัยไม่เหมาะสม ย้ำต้องเป็นคนไม่มีส่วนได้เสียกัน หวังเห็นกระทรวงหมอคงความเป็นธรรม

จากกรณี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น มากองบริหารการสาธารณสุข และโยก นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการแทน โดยระบุว่า มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ขัดขวางการสอบสวน ข่มขู่พยานนั้น จึงเห็นควรให้ย้ายออกนั้น

วันนี้ (2 มิ.ย.) นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ประธานชมรมแพทย์เพื่อวิชาชีพแพทย์ (ชพพ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ชพพ.อยู่ระหว่างตรวจสอบการออกคำสั่งทางปกครองว่า ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะคำสั่งทางปกครองที่ออกมานั้น ถือว่าเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างร้ายแรง มีการลดอำนาจบริหาร ลดสิทธิประโยชน์ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ ชพพ.อยากเห็นการสอบสวนที่ถูกต้องและเป็นธรรม ถ้าทุจริตจริง อย่าเอาไว้ให้ดำเนินการตามกฎหมายเต็มที่ แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ส่วนที่มีคนกังวลว่า กระบวนการพิจารณาหรือการตั้งกรรมการสอบวินัยที่มีการร้องเรียนว่าไม่เหมาะสม เรื่องนี้มีหลายคนติดตามอยู่ รวมถึงนักกฎหมายของชมรมฯ ซึ่งกรรมการสอบวินัยต้องไม่เป็นพรรคพวก หรือเคยโกรธเคืองกัน หรือเป็นเพื่อนกันมาก่อน หรือก็คือต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งมีระเบียบการตั้งกรรมการอยู่แล้ว ต้องติดตามกันต่อ

“เราอยากเห็นจริงๆ ว่า กระทรวงสาธารณสุข ทรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม อย่าให้มีการแบ่งแยกเป็นพวก กลั่นแกล้ง ตามที่หลายคนกังวลกันอยู่ ดังนั้น ชพพ.จึงจะติดตามใกล้ชิด ตอนนี้มี ผอ.หลายคนมาให้ข้อมูลกับทางชมรมฯ ซึ่งมีการจัดหาพิจารณาคู่ขนานกันแน่นอน เพราะต้องการให้สังคมมีความเป็นธรรมจริงๆ ผลจะออกมาอย่างไรไม่รู้ แต่ต้องมีความเป็นธรรม” นพ.สัมพันธ์ กล่าว

2 มิ.ย. 2563    โดย: ผู้จัดการออนไลน์
หัวข้อ: ว่าด้วย"ล้วงลูก"ของรัฐมนตรี-เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 09 มิถุนายน 2020, 04:13:49
พูดเรื่องย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น "นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล" มา ๒ ครั้ง
    วันนี้ คงต้องอีกสักครั้่ง
    เป็น "บทพิสูจน์" ในทางบริหาร-จัดการของรัฐบาล ที่ประกาศ "ล้างทุจริต-ล้างคอร์รัปชัน" มาตลอด
    เรื่องนี้ แยกเป็น ๒ ส่วน
    ส่วนแรก การใช้บัตรสนเท่ห์ใบเดียวย้ายหมอชาญชัยด้วยข้อหา "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" และตั้งคนในเครือข่ายเป็นคณะสอบสวน นั้น
    บ่งบอกว่า เรื่องนี้ "ทำกันเป็นทีม"!
    และ ผอ.คนใหม่ที่ย้ายมาแทน เป็น "หมอเกรียงศักดิ์" ตรงนี้ ตอกย้ำถึงความไม่ชอบมาพากล
    เพราะปลัดฯ สุขุมเคยมีความพยายามย้ายหมอเกรียงศักดิ์มาอยู่ตรงนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ถูกแรงปฏิเสธจากบุคลากรทางการแพทย์ขอนแก่น   
    จนรัฐมนตรีสาธารณสุขสมัยนั้น "ศ.ดร.ปิยะสกล สกลสัตยาทร" ต้องเข้ามาแก้ปัญหา
    ให้ย้ายหมอเกรียงศักดิ์กลับไป เอาหมอชาญชัยกลับเข้ามาตามเดิม
    ตรงนี้ บ่งว่าใน รพ.ขอนแก่น มีความเป็นไปได้สูง ในทาง มี "ความลับดำมืด" บางสิ่ง-บางอย่าง ถูก "ปกปิด-ซ่อนเร้น" ไว้
    และต้องการ "กลบร่องรอย"!?
    "ความลับดำมืด" นั้น คืออะไร?
    เห็นตะคุ่มๆ ได้ ตามหลักฐานทางบัญชี และตามที่หมอชาญชัยแถลง ว่าก่อนเข้ามาบริหาร รพ. บัญชีติดลบสะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี กว่า ๒๐๐ ล้าน
    ตรงนี้ เป็นปมสำคัญ ที่รัฐบาล รัฐมนตรีสาธารณสุข องค์การตรวจสอบคอร์รัปชัน รวมถึง ป.ป.ช.
    ถ้าจริงใจ ต้องการ "กำจัดปลวก" ให้ประเทศ จะต้องสนใจตรงนี้เป็นพิเศษ
    คือ โรงพยาบาลขอนแก่น ก่อนปี พ.ศ.๒๕๕๘
    บริหารขาดทุน มีหนี้สิน ต่อเนื่องนับเป็นร้อยๆ ล้าน
    หมอชาญชัยเข้ามา....
    จะถือว่า ต้องทุกข์ร้อนอะไร ในเมื่อ "โรงพยาบาลหลวง-หนี้หลวง" ก็อยู่ไป เดี๋ยวก็ย้าย คนใหม่มา หนี้ก็เป็นมรดกตกทอดกันไปเรื่อยๆ ฉะนั้่น ไม่ต้องอินัง-ขังขอบให้ปวดหัว
    คิดอย่างนั้น ก็ไม่ผิด........
    แต่หมอชาญชัย ไม่คิด "เกาะหนี้" แล้วบริหารพอกหนี้ในลักษณะนั้่น แล้วอยู่ไปวันๆ
    ไปขอแรงนักการเงิน/การบัญชี มาช่วยตรวจ-วิเคราะห์ระบบของโรงพยาบาล หารูรั่ว-รูโหว่ เพื่ออุด
    เช่น สต๊อกยาในห้องยา, ในวอร์ด, เส้นทางรั่วไหล, การคีย์ข้อมูลเบิกเงินจาก สปสช. และ ฯลฯ
    เหล่านี้ ทำให้การจัดซื้อของแต่ละชิ้นที่เคยแพงลดลง จากเดิมเช่น เคยซื้อหน่วยละ ๙ บาท ก็ทำให้ลดลงเหลือหน่วยละ ๓ บาท
    หมอชาญชัยแถลงต่างกรรม-ต่างวาระว่า.......
    เมื่อปรับปรุงกลไกแล้ว ประหยัดเงินโรงพยาบาลไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท
    บวกกับโรงพยาบาลซื้อยากับบริษัทยา มี ๕% ในระบบการค้า
    หมอชาญชัยไม่แตะ
     ให้ส่งเข้า "กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น" เป็นเงินบริจาคทั้งหมด รวมทั้งเงินผู้ศรัทธาโรงพยาบาลบริจาคให้แต่ละปี
    เนี่ย...
    เมื่อแก้ระบบ ทั้งตัว ผอ.โรงพยาบาล คือหมอชาญชัย ไม่แตะ-ไม่รับเงินทอน ๕% จากบริษัทยา ทั้งมีความโปร่งใสในเงินบริจาคทุกบาท-ทุกก้อน
     เพียง ๒-๓ ปี........
     โรงพยาบาลขอนแก่น ที่มีหนี้สะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี กว่า ๒๐๐ ล้าน ล้างได้หมดเกลี้่ยง
    ไม่เพียงล้างหนี้หมด
    หมอชาญชัยยังบริหารให้โรงพยาบาลมีเงินบำรุงเหลือเป็นสภาพคล่องได้อีก กว่า ๒๐๐ ล้าน
    พูดตามภาษาชาวบ้าน คือ พลิกจากขาดทุน มามีกำไรกว่า ๒๐๐ ล้าน!
    นี่ยังไม่นับรวมที่ "พี่ตูน บอดี้สแลม" วิ่งนำเงินบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์อีกนะ เป็นร้อยหรือกี่สิบล้าน ผมก็จำไม่ได้แล้ว
    แต่ผลของการบริหารซื่อสัตย์-สุจริต-มีธรรมาภิบาลของหมอชาญชัย รางวัลที่ได้รับตอบแทนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดฯ สุขุม กาญจนพิมาย คือ
    ข้อหา ฉ้อราษฎร์บังหลวง ........
    ข่มขู่-คุกคามพยาน ถูกสอบวินัยร้ายแรง และถูกย้ายเข้าประจำกระทรวง
    ด้วยหลักฐาน "บัตรสนเท่ห์" ใบเดียว ซึ่งทั้งเลื่อนลอย ทั้่งคนกล่าวหา ไม่มี-ไม่ยอมปรากฏตัวตน!?
    แต่ปลัดฯ สุขุม รวมทั้งรัฐมนตรีสาธารณสุข "นายอนุทิน ชาญวีรกูล"
    "เชื่อบัตรสนเท่ห์".......
    แทนเชื่อหมอชาญชัยที่ไม่รับ ๕% บริหารล้างหนี้โรงพยาบาลจนมีกำไรเป็นร้อยๆ ล้านได้เป็นที่ประจักษ์
    ครับ....
    นี้เป็นส่วนแรกของเรื่อง จะถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องในระบบบริหาร ตั้งแต่นายกฯ จนถึงรัฐมนตรีสาธารณสุขและปลัดฯ รับผิดชอบในส่วนนี้
    ยังมีอีกส่วน เป็นส่วนที่ ๒ ที่ต้องพูดถึง
    คือ ปริศนา "ลับ-ดำมืด" ว่าหนี้่สินกว่า ๒๐๐ ล้าน สะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี
    ตรงนี้ สมควรต้อง "ตรวจสอบ" ให้กระจ่างในข้อเท็จจริง คือ กับบัตรสนเท่ห์ใบเดียว รัฐมนตรี-ปลัดฯ กลับเชื่อสนิทใจ
    เอาหมอชาญชัยถึงตาย!
    แต่กับที่หมอชาญชัย ไม่รับเงินทอนบริษัทยา ปรับปรุงระบบการเงิน/การบัญชี/การจัดซื้อ/การรับบริจาค พลิกจากขาดทุน เป็นกำไร เป็นที่ประจักษ์
    รัฐมนตรีอนุทิน ปลัดฯ สุขุม กลับไม่เชื่อ นอกจากไม่เชื่อ ยังตั้งข้อหา "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" เป็นชนักปักติดหลัง!
    ตรงนี้ เป็นเรื่องประเทศชาติ ..........
    ว่าด้วยความโปร่งใส ความบริสุทธิ์-ยุติธรรม มาตรฐานประเทศในด้าน "ทุจริต-คอร์รัปชัน"
    รัฐบาล โดยเจ้ากระทรวงสาธารณสุข จะทำลอยตัว ด้วยอ้าง "ไม่ต้องการล้วงลูก" อย่างนั้น ไม่ได้
    ระวัง จะเข้าข่าย "ละเว้นปฏิบัติหน้าที่" ตามมาตรา ๑๕๗!
    รัฐมนตรี มีฐานะอะไรบ้าง ควรทราบไว้
    ๑.ในฐานะสมาชิกคณะรัฐมนตรี มีนายกฯ เป็นหัวหน้า
    ๒.เป็นเจ้ากระทรวง "ผู้มีอำนาจเต็ม" ของส่วนราชการระดับกระทรวงตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
    นั่นคือ นายอนุทิน เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวง
    การปฏิบัติราชการ จะปฏิบัติเองหรือมอบ "รัฐมนตรีช่วย" ปฏิบัติแทนก็ได้
    จากคร่าวๆ นี้ ชัดว่า รัฐมนตรีจะทำลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้
    คนเป็นรัฐมนตรี ไม่สงสัย ไม่อยากรู้ ไม่ต้องการรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติหรอกหรือ
    ว่า เพราะอะไร ......
    โรงพยาบาลเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกัน
    คนหนึ่ง บริหารขาดทุนต่อเนื่องเป็นสิบปี แต่อีกคน ใช้เวลา ๒-๓ ปี  ล้างหนี้ได้หมด แถมกลับมีกำไร?
    ผมเปิดทำเนียบโรงพยาบาลขอนแก่นในรอบ ๑๐ ปีดู ว่าใครเป็น "ผู้อำนวยการ" บ้าง ก็เป็นดังนี้
    -นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ปี พ.ศ.๒๕๕๐-๒๕๕๗
    -นพ.ธรรมนูญ วิสิฐธนวรรธ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘
    -นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จาก ปี พ.ศ.๒๕๕๘ ถึงปัจจุบัน คือ ๕ มิ.ย.๖๓ ที่ถูกย้ายเข้ากระทรวง
    ใน ๓ ท่านนี้ จะเห็นว่า ๑๐ ปีของการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง อยู่ในยุคนายแพทย์วีระพันธ์เป็นส่วนใหญ่
    มีหมอธรรมนูญคั่น ก่อนหมอชาญชัยมาเป็น ผอ.เพียงปีเดียว!
    ท่านรัฐมนตรีอนุทินและ ป.ป.ช.ไม่อยากรู้หรือว่า ช่วง ๑๐ ปีนั้น ทำไมการจัดซื้อของแต่ละชิ้น จึงแพงกว่ายุคหมอชาญชัยถึง ๓ เท่าตัว?
    และเงินทอนบริษัทยา ๕% รวมถึงเงินบริจาคทั่วไป ยุคนั้น บริหาร-จัดการกันอย่างไร อยู่ในบัญชีไหน ถึงได้ขาดทุนสะสม?
    ก็ลองคิดดู........
    ปี ๖๑ กระทรวงห้ามรับเงินบริจาคบริษัทยาแล้ว ยุคหมอชาญชัย เงินบริจาคยังมีเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาล เดือนละ ๑-๒ ล้านบาท
    แล้วสิบปีก่อนหน้านี้ มีทั้งเงินบริจาค ทั้งเงินทอน ๕% ทำไมโรงพยาบาลเงินจึงติดลบต่อเนื่องกว่า ๒๐๐ ล้าน?
    และน่าสะสางภาพรวมในทุกโรงพยาบาลด้วยว่า
    เงินทอน ๕% จากบริษัทยา จริงหรือ เมื่อห้ามโรงพยาบาลรับแล้ว จะไม่มีใครรับไปในส่วนนี้ไป?
    เรียกบริษัทยามาถาม ตรวจบัญชีซักนิดก็รู้!
    เนี่ย.........
    ตรงนี้ รัฐมนตรีอนุทิน ทำไมไม่ทำอย่างที่รัฐมนตรีช่วยคมนาคม "นายถาวร เสนเนียม" ทำ กรณีการบินไทย
    รมช.ถาวร ในฐานะผู้รับหน้าที่ดูแลแทนรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ความโปร่งใสในการบินไทย
    ตั้ง "พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริตในการบินไทย
    เข้าใจคำว่า "ตรวจสอบ" ใช่มั้ย?
    ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ถึงชั้นสอบสวนแบบมีข้อหา     นายอนุทินก็ "ควรทำ" เช่นนั้น
    คือ มันมีเหตุน่าสงสัย ก็ตั้งคณะตรวจสอบเข้าไปรื้อดูซิว่า งานชิ้นเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งทำขาดทุนต่อเนื่อง แต่อีกคนเข้าไปทำ กลับมีกำไร?
    นี่คือ "อำนาจหน้าที่" คนเป็นรัฐมนตรีต้องทำ นอกเหนือการแต่งตั้ง-โยกย้าย จะอ้างไม่เกี่ยว ไม่ล้วงลูก มันไม่ถูกต้อง
    ล้วงแบบไหนถึงจะถูก วานท่านรัฐมนตรีบอกด้วย!

ไทยโพสต์ 8 มิย 2563
หัวข้อ: หลุมดำที่ เลี่ยงเล่น ไม่ได้-เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 09 มิถุนายน 2020, 04:15:27
คุยกันไป ๓ วัน.......
    เรื่อง "ไม่โกง-ไม่กิน" ของ "หมอชาญชัย จันทร์วรชัยกุล" ผอ.รพ.ขอนแก่น แล้วได้รับรางวัลเป็นข้อหา "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ตอบแทน
    ก็คิดว่า หน้าที่อันพึงทำ ได้ทำ "ครบกระแสความ" แล้ว
    ตั้งใจจะจบแต่เมื่อวาน........
    คือ ถ้ามากกว่านั้น ก็ต้องขุดลึกเข้าไปถึง "หลุมดำ" ว่าด้วยการบริหาร รพ.ในรอบ ๑๐ ปี ก่อนหมอชาญชัยเข้าไปเป็น ผอ.
    ว่าอะไรคือสาเหตุ ทำให้ขาดทุนกว่า ๒๐๐ ล้าน สะสมต่อเนื่องมาร่วมสิบปี?
    ซึ่งมันไม่น่าจะเป็น และถ้าเป็น กระทรวงสาธารณสุขแต่ละยุค ปล่อยอย่างนั้นเรื่อยมาโดยไม่แก้ไข ไม่ตรวจสอบอะไร มันพิลึกทางบริหารมากอยู่
    และเรื่องเช่นนี้ จะใช้แค่ความรู้สึก "คิดเอา-นึกเอา-เขาว่ากันว่า" มาพูด-มาเขียน โดยไม่เห็น-ไม่มีหลักฐาน อย่างนั้น ก็ไม่ได้
    เพราะมันเสียหายทั้งตัวบุคคลและองค์กร ซึ่งผมไม่ต้องการเช่นนั้น
    ประเด็น "หลุมดำ" ใน รพ.ขอนแก่น........
    เรื่องราวบานออกมาขนาดนี้ มันเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีสาธารณสุข ต้องนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ, สอบสวน ให้สิ้นสงสัย
    เพราะมันเกี่ยวพันด้าน "ทุจริต-คอร์รัปชัน" ในระบบราชการ เจ้ากระทรวง รวมถึง ป.ป.ช.จะนั่งกระดิกตีนซดกาแฟ อ้างร้อยขั้นตอนตามระบบ ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
    ระวังนะ........
    ยุคก่อนๆ ประชาชนมีหน้าที่เสียภาษี ให้ข้าราชการชี้นิ้วบัญชา ยุคนี้ ถึงยุคเจ้าของเงิน คือประชาชนชี้นิ้ว ตรวจสอบข้าราชการ/นักการเมืองบ้างแล้ว
    เพราะประชาชน ต้องทน และยากแค้น กับการโกงกินในระบบราชการรวมถึงการเมืองมานานจน "สุดทน" แล้ว
    ถ้าระบบและกลไกรัฐยัง "เลือกกระดิก"
    ประชาชนอดรนทนไม่ไหว ออกมา "กระดิก" ชนิดไม่เลือกวันไหน จะมาบอกว่า "เสียใจ" ภายหลัง มันก็สายไปแล้ว!
    หลังจากเรื่องแพร่กระจาย น่าจะตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบภายในโรงพยาบาล ในยุคที่ขาดทุนสะสมเป็นสิบปี
    ก็ปรากฏว่า มีเอกสารเกี่ยวกับการเงินในยุค "นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์" เป็นผู้อำนวยการ ช่วงปี ๕๐-๕๗ แพร่ทางโซเชียลมีเดียตอนนี้มากมาย
    กระทั้งผมเอง ก็มีผู้ส่งสำเนาเอกสารการเบิกจ่ายเงิน/ โอนเงิน หลายกรรม-หลายวาระ มาให้ดู
    ขนาดพ้นตำแหน่ง ผอ.แล้ว ยังเซ็นเอกสารย้อนหลังก็ยังมี!
    ที่น่าสนใจ........
    มีการอนุมัติให้เบิกเงินสวัสดิการ รพ.ไปสนับสนุนกิจกรรม "ชมรมแพทย์ชนบท" ตามเอกสารก็หลายครั้ง
    ครั้งละหลายๆ แสนก็มี!
    ประธานชมรมแพทย์ชนบทก็คือ "หมอเกรียงศักดิ์" และเมื่อย้อนไปดูปูมกลุ่มแพทย์ชนบท ก็ทำให้เข้าใจได้ถึงความเชื่อมโยง
    หมอวีระพันธ์ ผอ.รพ.ขอนแก่น เคยเป็นประธานชมรมมาก่อน!
    ตรงนี้ เป็นจุดให้สังคมเพ่งเล็งว่า......
    เพราะอย่างนี้หรือเปล่า จึงมีความพยายามให้ "หมอเกรียงศักดิ์" เข้าไปเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่น ถึง ๒  ครั้ง ๒ ครา?
    เข้าไปทำไม?
    นั่นน่ะซี รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี ที่หมอเกรียงศักดิ์เป็น ผอ.ก็ใหญ่โตอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่นให้จงได้
    ตรงนี้ ทำให้มองเห็นความเป็น "หลุมดำ" ใน รพ.ขอนแก่น ไม่เฉพาะเงินทอน ๕% บริษัทยาเท่านั้น ที่ต้องการกลบ
    การขาดทุนต่อเนื่องเป็นสิบปี ยุคหมอวีระพันธ์บริหาร ทั้งที่มี ๕% และมีเงินบริจาค
    เมื่อเทียบกับยุคหมอชาญชัยบริหาร......
    ทั้งที่ไม่มี ๕% ยังล้างขาดทุนให้โรงพยาบาล แถมมีกำไรเป็นร้อยๆ ล้านได้?!
    ถ้ากลไกบริหารรัฐ "ไม่สงสัย" ใคร่ตรวจสอบอะไรเลย แสดงว่าล้มเหลว ควรคว่ำทิ้งไปทั้งระบบ
    ผมดูเอกสารเหล่านั้น ไม่สรุปด้าน "เชื่อ-ไม่เชื่อ" เพียงแต่ปรารภในใจ ว่าต้องพูดคุยกัน "อีกซักวัน" คือ วันนี้!
    พูดคุย ด้วยเข้าใจว่า ป.ป.ช.น่าจะมีเรื่องนี้อยู่ในสารบบสอบสวนทวนความแล้ว เพราะดูจากเอกสาร การบริหารเงินเคยเป็นประเด็นถึง ป.ป.ช.แล้ว
    เพียงแต่ไม่เข้าใจ.........
    เพราะอะไร ๑๐ กว่าปีแล้ว ก็ไม่มีคำตอบใดๆ จาก ป.ป.ช.เลย?
    ผมจะไม่บอกว่า เขานินทา ป.ป.ช.กันว่าอย่างไร ในเหตุที่เป็นสิบปี อย่าว่าแต่คืบเลย เกียกเดียวก็ยังไม่ถึง!
    ถ้าจะตรวจสอบ......
    ควรตรวจสอบไปสมัยหมอวีระพันธ์เป็น ผอ.โรงพยาบาลมหาสารคาม และโรงพยาบาลร้อยเอ็ด  ก่อนมาเป็น ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ ด้วย
    เพื่อนำผลบริหารของหมอวีระพันธ์ จาก ๒ โรงพยาบาลนั้น มาเทียบกับผลการบริหารโรงพยาบาลขอนแก่น
    จะได้ชัดเจน ในการบริหารของหมอวีระพันธ์ ด้านกำไร/ขาดทุน ว่าเป็นอาจิณ หรือเป็นเฉพาะราย-เฉพาะกรณี?
    เอกสารบางชิ้นที่แพร่ในโซเชียล..........
    มีการนำตราองค์กร สสส.ไปติดไว้ด้วย ตรงนี้ ผมอยากทำความเข้าใจเล็กน้อย เพื่อความถูกต้อง และเป็นธรรม
    "ต่างกรรม-ต่างวาระ" ครับ
    เรื่องหลุมดำ เป็นสมัยสิบกว่าปีก่อน ที่หมอวีระพันธ์ยังเป็น ผอ.โรงพยาบาลอยู่
    หลังเกษียณแล้ว จึงได้รับเลือกมาเป็น "รองประธานบอร์ดคนที่ ๒" ของ สสส.
    การที่มีผู้นำเอกสารสมัยท่านเป็น ผอ.รพ.มาเผยแพร่ โดยนำตรา สสส.ติดไว้ด้วย อาจทำให้ไขว้เขวไปถึงองค์กร สสส.ซึ่งไม่เกี่ยวกัน
    เพื่อความเป็นธรรมและความเข้าใจที่ถูกต้อง ในฐานะที่ผมพูดเรื่องนี้หลายวัน จึงขอทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับ สสส.
    เพียงหมอวีระพันธ์มาเป็นบอร์ด สสส.หลังเกษียณ และความจริง หมอวีระพันธ์เคยมีตำแหน่งใหญ่กว่าบอร์ด สสส.ด้วยซ้ำ
    คือเคยเป็น "ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุข" ในรัฐบาล คสช.ที่มี "นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน" เป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข!
    อีกเหตุหนึ่ง ที่ต้องพูด-ต้องเขียนวันนี้
    คือ เมื่อวาน (๘ มิ.ย.๖๓) เห็นข่าวรัฐมนตรีสาธารณสุข "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" เรียกหมอชาญชัยไปพบ
    สรุปที่ว่าไม่ล้วงลูก ตอนนี้ ก็ยังยืนยันว่าไม่ล้วง แต่ท่านรับหนังสือขอความเป็นธรรมของหมอชาญชัยไว้ดำเนินการ และบอก เรื่องที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ต้องกลัวเรื่องความไม่เป็นธรรม
    ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการตามระเบียบ/ขั้นตอน ท่านว่างั้น ส่วนการจะให้หมอเกรียงศักดิ์ ถอยจากโรงพยาบาลขอนแก่นไปก่อนนั้น
    เป็นเรื่องนอกวงแขนอำนาจ ท่านทำไม่ได้ เป็นอำนาจปลัดฯ สุขุมเขา ประมาณนั้น
    ก็สรุปให้ฟัง ซึ่งผมไม่ได้สนใจตรงนี้ คือในส่วนว่าด้วยการตั้งข้อหาหมอชาญชัย แล้วย้ายออก เอาหมอเกรียงศักดิ์เข้าไปแทนเสร็จสมอารมณ์หมาย
    แต่ผมสนใจในส่วน "หลุมดำ" ว่าด้วย บริหารกันอย่างไร จึงขาดทุนสะสมต่อเนื่องร่วมสิบปี กว่า  ๒๐๐ ล้านบาท?
    ในส่วนอำนาจบริหาร จะย้ายใคร จะเป็นธรรม-ไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องในอำนาจท่านรัฐมนตรี ซึ่งท่านรัฐมนตรีก็เทก แอกชั่น ให้เห็นแล้ว
    แต่ในส่วนทุจริต-คอร์รัปชัน ตรงนี้ตะหาก ที่ประชาชนอยากเห็นคนเป็นรัฐมนตรีแอกชั่นด้วย เพราะประชาชนทุกคนมีส่วนได้-ส่วนเสีย
    มันเข้าข่าย "อาญาแผ่นดิน" ที่อำนาจรัฐ โดยรัฐมนตรีจะแตะแค่เหตุใช้อ้างย้าย-ไม่ย้าย อันเป็นแค่ส่วนปกครอง โดยไม่แตะเรื่องเข้าข่ายฉ้อราษฎร์บังหลวงแท้จริง มันไม่ถูกต้องนัก
    และบั้นปลาย เกรงว่า รัฐมนตรีอาจต้องเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา ๑๕๗ โดยไม่จำเป็น
    นี่..........
    เรื่องมันไปถึง "หลุมดำ" ว่าด้วยเงินทอน ๕% บริษัทยา ในวงการแพทย์สาธารณสุข ที่ฝังรากมานับทศวรรษเช่นนี้แล้ว
    รัฐมนตรีจะเลือกเล่นเฉพาะบท "เป็นธรรม-ไม่เป็นธรรม" ระหว่าง ๒ หมอไม่ได้
    จะต้องเล่นให้ครบถึงบทตรวจสอบ "คอร์รัปชัน-ไม่คอร์รัปชัน" ในระบบสาธารณสุข ส่วนของประเทศชาติด้วย.

เปลวสีเงิน
ไทยโพสต์  9มิย2563
หัวข้อ: หลุมดำ ๕% รพ.ขอนแก่น-เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 09 มิถุนายน 2020, 04:21:14
อืมมมม.....
    บัตรสนเท่ห์ใบเดียว!
    กล่าวหา "นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล" ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น รับเงินทอนบริษัทยา ๕%
    ปลัดฯ สาธารณสุข "นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย"
    กลับไม่สุขุม สั่งย้ายเข้ากรุ
    ตั้งข้อหา "มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง" ฉับพลัน!
    และแทนที่จะให้รอง ผอ.หรือคนจากโรงพยาบาลเขตนั้นรักษาการระหว่างสอบให้สิ้นกระแสความ
    กลับให้ "นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ" เหาะข้ามภาค จากโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ไปเป็น ผอ.แทน
    ชนิดหาเหตุผลไม่ได้ว่า เพราะอะไรจึงต้องเป็นหมอเกรียงศักดิ์เท่านั้น?
    เพราะปี ๖๑ ก็ส่อแววมาครั้ง นพ.สุขุมขึ้นเป็นปลัดปั๊บ ก็ย้าย นพ.ชาญชัยจากขอนแก่นไปอยู่จันทบุรี ให้ นพ.เกรียงศักดิ์จากจันทบุรีมาอยู่ขอนแก่น
    แต่อยู่ได้ซัก ๕-๖ วันมั้ง....
    แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ที่ขอนแก่น ไม่ยินดีกับ ผอ.คนใหม่นี่ ก่อเกิดปฏิกิริยาขึ้น
     รัฐมนตรีสาธารณสุข ขณะนั้น "ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร" ต้องเข้ามาแก้ปัญหา ให้ย้ายสลับกลับเหมือนเดิม
    แล้วนี่ คล้ายปลัดฯ สุขุม"
    มุ่งมั่นต้องย้ายเอาหมอเกรียงศักดิ์มาขอนแก่น เอาหมอชาญชัยไปให้พ้นจากโรงพยาบาลขอนแก่นให้จงได้
    และก็ทำสำเร็จ โดยอาศัยเหตุจาก "บัตรสนเท่ห์" ไร้หัวนอน-ปลายตีนใบเดียว ป้ายโทษหมอชาญชัย!
    มันทำให้ต้องฉงน.........
    เพราะมีพิรุธที่ชวนค้นหา ว่าในโรงพยาบาลขอนแก่น มันต้องมีอะไรหรือใครทำอะไรปกปิด-ซุกซ่อนไว้สักอย่าง?   
    หมอชาญชัยอาจรู้ หรือกำลังสะสาง
    จึงนำไปสู่การผลักดันให้ต้องย้ายหมอชาญชัยออกไปให้พ้นจากโรงพยาบาลขอนแก่น
    บัตรสนเท่ห์ ๕% จึงเกิดขึ้น และปลัดฯ ก็รับลูกทันควัน
    ถ้าต้องการเคลียร์เรื่องนี้ ตามครรลองแล้ว จะย้ายเข้ากรุระหว่างสอบข้อเท็จจริง ก็ต้องย้ายแต่ต้น
    และคนรักษาการแทน ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ก็ให้รอง ผอ.หรือ ผอ.โรงพยาบาลในเขต
    แต่นี่กลับเจาะจง "หมอเกรียงศักดิ์" เจ้าเดิมแต่ผู้เดียว
    แบบนี้ มันมีเงื่อนงำชวนฉงน
    ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ทำไมต้องเป็น "นายแพทย์เกรียงศักดิ์" แต่ผู้เดียวเท่านั้น!?
    เมื่อวาน (๕ มิ.ย.๖๓) เห็นข่าวว่า หมอเกรียงศักดิ์เดินทางไปรับตำแหน่งที่ขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันก่อนหน้า (๔ มิ.ย.) "หมอชาญชัย" แถลงอำลาที่ขอนแก่น ท่านบอก กำลังปรึกษาทนาย ฟ้องปลัดฯ สุขุม ตามมาตรา ๑๕๗ เป็นการพิสูจน์สัตย์และป้องเกียรติประวัติตัวเอง
    ก็ต้องเช่นนั้น.........
    การฟ้องเพื่อพิทักษ์ธรรม ไม่ใช่การจองเวร
    ถ้าถือว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่กว่าความจริง "ไม่เคยรับเงินทอน ๕%" ปรากฏ ข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง มันเอาตายไปก่อนแล้ว
    ตายไปแล้ว ก็ยังคาประวัติว่า "มีมลทินฉ้อราษฎร์บังหลวง" สืบทอดเป็นมรดกตระกูล!
    ผมอ่านที่หมอชาญชัยให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างกรรม-ต่างวาระ และฟังจากบุคลากรทางแพทย์ขอนแก่น ที่ออกมา "เซฟหมอชาญชัย"
    ปะติด-ปะต่อ ตามเงื่อนไขเวลาและเหตุการณ์แล้ว ทำให้มองเห็นอะไรบางอย่างน่าสนใจ
    ชนิดที่ต้องบอกว่า.......
     เรื่องนี้ ป.ป.ช.เฉยไม่ได้ ควรต้องเข้าไปสอบให้กระจ่าง เพราะเงื่อนงำเรื่องนี้ จะเป็นกุญแจไขไปสู่ความลับดำมืด
    ระหว่าง "โรงพยาบาลกับบริษัทยา"
    ว่าเงินทอน ๕% มูลค่ารวม "นับแสนล้าน" ในระบบทั้งหมดหลายสิบปี ก่อนมีคำสั่งห้ามรับเมื่อปี ๒๕๖๑ หายไปไหน หรือใครเอาไป?   
    นั่นภาพรวม บนการสมประโยชน์โรงพยาบาลที่ต้องซื้อยากับบริษัทยาที่ต้องแย่งกันขายยา สู่ความมะลำ-มะเลือง ที่ชาวบ้านร้องตลอดว่า ยาแพง...ยาแพง
    แต่วันนี้ ผมพูดเฉพาะที่โรงพยาบาลขอนแก่น บนฐานข้อมูลที่ประมวลได้จากข่าว
    หมอชาญชัยเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น ครั้งแรก พฤศจิกา.๕๘
    คุณหมอบอก เมื่อเข้ามา พบว่า รพ.ขอนแก่นมีปัญหาการเงินติดลบ พูดง่ายๆ คือ "ขาดทุน" กว่า ๒๐๐ ล้านบาท
    ไม่ใช่เพิ่งขาดทุน......
    หากแต่ขาดทุนสะสมต่อเนื่องมาเป็น ๑๐ ปี!
    ท่านเข้ามาปรับปรุงกลไกบริหาร จากขาดทุนสะสม โรงพยาบาลกลับมีเงินบำรุงคงเหลือกว่า ๒๐๐ ล้าน ในปี ๒๕๖๐
    หมอชาญชัยปรับปรุงอะไร?   
    ผมจะไม่เอาจากปากหมอชาญชัย เพราะพอดี "ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์" นำปากคำ "คนกลาง" ที่อยู่ในเหตุการณ์มาเขียนไว้ซึ่งตรงกัน ถือเป็นพยานยืนยันได้ ดังนี้
    “เขาเชิญเพื่อนผมเป็นนักวิชาการด้านการเงินการบัญชีที่เก่งเรื่องการเงิน/การบัญชี ไปช่วยแก้ไขปัญหา
    สต๊อกยาในห้องยา, ในวอร์ด, ปัญหาการรั่วไหล, ปัญหาการคีย์ข้อมูลเบิกเงิน จาก สปสช.
    เขาทำให้ของที่ซื้อในราคาเดิมหน่วยละ ๙ บาท เหลือหน่วยละ ๓ บาทได้
    ทำให้ประหยัดเงินโรงพยาบาลไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท"
    อยากให้สังเกตตรงนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะมาชี้ประเด็น
    มาถึงเรื่องบัตรสนเท่ห์ เป็นเหตุให้หมอชาญชัยถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ในข้อหา
    เรียกรับเงินจากบริษัทยา ร้อยละ ๕ เข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างเดือน มี.ค.-ต.ค.๖๑
    ไทยพีบีเอสรายงานข่าวจากคำสัมภาษณ์หมอชาญชัยไว้ว่า.....
    "กรณีการรับเงินบริจาคจากบริษัทยา เรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๘ แต่ภายหลังได้รับคำสั่งจากทางกระทรวงเมื่อเดือน มี.ค. ปี ๒๕๖๑
    ก็ได้ประชุมกรรมการบริหารและทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา
    แต่ยอมรับว่า.......
    ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.๖๑ มียอดเงินบริจาคผ่านกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น เดือนละ ๑ ล้าน ๓ แสนบาท
    จากปกติ จะมียอดบริจาคเฉลี่ยเดือนละ ๒ ล้านบาท
    ซึ่งก็เข้าใจว่า เงินบริจาคไม่ได้มาจากบริษัทยา
    เนื่องจากได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยงาน รวมถึงบริษัทยาด้วย
    ภายหลังกระทรวงฯ มีคำสั่งให้งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา ในเดือน พ.ย. ปี ๖๑ ทางโรงพยาบาลได้ปิด "กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น"
    โดยให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา บริจาคผ่านบัญชี "เงินโรงพยาบาลขอนแก่น" แทน
    นอกจากนี้ หมอชาญชัยได้ชี้แจงกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ รพ.ขอนแก่น ๒๗ พ.ค.และตอบคำซักถามนักข่าวที่กระทรวง ๔ มิ.ย.เป็นไปทางเดียวกันว่า
    ก่อนมีการประกาศห้าม โรงพยาบาลขอนแก่นได้นำเงินที่เข้ามาในลักษณะดังกล่าว เข้าไว้ใน "กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น"
    "ทุกคนบริจาคเงินเข้ากองทุนพัฒนาโรงพยาบาลได้ นำไปลดหย่อนขอคืนภาษีได้มากถึง ๒ เท่า เป็นแรงจูงใจให้คนนำเงินบริจาคกันทุกปี
    และไม่มีการโอนหรือเบิกถอนเงินจากบัญชีนี้ เข้าบัญชีส่วนตัวของผู้อำนวยการ
    มีระบบการลงบัญชีชัดเจน มีคณะกรรมการรับผิดชอบตรวจสอบได้ จึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีการยักยอก
    ขอยืนยันว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหา ไม่เป็นความจริง
    หมอชาญชัยยังบอกด้วยว่า.....
    หลัง ครม.มีมติห้ามรับเงินผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากบริษัทยา สังเกตว่า เงินบริจาคของโรงพยาบาลลดลงเห็นได้ชัด "หลายสิบล้านบาท" ในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย.๖๑
    สรุป จากปากหมอชาญชัย ประเด็นควรมอง คือ
    ๑.บริษัทยาจ่าย ๕% ให้โรงพยาบาล มีมาแต่ปี ๒๕๐๘
    ๒.ครม.มีมติห้ามรับ เมื่อ มี.ค.๖๑
    ๓.รพ.ขอนแก่นขาดทุนสะสมกว่า ๒๐๐ ล้าน หมอชาญชัยเข้ามาปี ๕๘ แก้ไขทางบริหารแล้ว ล้างหนี้หมด กลับมีกำไรกว่า ๒๐๐ ล้าน
    ผลประโยชน์ที่เกิดกับโรงพยาบาลทั้งหมด หมอชาญชัยนำเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น
    ๔.ร้องเรียนเฉพาะช่วง เม.ย.-ต.ค.๖๑ คือหลัง ครม.สั่งห้าม เป็นปีที่มีการย้ายสลับไป-มาระหว่างหมอชาญชัยกับหมอเกรียงศักดิ์
    ๕.เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วก่อนหมอชาญชัยเข้ามาเป็น ผอ.เงินบริษัทยา ๕% และเงินบริจาค เข้าบัญชีไหนหรือใคร?
    และทำไมการจัดซื้อของโรงพยาบาลจึงแพง ๓ เท่าตัว เช่น ของราคา ๓ บาท กลับซื้อราคา ๙ บาท?
    ๖.เมื่อหมอชาญชัยเข้ามา นอกจากล้างขาดทุน กลับมีกำไรแล้ว ยังประหยัดเงินในการจัดซื้อไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้าน แล้วทำไมจึงเกิดข้อหา "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ได้?
    ตรงนี้ ฝากประเด็นคำถามไปถึงกระทรวงสาธารณสุข และ ป.ป.ช.ว่า
    ก่อนปี ๒๕๕๘ ใครเป็น ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น?
    ทั้ง ๕% ทั้งเงินบริจาคทั้งหลาย หายไปไหน จึงขาดทุนสะสมต่อเนื่องตั้ง ๒๐๐ กว่าล้าน
    และทำไม การจัดซื้อจึงแพง ๓ เท่าตัว โดยไม่มีใครร้องเรียนและไม่มีการตรวจสอบเลย?
    เหล่านี้.........
    เป็นเหตุย้าย "หวังกลบ" อะไรหรือไม่ ป.ป.ช.ควรสนใจนะ.

เปลว สีเงิน
ไทยโพสต์ 6มิย2563
หัวข้อ: หมอดี หมอเลว ในเมืองไทย
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 09 มิถุนายน 2020, 04:26:24
คนมีอาชีพหมอก็คือคน เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อว่าเมื่อเป็นหมอแล้วจะต้องดีวิเศษวิโสไปเสียทั้งหมด ขอย้ำว่าหมอนั้นมีทั้งดีและเลว ซึ่งก็นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคน เพราะคนเรานั้นมีทั้งดีและเลว

ปรากฏการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดขอนแก่นคือเครื่องยืนยันว่าหมอนั้นมีทั้งดีและเลว ส่วนจะดีหรือเลวมากแค่ไหน ก็ต้องติดตามดูเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณีนี้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้

ก่อนอื่นผมขอนำเอาข้อความของหมอเชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.) มาให้คุณได้อ่านก่อน (เชื่อว่าหลายคนคงได้อ่านข้อความนี้จากเฟซบุ๊คของหมอเชิดชูมาก่อนแล้ว)
คำถามถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุขผ่านวิญญูชนทั่วไปว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งหรือไม่ ในการที่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สั่งให้ผู้อำนวยการ รพ.ชุมชนทุกแห่งต้องไปต้อนรับผู้อำนวยการ รพ. จังหวัดที่ถูกย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ทุกคน เหมือนราย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ รายนี้แต่น่าสงสัยว่าคำสั่งที่ปลัดกระทรวงสั่งย้ายผู้อำนวยการของ รพ.ขอนแก่น ให้เข้าไปทำงานประจำกระทรวง จากเหตุผลจากการมีแค่บัตรสนเท่ห์ใบเดียวก็สั่งโยกย้ายออกจากตำแหน่ง โดยไม่บอกว่ากรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรายงานว่าอย่างไร มีมูลน่าสงสัยหรือน่าเชื่อถือตามที่ถูกกล่าวหาในบัตรสนเท่ห์ หรือไม่ ก่อนจะตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ต้องรอผลกรรมการสอบสวนวินัยว่าการถูกกล่าวหานั้นเป็นความจริงหรือไม่
อนึ่ง เป็นที่น่าสงสัยเหลือเกิน ขอถามปลัดกระทรวงอย่างตรงไปตรงมา ขอให้กล้าออกมาตอบแบบลูกผู้ชายอกสามศอก อย่าไปยอมตกอยู่ใต้อิทธิพลใดๆ ว่า เหตุการณ์ในการสั่งย้ายผู้อำนวยการรพ.ขอนแก่นเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว แต่ปลัดไม่กล้าฝืนมติบุคลากรรพ.ขอนแก่นที่ออกมาประท้วง และยอมถอยตามมติของบุคลากรรพ.ขอนแก่น ยอมคืนตำแหน่งให้ ผอ.ชาญชัย แต่คราวนี้อยากทราบจริงๆ ว่า ทำไมต้องทำคำสั่งย้ายผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่นคนเดิม แล้วย้ายผู้อำนวยการจาก รพ.พระปกเกล้าคนเดิม กลับมาขอนแก่นแบบเดิม หรืออาจเพราะจะเกษียณอายุราชการแล้วจึงต้องทิ้งทวนทำตามความต้องการของใครบางคนหรือเปล่า มิฉะนั้นจะถูกเปิดเผยอะไรบางอย่างใช่หรือไม่ รอฟังคำตอบอยู่
ขอแนะนำ ผอ.ชาญชัยว่าอย่ายอมก้มหัวหรือยอมจำนนต่อ “อธรรม” แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่รักความเป็นธรรมจะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้ท่านต่อสู้ตามครรลองของกฎหมายเพื่อผดุงความเป็นธรรมให้คงอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขให้ได้ ขอถามข้าราชการแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขว่า พวกเราจะนิ่งเฉย ไม่ยินดียินร้ายต่อการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย หรือเราจะร่วมใจกันต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม และเรียกร้องให้เกิดระบบธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงสาธารณสุข คำถามสุดท้าย ขอถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูลว่า ถ้าท่านอยากจะมีความชอบธรรมในการบริหารงานสูงสุดของกระทรวง และอยากจะเติบโตในการทำงานการเมืองระดับชาติ การที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่าไม่ล้วงลูกเรื่องนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

แพทย์หญิง เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.)
อันที่จริงต้องบอกว่าศึกภายในกระทรวงสาธารณสุขระหว่างหมอๆ ด้วยกันนั้นมีมาทุกยุค บางยุคเล่นกันแรงจนไม่คิดว่าคนมีการศึกษาชั้นสูงจะทำสิ่งต่ำๆ ได้ถึงเพียงนั้น แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่คนวงในประจักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นการยืนยันได้ชัดเจนว่าคนที่จบแพทยศาสตรบัณฑิตนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเสมอไป เพียงแค่เรียนเก่ง ความจำดีก็เรียนจบได้
จริงๆ แล้วเรื่องราวในโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นนั้นยิ่งสาวยิ่งลึก เพราะก่อนที่หมอชาญชัย จันทร์วรกุลชัย จะไปรับตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ต่อจากหมอคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุข ยุคคสช. ได้พบว่ามีข้อไม่น่าจะปกติคือมีเรื่องเงินยืม และเงินสวัสดิการของโรงพยาบาล จำนวน 10 ล้าน ซึ่งในเรื่องนี้เมื่อสืบๆ ลงไปก็พบว่ามีเมียของหมอคนหนึ่งรับจ้างปลูกต้นไม้ในโรงพยาบาล แล้วดันเอาเงินของโรงพยาบาลไปใช้ก่อน เมื่อมีการทวงเงินคืนให้โรงพยาบาล จึงทำให้หมอชาญชัยถูกหมายหัว แล้วถูกเด้งไปเมืองจันทบุรีมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายคนที่ไปแทนหมอชาญชัยก็อยู่ได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องระเห็จกลับไป เพราะประชาคมสาธารณสุขโรงพยาบาลขอนแก่นต่อต้านหนัก เนื่องจากไม่สามารถรับพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจได้ ดังนั้น รัฐมนตรีสาธารณสุขในยุคก่อนคือ หมอปิยะสกล สกลสัตยาทร จึงสั่งให้ทบทวนเรื่องนี้ แล้วหมอชาญชัยก็กลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่นดังเดิม ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลขอนแก่นมีความสุข ทำงานได้ดีต่อไป แต่แล้วจู่ๆ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ ก็มีคำสั่งเรื่องโยกย้ายโดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาอีก ประชาคมการแพทย์ในโรงพยาบาลขอนแก่นจึงรับไม่ได้ แล้วออกมา SAVE หมอชาญชัย จนกลายเป็นข่าวไปทั่วประเทศ
มีเรื่องเล่ามากมายว่า หมอคนหนึ่งที่อยู่ที่เมืองจันท์ทำเรื่องขอไปช่วยราชการที่โรงพยาบาลชุมแพ ทุกวันศุกร์ แล้วจะกลับเมืองจันท์ในวันจันทร์ จึงอาศัยคำสั่งจากบางคนเพื่อให้เรื่องผ่าน แล้วมีคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมหมอรายดังกล่าวใช้รถยนต์ราชการ เบิกจ่ายเงินในการเดินทางไปกลับได้ มีคำถามว่าทำได้อย่างไร รวมทั้งยังมีเรื่องโจษขานในประเด็นรถพยาบาล และเรื่องหนี้สินของโรงพยาบาลชุมชนด้วย เรื่องนี้บรรดาหมอๆ จำนวนไม่น้อยต่างรู้ดี

ประชาคมสาธารณสุขบางกลุ่มบอกว่า ไม่เคยมียุคไหนเลยที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะสร้างความเจ็บช้ำให้ข้าราชการและผู้ใต้บังคับบัญชาได้เท่ายุคของปลัดคนนี้ หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมทำได้ถึงเพียงนี้ หลายคนวิพากษ์ว่าปลัดดีแต่แต่งตั้งโยกย้ายคนของตนเองโดยไม่ได้ดูความถูกต้องชอบธรรม กรณีหนึ่งที่คนในสาธารณสุขพูดถึงมากที่สุดคือ เรื่องหมอวิพรรณ สังคหะพงศ์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไปเป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวง แล้วเพียงปีเดียวก็ดันขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง โดยให้หมอวิพรรณเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 7 กำกับดูแลโรงพยาบาลขอนแก่น นอกจากนี้ยังมีเรื่องแต่งตั้งหมอยงยศ ธรรมวุฒิ จากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคนในสาธารณสุขวิจารณ์กันขรมว่าข้ามหัวผู้อาวุโสหลายคน แต่ที่สำคัญคือไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นตำแหน่งวิชาการกระโดดข้ามไปเป็นรองปลัดกระทรวง โดยไม่ผ่านการเป็นผู้ตรวจราชการ หรือตำแหน่งบริหารระดับสูงมาก่อน ส่วนหมอยงยศเป็นใคร คนในกระทรวงสาธารณสุขรู้ดี และรู้ดีว่ามีโยงใยอย่างไรกับกลุ่มแพทย์ชนบทบางจำพวก คนที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดรู้ดีด้วยว่าหลังจากตั้งหมอยงยศเป็นรองปลัดฯ แล้ว ปลัดสุขุมกาญจนพิมาย ก็ตั้งให้หมอยงยศเป็นประธานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในกระทรวง โดยมีคดีใหญ่ให้พิจารณาคือบัตรสนเท่ห์ของรพ.ขอนแก่น เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนที่รู้เกมเข้าใจลึกซึ้งแล้วว่าใครวางแผนชั่วอะไรไว้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลือกันดังลั่นสนั่นเมืองในสถาบันโรคทรวงอกด้วย หมอสุขุมเกี่ยวพันกับสถาบันนี้แค่ไหน คนสาธารณสุขรู้ดีมาก อย่าลืมว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจนกลายเป็นคำถามใหญ่ในสถาบันนี้คือหน้ากากอนามัยชนิด N95 หายไปจากที่นี้มากมาย (คนในบอกว่าหายไปเป็นพันชิ้น) หายไปไหน หายไปอย่างไร มีคนบางคนเล่าให้ฟังว่าได้รับแจกหน้ากากชนิดนี้ เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนหลักสูตรหนึ่งกับบิ๊กสาธารณสุขคนหนึ่ง ประหลาดใจไหมที่หน้ากากซึ่งหมอต้องการมากในยุคโควิด-19 ระบาดหนัก แต่มันกลับหายไปจากสถาบันโรคทรวงอกแบบมีเงื่อนงำ
คนสาธารณสุขรู้ดีอีกว่าบิ๊กสาธารณสุขรายนั้นมีเรื่องแค้นฝังใจกับหมอสุวรรณี ตั้งวีระพรพงศ์ ผอ.ใหม่ที่รับตำแหน่ง ผอ.สถาบันโรคทรวงอกต่อจากหมอสุขุม เรื่องนี้คนสาธารณสุขบอกว่าไม่คิดว่าจะเล่นกันแรงถึงเพียงนี้ เพราะสุดท้ายแล้วหมอสุวรรณีถูกเล่นงานหนักมาก เรียกได้ว่าแทบจะหมดความเป็นคนไปเลย
วันนี้คนอ่านคอลัมน์นี้อาจจะรู้สึกคันใจมาก และอาจตั้งคำถามว่าทำไมไม่เขียนอะไรให้ตรงๆ จะจะแจ้งๆ เหมือนวันก่อนๆ ก็ต้องขอเรียนว่า เรื่องเละๆ เทะๆ ภายในกระทรวงสาธารณสุขที่นำมาเล่าให้ฟัง เพื่อชวนคุณๆ คิดไปด้วยกันในวันนี้มีความสลับซับซ้อนและยุ่งเหยิงมาก คนวงในเท่านั้นที่รู้ดี และรู้ลึก ส่วนคนวงนอกอย่างเราๆ ท่านๆ ที่เป็นผู้อยู่ห่างจากแวดวงหมอก็อาจจะเกาหัว เพราะคาดไม่ถึงว่าหมอบางคนมีพฤติกรรมสามานย์มากถึงเพียงนั้น
 แต่ขอย้ำนะครับ หมอก็คือคน เพราะฉะนั้นไม่มีใครรับรองได้ว่าหมอต้องเป็นคนดีทุกคน คุณเคยดูละครซีรี่ส์อเมริกันเรื่อง Gray’s Anatomy ไหมครับ ถ้าคุณเป็นแฟนseries นี้ รับรองคุณจะเข้าใจได้ว่าหมอก็คือคนคนหนึ่ง ซึ่งมีทั้งดีและเลว เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่หลงบูชาว่าหมอคือคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอให้กลับไปทบทวนความคิดโดยด่วนครับ ขอย้ำว่าหมอดีๆ ก็ยังมีอีกมาก ส่วนหมอเลวๆ ก็มีมิใช่น้อย

เขียนให้คิด
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
แนวหน้า 7มิย2563
หัวข้อ: เรียน ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ที่เคารพ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 09 มิถุนายน 2020, 05:37:39
7 มิถุนายน 2563
เรียน ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ที่เคารพ
กระผมนายแพทย์ชาติชาย สามัคคีนิชย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี ขออนุญาตเรียนเสนอความคิดเห็นส่วนตัวต่อท่านปลัด ตามรายละเอียดดังนี้
1. ขอยกย่องและชื่นชมท่านปลัดในฐานะผู้นำองค์กรในการแก้ปัญหาโรคติดต่อโควิด 19 จนสามารถทำให้ประชาชนในประเทศมีความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
2. ในกรณีการโยกย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล กระผมมีความคิดเห็นส่วนตัวอยากเรียนเสนอท่านปลัดดังนี้
2.1 เห็นด้วยกับการให้นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุลเข้าสู่กระบวนการสอบสวนอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ควรตั้งกรรมการสอบสวนที่มีความเป็นกลางตามข้อเสนอของผู้ถูกกล่าวหา
2.2 ท่านปลัดไม่ควรกังวลว่าจะถูกหาว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่ต้องตรวจสอบข้อร้องเรียน เพราะที่ผ่านมาสังคมเห็นแล้วว่าท่านปลัดได้ดำเนินการตามระเบียบ แต่กระผมปรารถนาให้ท่านปลัดระมัดระวังประเด็นที่ว่ามีเจตนากระทำเกินกว่าเหตุ หรือ ไม่ปฏิบัติตามจารีตและธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งส่วนตัวกระผมก็เห็นว่าการกระทำที่ท่านปลัดปฏิบัติอาจจะเกินกว่าเหตุจริง
2.3 ถ้าท่านปลัดรักและปรารถนาดีต่อนายแพทย์ชาญชัยและนายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ จริง ท่านปลัดควรจะย้ายนายแพทย์เกรียงศักดิ์ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นในขณะนี้ก่อน เพราะการโยกย้ายที่ผ่านมาทำให้เกิดความไม่เข้าใจและไม่สบายใจแก่บุคคลทั้งสอง รวมทั้งองค์กรภาพรวม ที่สำคัญอาจจะนำไปสู่ความผิดใจหรือความไม่ลงรอยของบุคคลทั้งสองที่ท่านรักในอนาคต
สุดท้าย เพียงบัตรสนเท่ห์ที่ไม่ลงนามเพียงใบเดียวท่านปลัดยังให้ความสำคัญอย่างมาก หวังว่าข้อคิดเห็นของกระผมและข้อคิดเห็นต่างๆ อีกนับพันของบุคคลที่มีตัวตน หลักแหล่งชัดเจนในสื่อต่างๆ น่าจะได้รับความสำคัญในการพิจารณาเช่นเดียวกัน
การตัดสินใจเพื่อความถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องของการแพ้หรือชนะ ก่อนหน้านั้นท่านปลัดอาจตัดสินใจด้วยข้อมูลประมาณหนึ่ง ณ วันนี้ข้อมูลที่ท่านปลัดได้รับมีมากขึ้น การตัดสินใจใหม่เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อองค์กรจึงพึ่งกระทำ
หวังว่าเนื้อความในจดหมายที่กระผมนำเรียนจะเป็นประโยชน์

ด้วยความเคารพอย่างสูง
นายแพทย์ชาติชาย สามัคคีนิชย์

จากเฟสบุ๊ค  Chatchai Samukkeenit
7 มิถุนายน 2563
หัวข้อ: ชมรมแพทย์อ้างชนบทต้องการฆ่าปิดปากคดีหลุมดำ 5% โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 10 มิถุนายน 2020, 00:52:14
โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น มีอะไรดี ทำให้นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ถึงได้ต้องพยายามมาและพยายามหลายครั้ง ทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ และถูกตั้งข้อสงสัยมากมายเหลือเกิน

อันที่จริงประธานชมรมแพทย์ชนบท ไม่ได้อยู่ชนบทมานานแล้ว เพราะอำเภอชุมแพ โรงพยาบาลชุมแพ ที่เป็น ผอ. มี ถนนหน้าโรงพยาบาล 8 เลน และมีธนาคารพาณิชย์ไม่ต่ำกว่า 10 ธนาคาร เต็มไปทั้งอำเภอมา 20 กว่าปีได้แล้ว เจริญมาก แต่ก็ยังไม่อยากยกระดับโรงพยาบาลเสียที เพราะรายได้ของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในฐานะแพทย์ในชนบทจะหายไปใช่หรือไม่?

แล้วทำไมไปอยู่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี อันเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ มีนิสิตแพทย์จุฬาฯ ไปเรียนด้วยตลอด มีวิทยาลัยพยาบาลรำไพพรรณี แทบจะถือได้ว่าเป็นโรงเรียนแพทย์และแทบจะใหญ่กว่าโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น กลับอยากย้ายกลับมาโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยมีความพยายามอย่างหนักอย่างน้อยสองครั้งสองครา ถึงกับต้องสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีหรือสร้างหลักฐานเท็จหรือไม่ โดยมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขและรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วยช่วยกัน สมคบคิดกันด้วยหรือไม่

ว่าแต่ว่า ไม่ได้เป็นแพทย์ชนบทแล้ว ทำไมจึงยังเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทไปตลอดกาลเช่นนี้ได้ ไม่มีวาระหรืออย่างไร?

คำถามเหล่านี้สาธารณชนมีสิทธิถามได้ เพราะนี่คือหน่วยงานของรัฐ และการวิจารณ์หน่วยงานของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสิทธิของประชาชนและวิญญูชนพึงกระทำได้

นายแพทย์พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เขียนบนเฟซบุ๊ก Pisit Euavongkul ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับชมรมแพทย์ชนบทอันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล ส. เอาไว้ว่า

ผมอยากทราบว่า คำว่า”ชมรมแพทย์ชนบท”หมายถึงใคร? มีสมาชิกกี่คน? วัตถุประสงค์ของการมีชมรมนี้ มีเพื่ออะไร?

ผมเป็นแพทย์ที่อยู่ในชนบทมาตลอดตั้งแต่เรียนจบจนเกษียณ ตั้งแต่เป็นแพทย์ประจำ รพ., เป็นผู้อำนวยการ รพ., ผมแทบจะไม่เคยไปร่วมสังฆกรรมกับชมรมนี้เลย เพราะผมแทบไม่เห็นเลยว่าพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์อันใดกับชมรมนี้

เห็นมีแต่การรวมกลุ่มของหมอไม่กี่คน ตั้งประธานกันยังไงผมยังไม่รู้เลย เกาะกันเป็นกลุ่ม สร้างภาพ,

สร้าง power เหมือนมีหมอชนบททั้งประเทศหนุนหลัง (ทั้งที่ไม่จริง) จนนักการเมืองที่เข้ามาบริหารกระทรวงเกรงอกเกรงใจกัน เท่าที่เห็นก็คือเอาไว้ต่อรองผู้มีอำนาจในกระทรวง

ผมอยากเตือนท่าน รมว|รมช|ปลัด ว่าอย่าหลงคารม อย่าหูเบา อย่าถูกหลอกใช้ ผมเชื่อว่า ถึงไม่มีชมรมนี้เลย งานของกระทรวงก็สามารถดำเนินการได้เหมือนเดิม เผลอ ๆ จะดีกว่าเดิม มีธรรมาภิบาลมากขึ้น

อยากให้ไปลองอ่านบทความ
• ความสำเร็จ และ การสืบทอดของแพทย์ชนบท
• ชมรมแพทย์ (อ้าง) ชนบท ?
และ อวสานแพทย์ชนบท
เพื่อให้เข้าใจเบื้องหน้าเบื้องหลังกันเสียหน่อย

ที่ลุงเปลว สีเงิน เขียนคอลัมน์คนปลายซอย บทความชื่อ หลุมดำ ๕% “รพ.ขอนแก่น” แม้จะอ้างชื่อผม แต่ผมขอยืนยันว่าไม่ได้คุยกับลุงเปลว สีเงิน เลยในช่วงที่ผ่านมาในเรื่องนี้ แม้ว่าปกติจะคุยกันเป็นระยะ ๆ มาตลอด ก็ตาม ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า ทำไมพวกอ้างชนบท ถึงได้อยากมา โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลภูธรหัวเมืองใหญ่กันมากเหลือเกิน

และใครเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ก่อนหน้านี้มาเป็นสิบปี ที่ทำให้โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ขาดทุนย่อยยับ เกือบ 400 ล้านบาท ในวันที่นพ.ธรรมนูญ วิสิฐธนวรรธ มารับตำแหน่งผอ. โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นอยู่หนึ่งปี ในปี พ.ศ.2557-2558 ก่อนที่จะย้ายไปโรงพยาบาลอุดรธานี เพื่อไปแก้ปัญหาที่โรงพยาบาลอุดรธานีก่อนจะเกษียณอายุราชการไป การบริหารเพียงหนึ่งปีก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาอะไรมากนัก หมอธรรมนูญแค่ศึกษาปัญหาและสาเหตุของปัญหาการขาดทุนหนักมากยังไม่ทันจะรู้เรื่องดีนักก็ย้ายไปแก้ปัญหาอีกที่ ปัญหาที่ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นในระหว่างปี พ.ศ.2550-2557 หรือประมาณเจ็ดปี ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นขาดทุนหนักมาก

หลังจากนายแพทย์ธรรมนูญย้ายไป หมอชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จึงมารับตำแหน่งแทน ท่ามกลางปัญหาที่หนักหน่วงและหนี้ที่ตนไม่ได้ก่อไว้ โดยเป็นผอ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ถึงปัจจุบัน คือ 5 มิ.ย. 2563 ที่ถูกย้ายเข้ากระทรวง

นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ชื่อเล่น เตี้ย หรือ พี่เตี้ย ของน้อง ๆ ชมรมแพทย์ชนบท เป็นแพทย์ชนบทรุ่นกลาง ต่อจากรุ่นใหญ่ รุ่นแรก อันได้แก่ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล ส. อันแนบแน่น โปรดอ่านได้จาก ตระกูล ส คือใคร? และ องค์การอิสระและองค์การเอกชนในเครือข่ายตระกูล ส: การไขว้ตำแหน่งและการขัดกันแห่งผลประโยชน์”

ทั้งนี้นายแพทย์วีระพันธุ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ดสสส.) คนที่ 2 มีความเชื่อมโยงกับตระกูล ส. ชมรมแพทย์ชนบท และมูลนิธิแพทย์ชนบทอย่างชัดเจน โปรดอ่านได้จาก ชมรมแพทย์ชนบทและตระกูล ส.

นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เคยเป็นกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท และเคยมีส่วนร่วมในการขอเงินจากสปสช ในขณะที่นายแพทย์ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช ในสมัยนั้นเป็นกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบทด้วย ดังปรากฎในรายงานด้านล่างนี้

ทั้งนี้นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น หลังจากเกษียณอายุราชการได้ไปเป็นรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 2 สืบต่อจากนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ที่ถูกปลดออกจากบอร์ด สสส. ด้วยมาตรา 44 ตามคำสั่งของ คสช. และนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒนนี้ก็เป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบทด้วย และเป็นประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบทคนปัจจุบัน

ในแผนผังข้างล่างในความเชื่อมโยงของมูลนิธิแพทย์ชนบทและชมรมแพทย์ชนบทนั้น ผมพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับกรณีนายแพทย์ชาญชัย ถูกสอบวินัยร้ายแรงทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงมาก

ข้อแรก นายแพทย์ สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ในฐานะผู้ดูแลโรงพยาบาลทั้งหมดในจังหวัดขอนแก่น เคยเป็นอดีตเลขานุการ ชมรมแพทย์ชนบท
ข้อสอง นายแพทย์ ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นายแพทย์ชาญชัย ผอ. รพศ. ขอนแก่น เคยเป็นอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท
ข้อสาม นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน มีนายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งต่อใน สสส

ทั้งหมดทั้งปวง น่าจะโยงใยไปที่นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ตลอดกาลที่ย้ายข้ามประเทศมาเป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นหรือไม่

วันก่อนผมสนทนากับสื่อมวลชนประจำกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่งได้เล่าให้ผมฟังว่า อาจารย์ขา รพศ.ขอนแก่นนั้นเป็นฐานของพวกแพทย์ชนบทมานาน ขาดเหลืออะไร หมอวีระพันธ์ก็ให้เงินสวัสดิการโรงพยาบาลขอนแก่นไปที่ชมรมแพทย์ชนบท ครั้งละ ห้าแสนบาท ผมก็ถามว่ามีหลักฐานไหม ได้คำตอบว่าไม่มี แต่วันนี้มีคนส่งมาให้ครับ ตามรูปข้างล่างนี้

แต่เรื่องนี้ผมไม่ตกใจเท่า เงินสวัสดิการโรงพยาบาลขอนแก่น มีการโอนเข้าบัญชีอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นเองด้วย สองครั้ง ครั้งละล้านสี่และสองล้านห้าแสนบาท อันนี้ผมว่าน่าตกใจ และดูน่าสงสัยหากเอกสารนี้เป็นจริง น่าจะเป็นการทุจริตหรือไม่ ผมคิดว่า ป.ป.ช. ควรต้องลงไปตรวจสอบให้กระจ่างชัด

ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการฆ่าปิดปากนายแพทย์ชาญชัยเพื่อเข้าไปทำลายหลักฐานทางราชการได้

ผมยิ่งมาถึงบางอ้อ เมื่อมีอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่ง เขียนบทความมาให้ผมอ่านดังนี้

#ชำแหละหลุมดำ๕เปอร์เซนต์ #บัญชีลับ #บัญชีเงินนอกระบบเพื่อใช้ในระบบเรื่องดำมืดในโรงพยาบาลหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมีมานาน
กองโรงพยาบาลภูมิภาคกับกองสาธารณสุขภูมิภาค ในสมัยก่อนใหญ่มาก ผู้อำนวยการสองกองนี้ก็ใหญ่มากเรียกกันว่าปลัดน้อยเพราะเงินงบประมาณสำหรับโรงพยาบาลจังหวัดผ่านกองโรงพยาบาลภูมิภาค งบสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลอำเภอผ่านกองสาธารณสุขภูมิภาค

เงินงบประมาณส่วนใหญ่จองกระทรวงสาธารณสุจผ่านมาลักษณะนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลอำเภอ บางส่วนโรงพยาบาลอำเภอจัดซื้อเอง ส่วนโรงพยาบาลจังหวัดก็จัดซื้อเอง

การซื้อยาและเวชภัณฑ์มีส่วนลด

หมอที่ทำคลินิกส่วนตัวก็มีส่วนลดส่วนแถมทำให้หมอที่เปิดคลินิกรู้ว่าการซื้อยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์มีส่วนลด แล้วส่วนลดนั้นไปไหน?

ผู้แทนบริษัทยา/เครื่องมือ/เวชภัณฑ์เล่าว่า ผอ.รพ.อำเภอบางแห่งขอเปอร์เซนต์ 5-10-15-20-25-30-40-50%ก็มี สสจ. สมัยก่อนบางคนมีฉายามิสเตอร์เทน คือแกเอา10%ทุกรายการ โรงพยาบาลจังหวัดก็มี เงินส่วนนี้มีบัญชีสวัสดิการที่มีคนรับรู้เพียงหลักๆก็ ๒ คน คือการเงินผู้ถือสมุดบัญชีธนาคาร กับผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด คนอื่นๆถ้าผู้อำนวยการหรือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมอบหมายจึงจะรู้ ว่ามีเท่าไร

อย่างโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีงบประมาณปีละร่วม3พันล้านจะมีบัญชีนี้ประมาณเท่าไร? อย่างน้อยก็ปีละ150ล้าน เงินนี้มีเพื่ออะไร?

ทางไปมีทั้งทางกุศลและอกุศล

ทางกุศล เช่น

ใช้ในกิจการรพ.ที่ไม่สามารถใช้เงินบำรุงตามระเบียบกระทรวงการคลัง เช่นส่งแพทย์พยาบาลไปเรียนหลักสูตรระยะสั้นตามความต้องการของโรงพยาบาล เช่น ส่งไปเรียนเป็น auditor หรือ surveyor ในการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล

ไปประชุมวิชาการทางการแพทย์การพยาบาล

การให้สวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่งานศพ งานแต่งงาน ของเยี่ยมเมื่อเจ็บป่วย
การซื้อเครื่องเครื่องมือแพทย์
การก่อสร้างซ่อมแซมต่างๆ
การซื้อคอมพิวเตอร์การซื้อโปรแกรมต่าง ๆ มาลง
การจ้างวิทยากรมาฝึกอบรมบางทีการเบิกตามระเบียบราชการก็จะหาวิทยากรไม่ได้ เพราะเรทต่างกัน การปรับปรุงห้องพิเศษ การปรับปรุงห้องประชุม

การจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมต่างๆ ที่งบประมาณไม่มี มีจำกัด ระเบียบไม่ให้แต่จำเป็นต้องมี ทั้งในช่วงงบประมาณปี ๒๕๖๓ ออกล่าช้า เพราะ พรบ.ยังไม่ผ่านสภา งบต่อต้านโควิด 19 ยังไม่มี ก็ได้ใช้ส่วนนี้สำรองทดรองจ่ายไปก่อน

ส่วนอีกทางคือทางอกุศล เช่น
ใช้จัดเลี้ยงรับรองผู้บริหารระดับสูงใช้รับรองผู้มาตรวจ
ใช้ในกิจกรรมโรงพยาบาลเช่น งานปีใหม่

งานเลี้ยงรับรองผู้ตรวจราขการที่ไม่มีงบประมาณให้เบิก เพราะผิดระเบียบกระทรวงการคลังและเลี้ยงไวน์ตีตีกอล์ฟ รวมทั้งออกค่าใช้จ่ายค่าที่พักค่ารับรอง งบเอนเตอร์เทนแขก ผู้บริหารระดับสูงแม้ทางผู้มาตรวจเยี่ยมก็สามารถเบิกได้แต่ทางโรงพยาบาลหรือสาธารณสุขจังหวัดจัดให้ไม่ต้องจ่ายแต่ไปเบิกได้ รวมทั้งของฝากมากน้อยถูกแพงก็ตามอัธยาศัยของผู้มาตรวจเยี่ยม

ถ้าผู้มาตรวจเยี่ยมมีอำนาจมากมีอิทธิพล การรับรองต้องพิเศษยิ่งๆขึ้น อาจต้องเลี้ยงร้านหรู อาจต้องมีการแสดง มีคาราโอเกะ มีตีกอล์ฟ มีไวน์ บรั่นดี วิสกี้ และชอบตีกะหรี่ ก็ต้องหากะหรี่มาให้ และของฝากของที่ระลึกสุดแต่ผู้ให้และผู้รับจะคาดหวังอะไร ห้องพักพิเศษๆ มีการดูแลตั้งแต่มาเหยียบเมืองจนจากไป ผู้ตรวจราชการบางคนอาจชอบไวน์ขวดละสองหมื่นห้า ก็จัดให้ เป็นต้น อันนี้รวมๆความมาแต่โบราณ เป็นที่มาของการมีเงินในบัญชีที่เรียกว่า สวัสดิการ

การรับแขกบ้านแขกเมืองไม่เท่านั้น ยังมีเมืองต่าง ๆ มีอะไรเป็นไฮไลท์ก็ยังจัดให้ท่านและคณะไปลิ้มชิมและทัศนศึกษา งบจากกระทรวงการคลังคงจะจัดให้ไม่ได้ แต่บัญชีนี้บางทีอาจมีใส่ซอง ก็ยังทำได้

ยุคหนึ่งปลัดกระทรวงคนหนึ่งมีข่าวว่ารมต. จะปลด แต่แกก็รอดได้ทุกครั้ง ก็มีเรื่องเล่าว่าแกโทรหาผอ.โรงพยาบาลหลายแห่งที่ส่งคนสนิทกันไปอยู่ น้องเอ๊ย พี่จะถูกเขาปลด ถ้าไม่มีเงินให้เขา น้องช่วยพี่สักสิบล้านได้ไหมพรุ่งนี้ใส่ถุงมาให้อย่าโอน อย่าใช้เช็ค นักการเมืองก็ต้องใช้เวลาในการนับเงิน แต่ละเดือนๆ เดือนแล้วเดือนเล่า ไม่มีเวลาลงนามย้ายปลัดจนปรับครม

ก็มีทางไปแบบอกุศลอีกแบบหนึ่ง

มีเรื่องเล่าว่าจังหวัดหนึ่งผู้อำนวยการเกษียณไปตัวเปล่าๆ บัญชีสวัสดิการมอบให้ผู้มารับช่วง ๒๐๐ ล้านบาท ตลอดเวลาก่อนไปได้ใช้เงินสวัสดิการสร้างคุณูปการแก่โรงพยาบาลสนับสนุนการพัฒนา การซื้อเครื่องมือแพทย์ ส่งหมอพยาบาลไปเรียนเพิ่มเติม แต่คนต่อมาได้จากไปพร้อมกับทิ้งบัญชีมีเงินเหลือ ๑๐ กว่าล้านบาทเท่านั้น

จังหวัดหนึ่งการเงินโรงพยาบาลต้องลาออกจากราชการเพราะยักยอกเงินในบัญชีสวัสดิการหลายล้านบาทผู้อำนวยการเอาผิดไม่ได้จึงใช้วิธีบีบจนทนไม่ไหว

ล่าสุดห้าหกปีก่อนโรงพยาบาลใหญ่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสานผู้อำนวยการอยู่นับสิบปี เพราะเป็นบุคคลสำคัญในกลุ่มที่มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งซึ่งนักการเมืองคร้ามเกรง แต่ละปีนำเงินจากบัญชีสวัสดิการเข้ากระเป๋ารวมๆสะสมก็หลักร้อยล้าน เกษียณไปมีร่องรอยให้ผู้อำนวยการคนต่อมาลำบากใจต้องขอย้ายไปจังหวัดอื่น คนที่มาอยู่ก็พบปัญหาทุจริตและบัญชีสวัสดิการจึงคิดนำบัญชีสวัสดิการมาทำให้ถูกต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ แต่การดำเนินการทำให้ปมเดิมของกลุ่มอิทธิพลประทุ จึงมีความพยายามจะย้ายผู้อำนวยการรายนี้ออกไปและนำคนในกลุ่มอิทธิพลมาช่วยกันกลบเกลื่อนทำลายหลักฐาน

เรื่องเล่ามานี้เป็นจริงทั้งสิ้น และเป็นสิ่งที่สังคมควรรับรู้ และนายกรัฐมนตรีควรบัญชาการชำแหละชำระและพัฒนาให้บัญชีนี้มาอยู่ในที่สว่างสามารถตรวจสอบได้

จริงจังและรวดเร็วก่อนที่หลักฐานจะหายไปหมด

ผมขอทิ้งท้ายด้วยข้อเขียนของนายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข ว่า

ได้ข่าวบุคคลที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ มาถึง รื้อทีมงานการเงิน ใหม่หมด เอาคนนอกมาทำ ท่ามกลางเสียงลือว่าอาคารก่อสร้างผลงานในอดีตตรวจรับไม่ได้เพราะผิดสเป็คไม่นับคุณไสย ตุ๊กตาเทพ ขุดต้นไม้ของคนเก่าแบบถอนรากถอนโคน ลงอาคมปลุกกำลังใจให้ตนเอง

จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ??? ที่แน่ ๆ สงสัยจะมีคนใหญ่กว่ารัฐมนตรีแล้วล่ะ ประเทศเรา

พี่น้องผู้เดือดร้อน ควรส่งเสียงหน่อย ระวัง! เงินที่คนเก่าหามากองสะสมไว้เยอะแยะ จะหายไปหมดหนาาา

ไอ้เรื่องเงินหายก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องฆ่าปิดปากทำลายหลักฐานน่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก ถ้าอยากให้บ้านเมืองมีคุณธรรม กระทรวงสาธารณสุขมีธรรมาภิบาล ไม่ได้ปกครองกันด้วยมาเฟีย กลั่นแกล้งรังแกคนทำงานที่ทำความดีด้วยความสุจริตใจแล้ว นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกุลต้องไม่ลอยตัว และต้องกล้ารื้อ ต้องกล้าตรวจสอบย้อนหลังการใช้เงินเหล่านี้ของทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย ให้ถูกต้องและโปร่งใส

ชมรมแพทย์อ้างชนบทต้องการฆ่าปิดปากคดีหลุมดำ 5% โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นหรือไม่? คงเป็นคำถามที่ประชาชนและสังคมต้องการคำตอบที่โปร่งใส ชัดเจน เป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

8 มิ.ย. 2563 11:57   โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
https://mgronline.com/daily/detail/9630000059121
หัวข้อ: จดหมายเปิดผนึกถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี-สาธารณสุข
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 11 มิถุนายน 2020, 23:33:07
จดหมายเปิดผนึกถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
๗ มิถุนายน ๒๕๖๓
เรื่อง ขอให้ทำหน้าที่ดูแลความสงบสุขของบุคลากรโรงพยาบาลศูนย์ ขอนแก่น และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข
เรียน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่ปรากฎข่าวว่า นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันท์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ไปประจำกระทรวงแบบเร่งด่วน (ประดุจฟ้าผ่า) และสั่งให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ย้ายไปรักษาการผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น และเป็นข่าวใหญ่ที่ฝืนความรู้สึกของบุคลากรส่วนมากของโรงพยาบาลขอนแก่น จนมีการออกมาชุมนุมกันเป็นจำนวนนับพันคน ในการพร้อมใจกันเรียกร้อง ให้ ช่วย "save หมอชาญชัย" แต่ก็มีข่าวอย่าง "เย็นชา" ออกมาจากเจ้ากระทรวงว่า จะ "ไม่ล้วงลูก" ในเรื่องนี้ แม้ภายหลัง ท่านรัฐมนตรีออกมากลับลำว่า สั่งให้ปลัดกระทรวงทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และจะ "เรียก"ผอ.ชาญชัยเข้าพบ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ก็พอยอมรับได้ ว่า ท่านตื่นรู้แล้วว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกระทรวง รวมทั้งปลัดกระทรวงก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ที่ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบ ควบคุม และบังคับบัญชา ให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่ในการบริหารงานของกระทรวง ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ วินัย โดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หรือ หลักธรรมาภิบาล ทั้งงานบริหารบุคคล และบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร
และตัวท่านรัฐมนตรีเอง ก็ยังดำรงตำแหน่ง สส. คือเป็น ผู้แทนของราษฎร ฉะนั้นตามระบบรัฐสภา ผูู้แทนราษฎรควรไปรับฟังความทุกข์ ความอึดอัดคับข้องใจ ในทุกๆปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราษฎรที่กำลังมีความทุกข์และความอึดอัดคับข้องใจนี้ มีเป็นจำนวนมาก และเป็นบุคลากรที่ทำงานรับใช้ประชาชนชาวขอนแก่น ในการดูแลรักษา สุขภาพประชาชนชาวขอนแก่น ให้มีสุขภาพสดี แข็งแรง หายป่วย หายทุกข์กาย ทุกข์ใจ ผ่านพ้นโรคภัยต่างๆมาด้วยดี
แต่บัดนี้ บุคลากรรพ.ขอนแก่น กำลังมีความทุกข์ร่วมกันเป็นจำนวนพันกว่าคน โดยเฉพาะมีความทุกข์ใจที่ผอ.ชาญชัย จันทร์วรกุล กำลังถูกปลัดกระทรวงกระทำต่อผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น ที่เขาเชื่อว่าเป็นคนดี คนที่เขารักและศรัทธา อย่างไม่เป็นธรรม แต่ท่านรัฐมนตรี กลับไม่สนใจที่จะไปเยี่ยมเยียน ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบของข้าราชการใต้บังคับบัญชาของท่านนับพันคน กับเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อไต่ถาม ข้อมูลกับคนในพื้นที่ เหมือนกับการไปสอบสวนโรค หาสาเหตุของโรค และขจัดโรค คือ ขจัดความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ อึดอัด คับข้องใจ และแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วยให้เกิดขวัญกำลังใจ แก่บุคลากรสาธารณสุขนับพันคน เพื่อให้เขาเหล่านั้นจะได้มีกำลังใจ ในการทำงานดูแลรักษาประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนให้ดีที่สุด เพราะคนที่มีความทุกข์ คงหมดกำลังใจที่จะทำงานให้เต็มที่ เพราะไม่แน่ใจว่า ทำดีแล้วก็ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแบบที่ผอ.ชาญชัยถูกกระทำ เช่นนี้ หรือไม่ หรือถ้าท่านไปถามผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงแล้ว คิดว่าปลัดกระทรวงทำถูกแล้ว ท่านก็ต้องไปแถลงข่าวที่รพ. ขอนแก่นเลย ดูซิว่า บุคลากร รพ.ขอนแก่น จะเชื่อข้อไหน คือ ยังศรัทธาในผอ.ชาญชัย หรือหันกลับมาเห็นด้วยกับปลัดกระทรวง
หวังว่า ท่านรัฐมนตรี จะพิจารณา จดหมายฉบับนี้ เพราะเขียนขึ้นด้วยความปรารถนาดี ต่อกระทรวงสาธารณสุข

ขอแสดงความนับถือ
พญ. เชิดชู อริยศรีวัฒนา
ข้าราชการบำนาญกระทรวงสาธารณสุข
หัวข้อ: อดีตประธานชมรมรพ.ศูนย์เรียกร้องตรวจสอบธรรมาภิบาลในสธ. รวมตัวยื่นจดหมายเปิดผนึก
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 11 มิถุนายน 2020, 23:39:03
เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 11 มิ.ย.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มข้าราชเกษียณ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารภายในกระทรวงสาธารณสุข สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการโยกย้ายนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ให้มาปฏิบัติราชการที่กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีถูกบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนรับเงินบริจาคบริษัทยา
นพ.ประเสริฐ ขันเงิน อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ประธานชมรมฯ พศ.2554-2556 กล่าวว่า สมาชิกชมรมไม่สบายใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่รพ.ขอนแก่น เมื่อประมวลเรื่องราวตั้งแต่ปี 2561 มีข้อสงสัยหลายประเด็นในการใช้อำนาจของปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าได้ใช้ดุลยพินิจโดยชอบหรือโดยอคติ หวังผลเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือไม่ ถ้าข้อสงสัยนี้เป็นจริงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดกับที่อื่นอีกหรือไม่
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และท้าทายธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข แต่เชื่ออย่างยิ่งว่าท่านรองนายกฯเป็นผู้มีความยุติธรรม จะลงมาตรวจสอบและแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเป็นหลังพิงที่แข็งแรงให้กับน้องๆ ที่ตั้งใจทำงานโดยสุจริตเพื่อประชาชนและประเทศชาติ” นพ.ประเสริฐกล่าว
ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 บุคลากรทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุขภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากประชาชนชาวไทยและประชาคมโลก กำลังใจจากประชาชนทั่วประเทศเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้บุคลากรทุกระดับมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติงานต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏทั้งจากสื่อและสังคมออนไลน์ สร้างความเคลือบแคลงและสงสัยต่อสังคมในเรื่องธรรมาภิบาลในการบริหารภายในกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของบุคลากรสาธารณสุขอย่างรุนแรง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงต่อธรรมาภิบาลในการบริหารภายในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายที่แปลกประหลาดในหลายจังหวัดเช่นที่ รพ.ขอนแก่น รพ.เลย รพ.กาฬสินธุ์ เกิดการรวมตัวคัดค้านจากทางบุคลากรสาธารณสุข ประชาชนและภาคเอกชนในหลายพื้นที่ จนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นต้องออกมาตรวจสอบและพบว่ามีการโยกย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และนโยบายของรัฐมนตรีในเรื่องการโยกย้ายในรพ.ขนาดใหญ่ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเลย น่าเสียดายที่ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ต้องลาออกจากราชการในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ความเคลือบแคลงของสังคมต่อธรรมาภิบาลในการบริหารภายในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณะสุขเกิดจากข้อสงสัยในการใช้อำนาจของผู้บริหารในการแต่งตั้ง โยกย้ายและการดำเนินการทางวินัย ที่อาจเกิดจากอคติ และมุ่งหมายเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง ทั้งนี้สังเกตจากกรณีที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นดังนี้
1.คำสั่งที่ 1217 / 2561 โยกย้ายผอ.รพ.ขอนแก่น (1000 เตียง) ไปรพ.พระปกเกล้าฯ จันทบุรี (755 เตียง) และย้ายผอ.รพ.ชุมแพ (224 เตียง) ไปรพ.ขอนแก่นทั้งๆ ที่ผอ.รพ.ขอนแก่นเพิ่งปฏิบัติงานเพียงสามปีไม่ได้ขอย้าย และการพัฒนารพ.ขอนแก่นกำลังไปได้ด้วยดีเป็นไปตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง โยกย้ายของอกพ.สป. หรือไม่ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเวลาต่อมา การอ้างว่าเพื่อให้ไปพัฒนารพ.พระปกเกล้าฯ จันทบุรี แต่การโยกย้ายก่อนเวลาอันสมควรนี้ก็อาจจะส่งผลเสียหายต่อการพัฒนารพ.ขอนแก่นอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน ส่วนการอ้างว่าการย้ายผอ.รพ.ชุมแพไปรพ.ขอนแก่นเป็นไปตามนโยบายเขตสุขภาพที่ให้โยกย้ายภายในเขต ก็ไม่เคยมีปรากฏในหลักเกณฑ์ของอกพ.สป. และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดต้องย้ายผอ.ขอนแก่นไปนอกเขต กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่
2.คำสั่งที่ 624/2563 ให้ผอ.รพ.ขอนแก่นไปปฏิบัติราชการที่กอบอๆศและคำสั่งที่ 625 / 2563 ให้ผอ.รพ.พระปกเกล้าจันทบุรีรไปรักษาการในตำแหน่งผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ หลักนิยม ธรรมเนียมปฏิบัติของกระทรวงสาธารณะสุขหรือไม่ กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเอื้อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่ ที่สำคัญจะมีผลต่อการสอบสวนทางวินัยผอ.รพ.ขอนแก่นที่กำลังจะดำเนินการหรือไม่
3.การดำเนินการทางวินัยต่อผอ.รพ.ขอนแก่นจากบัตรสนเท่ห์ มีกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติและข้อเท็จจริงหรือไม่ ตั้งแต่การพิจารณารับเรื่องร้องเรียน การหาข้อมูลเบื้องต้นนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง การตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ตลอดจนการอ้างมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ ออกคำสั่งให้ผอ.รพ.ขอนแก่นไปปฏิบัติราชการ ที่กระทรวง กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่
จากข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้น หากการใช้อำนาจของผู้บริหารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องจริง จะมีข้าราชการใต้บังคับบัญชาถูกกระทำในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีกหรือไม่ พวกกระผมขอความกรุณาให้ท่านลงมาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับ และเพื่อธำรงไว้ซึ่งธรรมาภิบาลในการบริหารกระทรวงสาธารณะสุขสืบไป
ทั้งนี้ ท้ายจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีรายชื่ออดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณประกอบด้วย นพ.วีระ อิงคภาสกร อดีตประธานชมรมฯช่วงปี 2537-2540 นพ.อุระพงษ์ เวศกิจกุล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2540-2544 นพ.เทียม อังสาชน อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2549-2551 นพ.วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2551-2554 นพ.ประเสริฐ ขันเงิน อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2554-2556 นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2556-2558 นพ.ธานินทร์ สีวราภรณ์สกุล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2558-2560 และนพ.โมลี วนิชสุวรรณ อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2560-2562

https://www.hfocus.org/content/2020/06/19555
หัวข้อ: กลุ่มหมอรพ.ขอนแก่นเชิญชวนเครือข่ายแพทย์ทั่วประเทศ แต่งดำทวงถามธรรมาภิบาล
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 11 มิถุนายน 2020, 23:41:51
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น มายังกระทรวงสาธารณสุข และให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า ไปรักษาการแทน นพ.ชาญชัย สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนนพ.ชาญชัย ว่ารับเงินบริจาคจากบริษัทยา แต่ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากองค์กรแพทย์รพ.ขอนแก่น
วันที่ 10 มิ.ย. 2563  พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้เชิญชวนเครือข่ายทางการแพทย์ทั่วประเทศแต่งดำในวันศุกร์เพื่อสื่อว่าวันศุกร์ไม่สุขอีกต่อไป เนื่องจากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นไปปฏิบัติราขการประจำกระทรวงสาธารณสุข และตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีเงินบริจาคบริษัทยาเข้ากองทุนพัฒนาโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากได้ฟังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ประเด็นดังกล่าวแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีความหวังต่อการทวงถามถึงธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข
“คิดจะพึ่งพาผู้ใหญ่แต่รัฐมนตรีกลับออกมาบอกแค่ว่าจะให้ความเป็นธรรม เราเลยนัดกันแต่งชุดดำเพื่อขอแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ โดยมีการชวนเพื่อนเครือข่ายแพทย์ทั่วประเทศให้แต่งดำในวันศุกร์ แต่สำหรับโรงพยาบาลขอนแก่นคงจะแต่งดำทุกวัน กลุ่มแพทย์ที่ออกมาเรียกร้องธรรมาภิบาลนี้ เนื่องจากคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการสืบสวนและสอบสวนข้อเท็จจริงที่แต่งตั้งขึ้นมานั้น ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับชมรมแพทย์ชนบททุกคน” พญ.กนกวรรณกล่าว
ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นกล่าวอีกว่า ประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงคนเก่าได้ลาออกไปแล้วและกำลังจะแต่งตั้งคนใหม่ จะดูว่าคนใหม่ที่จะเข้ามานั้นเกี่ยวกับชมรมแพทย์ชนบทหรือไม่ ประเด็นที่ต้องตั้งคำถามเรื่องนี้คือธรรมาภิบาลในการสอบสวน เหตุใดจึงไม่ตั้งประธานคณะกรรมการสอบสวนตามระบบ ซึ่งควรจะต้องเป็นสาธารณสุขนิเทศก์เขต 5 แต่กลับเอาเขตอื่นมาสอบ การย้ายนพ.ชาญชัย ด้วยการกล่าวหาว่าเป็นผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานทั้งๆ ที่ นพ.ชาญชัยยังไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ เลย
“เราพูดมาหลายครั้งแล้วว่าธรรมาภิบาลที่กลุ่มแพทย์เรียกร้องคือเหตุผลที่สั่งย้ายนพ.ชาญชัยนั้นไม่เป็นธรรม ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีการย้ายคนจากชมรมแพทย์ชนบทมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคนใหม่หรือไม่ ทั้งนี้มีหลักฐานหลายอย่างเกี่ยวกับชมรมแพทย์ชนบทที่คนในโรงพยาบาลรู้มาแล้วก็ตกใจ” พญ.กนกวรรณ กล่าว
ขณะเดียวกันนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ ประธานชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ชมรม ถึงนายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด และบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข โดยขอความร่วมมือใช้หลักสันติวิธีและปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อประชาชนและประเทศชาติ โดยแถลงการณ์ระบุว่า เรื่องร้องเรียนในกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยละเอียดตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการแล้ว โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันในเรื่องความโปร่งใสและการให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่ายแล้ว จึงขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เรียกร้องให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ใช้หลักสันติวิธี และปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติตามภาระหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ

https://www.hfocus.org/content/2020/06/19535
หัวข้อ: “อนุทิน”รับส่งข้อความไลน์ผู้บริหาร กำชับ ปลัดสธ. ไม่ย้ายขาดจนกว่าผลสอบสวนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 11 มิถุนายน 2020, 23:43:46
“อนุทิน ชาญวีรกูล” กำชับปลัด สธ. ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายที่มีการตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง ลั่นระหว่างนั้นไม่ย้ายขาด “หมอชาญชัย” ยังเป็นผอ.รพ.ขอนแก่น ส่วน “หมอเกรียงศักดิ์” ยังเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้า
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีแหล่งข่าวระบุว่าตนสั่งการในไลน์กรุ๊ปผู้บริหารห้ามย้ายขาดนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ออกจากตำแหน่ง และ ห้ามย้ายนพ.เกรียงศักดิ์ ออกจากตำแหน่งผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี จนกว่าการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะแล้วเสร็จ และจะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเรียกรับเงิน และกรณีการออกคำสั่งย้ายผอ. 2 รพ.ด้วย ว่า ตนไม่ทราบว่าไลน์หลุดไปได้อย่างไร แต่ตนไม่ได้สั่งการ เพียงแต่ส่งเป็นข้อความไปในไลน์ผู้บริหารกระทรวง และได้บอกปลัด สธ.ว่าช่วงนี้ทุกฝ่ายต้องการความเป็นธรรม ที่มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบวินัยต่างๆ ก็ทำให้เสร็จสิ้นก่อน อย่าเพิ่งไปทำอะไร
“ส่วนเรื่องการสั่งนพ.เกรียงศักดิ์ไปรักษาการก็ไม่ว่าอะไร เป็นดุลพินิจ เป็นอำนาจปลัด สธ. อยู่แล้ว ตรงนี้ต้องเข้าใจว่าการทำงานด้วยกันต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใครมีอำนาจอะไร เท่าไหร่ ตรงไหน ใครที่รับผิดชอบในตรงนั้นตัดสินใจแล้วกล้ารับผิดชอบ คนที่เหนือกว่านั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย ตนสั่งไม่ได้ และไม่ได้สั่ง เพราะถ้าสั่งก็จะเท่ากับเป็นการก้าวก่าย เพราะฉะนั้น สรุปนพ.ชาญชัย ยังเป็นผอ.รพ.ขอนแก่น แต่ย้ายมาปฏิบัติงานที่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนนพ.เกรียงศักดิ์ก็ยังเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี แต่ก็เป็นรักษาการรพ.ขอนแก่นด้วย แต่ที่ตนเขียนข้อความในไลน์กลุ่มผู้บริหารเพื่อป้องกันว่าหากมีใครจะย้ายขาดก็ขอให้อย่าทำ ให้นิ่งที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
 

เมื่อถามว่าที่มีการทักท้วงคือการย้ายนพ.ชาญชัย ออกมาทั้งที่ยังไม่ผิด นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ต้องไปถามนพ.สุขุม การให้ออกมาเพราะมีการข่มขู่พยาน ซึ่งตนไม่ทราบ แต่ท่านปลัดบอกว่ามีแบบนี้และใช้ดุลพินิจของท่านออกมาให้เกิดความเป็นธรรมให้กับคนที่ถูกกล่าวหาและคนที่เข้าไปสอบสวน ส่วนที่ท่านออกมาระบุว่าการย้ายไม่ได้มาจากการข่มขู่พยานนั้น ตนไม่ได้คุยกับท่านปลัดเรื่องนี้ แต่ก็ยึดตามหนังสือเป็นหลัก การถามท่านหรือสอบถามด้วยวาจาอาจจะไตร่ตรองไม่ทัน แต่สิ่งสุดท้ายต้องไปยืนยันเอกสารที่เป็นหลักฐาน ส่วนที่นพ.ชาญชัยร้องเรียนตนว่าคับข้องใจ และเป็นทุกข์กับคำสั่งของปลัดสธ.ที่ออกมา ตนได้ทำหนังสือรับทราบและจะให้ความเป็นธรรม แต่ก็ขอให้นพ.ชาญชัยไปร้องที่ก.พ.ด้วย เพราะตนรับเรื่องมาดำเนินการไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้
เมื่อถามว่ามีรายงานว่าจะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งการออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผอ.ทั้ง 2 รพ.ด้วย อนุทิน กล่าวว่า เดิมมีกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุข นิเทศกระทรวงสาธารณสุขเขต 6 เป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ขอนแก่น พบว่ามีมูล จนมีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงที่มี นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขต 11 เป็นประธาน ตรงนี้ขอให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นไปตามขั้นตอน ส่วนตนจะตั้งกรรมการ 1 ชุด เป็นชุดใหญ่ที่ตนมีอำนาจเพื่อสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีนักวิชาการออกมาระบุว่ามีรพ.สังกัด สธ. 186 แห่ง เรียกรับเงินจากบริษัทยา โดยจะลงนามแต่งตั้งภายในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ก็น่าจะคลอบคลุมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่รพ.ขอนแก่นด้วย แต่ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบการออกคำสั่งย้าย ผอ.แต่อย่างใด

Thu, 2020-06-11 14:16 -- hfocus team
หัวข้อ: “อนุทิน”ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงหลังนักวิชาการอิสระเผย รพ.เรียกรับเงิน 186 แห่ง
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 11 มิถุนายน 2020, 23:44:59
อนุทิน ชาญวีรกูล ตั้ง “มล.สมชาย” นั่งปธ.กก.สอบข้อเท็จจริง หลังนักวิชาการอิสระเผยข้อมูล รพ.เรียกรับเงิน 186 แห่ง หาข้อเท็จจริง หากไม่ใช่คนกล่าวหาต้องรับผิดชอบ หากจริง รพ.ต้องรับผิดชอบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าภายหลังนักวิชาการอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทยาได้ทำการสอบถามผู้แทนยาถึงการเรียกรับเงินของโรงพยาบาลในสังกัดสธ.พบว่าเดือน พ.ย. 2562 มีโรงพยาบาลเรียกเก็บกรณีนี้ถึง 186 แห่ง ว่า สำหรับกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 186 รพ. ประกอบด้วย มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารมว.สธ.เป็นประธานกรรมการฯ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดสธ. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัด สธ. หัวหน้าสำนักงานกฎหมายของตน คือ พ.ต.อ.ประเวศ วงษ์ประมุข นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ตัวแทนจากรพ. ตัวแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งกรรมการจะเป็นผู้คัดเลือก โดยมีกรอบการทำงานคือให้ทำโดยเร็ว และรายงานตรงถึงตน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการชุดนี้จะสอบไปถึงกรณีมีเอกสารใบเสร็จรับเงินจากบริษัทยา ของรพ.ชุมแพด้วยหรือไม่ นานอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการจะตรวจสอบเป็นมาตรฐานเดียว รวมถึงกรณีเอกสารการรับเงินบริษัทยาของรพ.ชุมแพด้วย ตนไม่ได้เพิกเฉย แต่ก็มีวิธีการแก้ปัญหาของตนที่คงไม่เหมือนคนอื่น ยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นธรรม ตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่ผู้เสียหายหรือได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ตนยึดถือระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ยึดถือรัฐธรรมนูญ
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนต้องเข้ามาแล้วเพราะมีการกล่าวหารพ.186 แห่ง คิดเป็นร้อยละกว่า 20% ของรพ.ในสังกัดสธ. เรื่องนี้ต้องรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย หากไม่จริงคนกล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าจริง รพ.เหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตรวจสอบไม่ยาก สามารถดูบัญชีธนาคาร ดูการออกใบเสร็จรับเงิน เพราะถ้ามีการบริจาคเข้ามาแบบนี้ต้องมีการเอาไปหักภาษี ถ้าไม่มีตรงนี้ แต่กลับมีเงินเข้ามาจำนวนมากอาจจะมีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ส่วนนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยที่เรื่องลุกลามใหญ่โตหรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้มองว่าลุกลามใหญ่โต เพราะเรื่องเกิดขึ้นแค่ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกที่พิสูจน์ไม่ได้

Thu, 2020-06-11 16:13 -- hfocus team
........................................................................
เปิดข้อมูล รพ.สังกัด สธ. เรียกรับเงินบริษัทยา พ.ย.62 ถึง 186 แห่ง มีทั้ง รพศ. รพท. และรพช.

สธ.เชิญนักวิชาการอิสระ สอบถามผู้แทนยาเผยข้อมูล พ.ย.62 หลายรพ.ในสังกัดสธ.เรียกรับเงิน พบรพศ./รพท.รับเงิน 22 แห่ง ขณะที่รพช. เรียกรับ 164 แห่ง ด้านปลัดสธ. พร้อมรับลูกตรวจสอบ หากมีบัตรสนเท่ห์ส่งเรื่องมาร้องเรียนเพิ่มเติมได้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เชิญ นายมนู สว่างแจ้ง นักวิชาการอิสระ ผู้เคยทำงานคลุกคลีกับบริษัทยาและโรงพยาบาล มาบรรยายผลการสำรวจโรงพยาบาลต่างๆ ที่รับเงินบริจาคจากบริษัทยา 5% ว่า ที่ผ่านมาได้มีการเก็บข้อมูลจากการสอบถามตัวแทนจำหน่ายยาเกี่ยวกับการประสานงานขายยากับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยไม่ระบุชื่อโรงพยาบาลแต่อย่างใด

นายมนู  สว่างแจ้ง
นายมนู กล่าวอีกว่า จากการสำรวจพบว่า หลังจากมีระเบียบเรื่องการห้ามรับเงินบริจาค 5% ที่เชื่อมโยงว่ามีการเรียกเก็บเงินนั้น ในเดือนมีนาคม 2562 มีการเรียกรับเงินลดลง ซึ่งจากการสำรวจโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) และโรงพยาบาลชุมชน(รพช.) รวม 786 แห่ง พบมีการรับเงินรวม 12 แห่ง ไม่รับเงิน 774 แห่ง แบ่งเป็น รพศ./ รพท. สำรวจทั้งหมด 116 แห่ง พบรับเงิน 2 แห่ง ไม่รับเงิน 114 แห่ง ส่วน รพช. สำรวจ 670 แห่ง พบรับเงิน 10 แห่ง ไม่รับเงิน 660 แห่ง แต่ปรากฏว่า หลังจากนั้นเดือนพฤศจิกายน 2562 พบมีการเรียกเก็บรับเงินเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมทั้งรพศ.รพท.และรพช. พบเรียกเก็บเงินรวม 186 แห่ง และไม่รับเงิน 600 แห่ง แบ่งเป็น รพศ./รพท. พบรับเงินเพิ่ม 22 แห่ง ไม่รับเงิน 94 แห่ง ขณะที่รพช. พบรับเงิน 164 แห่ง ไม่รับเงิน 506 แห่ง
“เห็นได้ว่าช่วงเดือนพ.ย.2562 มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มกลับมาราว 23.70% ซึ่งน่าจะมาจากการเปลี่ยนผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหม่ หรือละเลยเรื่องกฎระเบียบหรือไม่ ซึ่งวิธีการเรียกรับนั้น แม้ระบบจัดซื้อจัดจ้างเข้มงวดขึ้น แต่จะมีการคุยกับบริษัทยาว่า จะจ่าย 5% ได้หรือไม่ และจะระบุว่า หากไม่จ่าย เราก็ไม่จ่ายเงินค่ายา สิ่งเหล่านี้บริษัทยาก็ไม่อยากจะทำ เพราะกฎหมายป.ป.ช.ระบุว่า หากพนักงานขาย หรือผู้แทนยาไปติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐจะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท” นายมนู กล่าวและว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวตนเสนอว่า กระทรวงสาธารณสุขและกรมบัญชีกลางหารือร่วมกันในการให้ กรมบัญชีกลางเป็นผู้จ่ายเงินค่ายาและเวชภัณฑ์ตรงไปยังบริษัทยาโดยตรง เพื่อลดการมาประสานระหว่างผู้แทนจำหน่ายยากับทางโรงพยาบาล

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวว่า ข้อมูลจากคุณมนู ที่ได้มีการสำรวจผู้แทนบริษัทยานั้น ทางกระทรวงฯ ได้รับเรื่องและพร้อมจะตรวจสอบทั้งหมดว่า มีที่ไหนอย่างไร ซึ่งเดิมตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งก็ยึดนโยบายเรื่องความโปร่งใส ต้องปลอดทุจริต การรับเงินบริจาคลักษณะนี้ถือว่าผิดขัดระเบียบ ก็ต้องมีการตรวจสอบ ที่ผ่านมาก็เคยให้ข่าวไปแล้วว่า ได้มีการสอบสวนวินัยกับผู้บริหารระดับสูงที่มีความผิดประเด็นทุจริตทำผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งพัวพันชัดเจนและดำเนินการไปแล้ว แต่คงไม่เอ่ยชื่อหรือเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบโรงพยาบาล และพบการทำผิดระเบียบชัดเจนจนถึงลงโทษผู้อำนวยการไป 6 คน เกี่ยวกับเงินบริจาคหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า ไม่ขอพูดถึง ส่วนที่เหลือก็อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ แต่ขอไม่พูดรายละเอียด
เมื่อถามกรณีข้อมูลพบการรับเงินในส่วนของ รพศ./รพท. และรพช.จะเปิดทางให้บุคลากรที่มีข้อมูลยื่นบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนรพ.ด้วยหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า จริงๆไม่จำเป็นต้องมีคนร้องเรียน เราก็ทำงานเชิงรุกลงไปตรวจสอบอยู่แล้ว และจากเดิมเคยดูงบบำรุง งบประมาณ แต่จะดูงบสวัสดิการ งบมูลนิธิ จะไปดูให้มากขึ้นว่า นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตามความตั้งใจของผู้บริจาคด้วยหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ฝ่ายตรวจสอบภายในก็รับนโยบายไป
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดสธ. กล่าวว่า จริงๆยื่นมาได้ และเราจะส่งข้อมูลให้ตรวจสอบภายในดำเนินการ ไม่ต้องกังวล และได้ส่งข้อมูลให้ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.) และผู้ตรวจราชการกระทรวงแล้ว ให้ไปกำกับดูแล ซึ่งไม่ใช่แค่ข้อมูลจากคุณมนู ยังมีคู่มือในการดำเนินที่ถูกต้องตามระเบียบด้วย
นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า หากโรงพยาบาลมีการรับเงินถือว่าเป็นความผิดทั้งทางอาญาและ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร ถือว่าเป็นความผิด โดยกระทรวงต้องดำเนินการ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของบริษัทผู้ค้ายาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาการทุจริตไม่ชอบ ทั้งนี้ ได้มีการประกาศว่าหากใครแจ้งเบาะแสการทุจริตก็จะพิจารณาเป็นความดีความชอบขึ้นเงินเดือน 2 ขั้น หรือ 6% เป็นสิ่งที่ สธ.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ที่มีการระบุว่า มีบัตรสนเท่ห์ใบเดียวแล้วย้าย จริงๆมีการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ และตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีการตรวจสอบเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งมี นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์กระทรวงสาธารณสุข เขต 6 เป็นกรรมการตรวจสอบร่วมกับนิติกร ตรวจสอบบัตรสนเท่ห์ว่าเชื่อได้หรือไม่ยังแต่ไม่ได้ระบุว่ามีการกระทำผิด โดยใช้เวลาตรวจสอบ 8 เดือน อาจเป็นการเข้าใจผิดไม่ใช่ได้บัตรสนเท่ห์แล้วย้ายทันที

Tue, 2020-06-09 14:24 -- hfocus team
หัวข้อ: ขอทำหน้าที่พลเมืองดี-นพ.วชิระ เพ็งจันทร์
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 12 มิถุนายน 2020, 00:00:33
เขียนที่บ้านฯ
10มิย63
เรื่อง ขอทำหน้าที่พลเมืองดี
เรียน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ผม นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ พลเมืองไทย ผู้เสียภาษีเงินได้เป็นประจำทุกปี
ผมมีความรักในความเป็นธรรม เกลียดการเลือกปฏิบัติ
หวังอยากเห็นระบบธรรมาภิบาลเกิดขึ้นจริงในกระทรวงสาธารณสุข
ผมได้อ่านบทความที่"วงในสาธา"เขียนเรื่องขอส่งบัตรสนเท่ห์ทางFB
เมื่อวันที่10มิย63 ผมมีความอึดอัดใจอย่างมากคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
จึงรวบรวมความกล้า. แล้ว ตัดสินใจด้วยความยากลำบาก
เขียนหนังสือถึงท่าน โดยการเขียนใช้เวลานานมากด้วยความอดทน
ในภาพประกอบ บทความมี ใบเสร็จรับเงินของ
รพ ชุมแพ(ซึ่งเป็น รพ ในความรับผิดชอบของท่าน)ลงวันที่13 มีค61
รับเงินจาก บริษัท ขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แห่งหนึ่ง
บอกในรายการว่า"รับเงินบริจาคเพื่อสวัสดิการเจ้าหน้าที่"
มี จพ การเงิน เซ็นต์ชื่อรับ ถูกต้อง เป็นปกติ
ผมเชื่อโดยสุจริตใจ ว่า ใบเสร็จนั้น เป็นสำเนาของใบเสร็จจริง
และเหตุการณ์ช่วงนั้น การดำเนินการ เป็นความรับผิดชอบของ
อดีต ผอ รพ ชุมแพ ยุคนั้น ปัจจุบันคือ รก รพ ขอนแก่นที่ท่านเพิ่ง
ลงนามในคำสั่งย้าย เขา มารักษาการฯที่กำลังเป็นปัญหา ที่
สังคมกำลังตั้งคำถามเป็นวงกว้าง ในขณะนี้
ขอให้ท่านดำเนินการสอบสวน ฯเพื่อทำความกระจ่างต่อสังคมโดยเร็ว
ผมขอแนะนำท่าน ให้สั่ง นพสสจ ขอนแก่นและ/หรือ ผู้ตรวจราชการ
กระทรวงสาธารณสุข เขต7ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของท่านเพราะท่าน
ตั้งเขามากับมือและสั่งเขามาอยู่เขต7รับผิดชอบจังหวัดขอนแก่นด้วย
ลงไปสอบ ที่ รพ ชุมแพภายใน1-2วันนี้
ไปถาม จพ การเงินตามลายเซ็นต์ ขอดูใบเสร็จจริง ซึ่งน่าจะสัมพันธ์
กับ ใบสั่งซื้อฯกับ บริษัทฯตามใบเสร็จ น่าจะสั่งซื้อประมาณ
6เดือนก่อนหน้านั้น ไปดูว่าใครตำแหน่งใดลงนามในคำสั่งซื้อ
ยอดใบสั่งซื้อน่าจะประมาณ112,700บาทหรือมากกว่าตามความโลภของ ผอ
(5%หรือมากกว่าตามความโลภ)
และอย่าลืมกำชับ ให้ไปดูด้วยนะครับ จพ การเงิน รับแล้ว นำไปไหน?ไปให้ใคร?
เข้าบัญชีใด(อาจเข้ากระเป๋าแทนก็ได้) การใช้จ่ายต่อจากนั้นเป็นอย่างไร?
เมื่อตรวจบัญชีแล้ว อย่าลืมดู ยอดเงินฯจากบริษัทอื่นๆด้วยนะครับ
ผมว่ายังมีอีกจำนวนมาก ตามการนั่งในตำแหน่งที่ยาวนานของ ผอ
ขอให้ท่านรีบดำเนินการ ตามหน้าที่และอำนาจของท่าน
และรายงานต่อสาธารณะ ภายใน7วัน ไม่เช่นนั้นผมจะถือว่าท่านสมรู้ร่วมคิด
ผมจะคอยติดตามโดยใกล้ชิดนะครับ
ขอบคุณมากนะครับ
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์
สำเนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หัวข้อ: ผู้ตรวจฯเขต 7 เตรียมเรียกหมอเกรียงศักดิ์สอบถามกรณีใบเสร็จเงินบริจาคบริษัทยา
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 12 มิถุนายน 2020, 00:01:38
จากกรณีนพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ผ่านเฟซบุ็คส่วนตัวขอให้นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบอดีตผอ.โรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น เกี่ยวกับใบเสร็จรับเงินบริจาคเพื่อสวัสดิการเจ้าหน้าที่ จำนวน 5,635 บาท ลงวันที่ 13 มีนาคม 2561 โดยขอให้ตรวจสอบพร้อมเปิดเผยผลการตรวจสอบต่อสาธารณะใน 7 วัน ต่อมานพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี ในฐานะรักษาการโรงพยาบาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น อดีตผอ.โรงพยาบาลชุมแพ ยอมรับว่าการรับบริจาคดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขออกคำสั่งห้ามจัดซื้อหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการสถานพยาบาล โดยหนังสือสั่งการดังกล่า่วมาถึงโรงพยาบาลชุมแพหลังออกคำสั่งประมาณ 2-3 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2563 พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เขตสุขภาพที่ 7 เปิดเผยว่า จะเชิญนพ.เกรียงศักดิ์มาสอบถามภายใน 1-2 วันนี้ คาดว่าจะได้เจอกันที่เขตสุขภาพที่ 7 คงต้องพูดคุยกันถึงใบเสร็จที่ออกมาว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
“ขั้นตอนในการพิสูจน์ว่ามีความผิดหรือไม่คือ ตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง ถ้ากรรมการชี้ว่ามีมูลความผิด ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป แต่หากในกรณีที่ไม่พบว่ามีความผิด ก็จะมีการเยียวยาเช่น ให้กลับมาที่ตำแหน่งเหมาะสมของผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งวิธีเยียวยานั้นต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง” พญ.วิพรรณ กล่าว
ด้าน นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่ายังไม่เห็นกรณีใบเสร็จรับเงินที่ถูกโพสต์บนเฟซบุ๊ก และยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะต้องเห็นรายละเอียดให้ชัดเจน แล้วดูการเน้นย้ำที่กระทรวงกำหนดว่าการรับมีเงื่อนไขอะไร ซึ่งมีกฎหมายที่เขียนไว้เพียงแต่การปฏิบัติอาจมีการเข้าใจที่แตกต่างกัน
“เรารับราชการ และราชการมีกฎระเบียบให้เราทำได้เท่าที่เขียนไว้ ต้องดูก่อนว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ผมยังไม่เห็นรายละเอียดเลย” นพ.สมชายโชติ กล่าว

Wed, 2020-06-10 20:13 -- hfocus team editor
หัวข้อ: หมอเกรียงศักดิ์ ขอถอนตัวจากรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:16:58
นพ.เกรียงศักดิ์ แถลงขอถอนตัวจากรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ยืนยันไม่ได้ถูกกดดัน

15 มิ.ย. 2563 นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ รักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น แถลงข่าวถอนตัวจากรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น โดยระบุว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการในตำแหน่งรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนในฐานะข้าราชการพลเรือนในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นข้าราชการของประชาชน และมีครอบครัวอยู่ที่ขอนแก่น มีความรักและความผูกพันต่อ รพ.ขอนแก่น จึงห่วงใยต่อภาพลักษณ์ ความศรัทธาของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีต่อโรงพยาบาลขอนแก่น ที่มีมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี จึงขอถอนตัวจากการรักษาการในตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า การถอนตัวนั้นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข และ รพ.ขอนแก่น คลี่คลายและเดินหน้าโดยเร็ว โดยตนเองนั้นพร้อมที่จะเดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ตามเดิม หรือในตำแหน่งที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

“ผมไม่กดดันหรือไม่ได้คิดน้อยใจอะไร ที่ผ่านมาผมเคยมารักษาการที่ รพ.ขอนแก่น แล้วในปี 2561 ก็พบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดเหตุการณ์ จึงตัดสินใจในการขอถอนตัว และจะทำเรื่องเสนอต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ถอนตัวหรือไม่ หากมีผลประการใดก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามทันที ที่ผ่านมางานด้านสาธารณสุขของไทยนั้นเหนื่อยล้าจากการทำงานในสถานการณ์โควิดขอถอนตัวจากรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น-19 มาอย่างหนักและต่อเนื่อง จนได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ และทำให้สถานการณ์ของประเทศนั้นไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศเข้าสู่วันที่ 20 ดังนั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารประเทศนั้นทำงานกันอย่างหนัก ผมจึงไม่อยากให้ทุกท่านมาเครียดหรือมาวิตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงขอถอนตัวจากตำแหน่ง โดยจะทำหนังสือส่งเรื่องอย่างเป็นทางการในระบบข้าราชการให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ (15 มิ.ย.) หากผลออกมาประการใดผมก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ รพ.ขอนแก่น ทุกคนน่ารัก ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ รพ.ขอนแก่น มีชื่อเสียงในด้านมาตรฐานสาธารณสุขในระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจโดยส่วนตัวของตัวเอง เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติและเดินหน้าทำงานเพื่อก้าวผ่านสถานการณ์วิกฤตและปฏิบัติหน้าที่ด้านสาธารณสุข ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบและโครงข่ายในความเป็นโรงพยาบาลศูนย์ฯ หากต้องย้ายกลับไปที่เดิม หรือตำแหน่งใดๆ ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามทันที เพราะคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือเป็นที่สุด

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารรณสุข ได้มีคำสั่งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการแทน หลังจากที่ นพ.ชาญชัย ถูกร้องเรียนว่ารับเงินจากบริษัทยา 5% เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอ พยาบาล และสหวิชาชีพกว่า 1,000 คน ได้ชูป้าย
#SAVEหมอชาญชัย
#SAVEโรงพยาบาลขอนแก่น
#คนดีต้องมีที่ยืน
#SAVEธรรมาภิบาล
ให้กำลังใจ นพ.ชาญชัย ก่อนเข้ารายงานตัวที่สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข


เขียนโดย อีจัน
15 มิถุนายน 2563
หัวข้อ: “อนุทิน” หารือ “รมช.-ปลัดสธ.” กรณีการถอนตัวรักษาการ รพ.ขอนแก่น... ส่วน 186 รพ.
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:18:51
ปลัด สธ. เผยหารือร่วมรมว.สธ. ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนรักษาการคนใหม่ให้เกิดความเป็นธรรมเสนอ รองผอ.แพทย์แทน ส่วนกรณี “นพ.เกรียงศักดิ์” ถอนตัวเหตุไม่สบายใจ และเพื่อให้มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ ขณะเดียวกันพร้อมตอบประเด็นจะเดินหน้าทำแนวทางระเบียบเงินบริจาคต่อหรือไม่

หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ประกาศไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ประกาศขอถอนตัวจากรักษาการ แต่เชื่อว่าเป็นสปิริตของข้าราชการ และแพทย์ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ ขอให้ทุกฝ่ายมีน้ำใจนักกีฬา รอผลการตรวจสอบนั้น

ข่าวเกี่ยวข้อง :“หมอเกรียงศักดิ์” ถอนตัวรักษาการ รพ.ขอนแก่น ด้าน “อนุทิน” ลั่นไม่เคยสั่ง เป็นสปิริต (คลิป)

วันที่ 15 มิ.ย.63 ที่ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ได้ร่วมหารือกับ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดย นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทุกคนถอยกันคนละก้าว ปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเดินไป ส่วนกรณี 186 โรงพยาบาลนั้นรอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ และทุกอย่างต้องเป็นธรรมโปร่งใสตรวจสอบได้ อธิบายประชาชนได้ไม่ได้อยู่ภายใต้แรงกฎดันของใคร ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในกระทรวงทำการตรวจสอบไป เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา ปล่อยให้ทุกคนทำตามหน้าที่อย่างโปร่งใส

 



นพ.สุขุม กล่าวว่า ตนกับนายอนุทิน ได้หารือกันแล้ว ก็จะให้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง ส่วนรักษาการคนใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามที่องค์กรแพทย์ได้เสนอขอให้ตั้ง รองผู้อำนวนการแพทย์ เป็นรักษาการแทนก็คงเป็นไปตามนั้น ซึ่งเป็นการตั้งรักษาการแทน นพ.ชาญชัย เพื่อให้พิสูจน์ตัวเองจนกว่าจะไม่มีข้อครหา ไม่ได้เป็นการตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรอหลังสือแต่งตั้งจากตนเพราะตามระเบียบรองผู้อำนวยการโรงพยาบา ก็สามารถขึ้นรักษาการแทนได้เลย ส่วนของ นพ.เกรียงศักดิ์ จะต้องรอหนังสือมาถึงตนอย่างเป็นทางการก่อน คาดว่าหนังสือจะมาถึงภายใน 1-2 วันนี้ และตนก็จะออกคำสั่งเป็นรายลักอักษรต่อไป เพื่อให้นพ.เกรียงศักดิ์ ไปรายงานตัวเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้าเหมือนเดิม

“ การที่ นพ.เกรียงศักดิ์ ขอถอนตัวนั้นเป็นเพราะ นพ.เกรียงศักดิ์ ไม่สบายใจที่ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งหรือไม่ ดังนั้นเพื่อความสบายใจและเพื่อให้การตรวจสอบสะดวก ซึ่งนพ.เกรียงศักดิ์ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำหลักฐานจึงยินดีที่จะถอนตัว ซึงผมและท่านรองนายกรัฐมนตรี ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนได้มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุข” ปลัด สธ. กล่าว

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการทำระเบียบใหม่เกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายเรื่องเงินบริจาคให้ถูกต้องถูกระเบียบได้หรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำเรื่องระเบียบเงินบำรุงและเงินบริจาค ก็คงต้องศึกษาข้อกฎหมายคงไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งมาแก้ไขได้ต้องร่วมกันปรึกษา ทั้งข้อกฎหมายและผู้รู้โดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ถูกต้อง

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องออกแนวทางที่ชัดเจนหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางเรื่องซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างชัดเจน ดังนั้น ที่ผ่านมาได้หารือกับประธานโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปและผอ.โรงพยาบาลชุมชน กระทรวงมั่นใจว่า 90 % กระทรวงปฏิบัติถูกต้องพร้อมให้ตรวจสอบ

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า กระบวนการเมื่อนพ.เกรียงศักดิ์ได้ถอนตัวไปแล้ว ก็ถือว่าในสำนวนในแต่ละเรื่องก็เป็นไปตามกระบวนการ เพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการตั้งรองผอ.แพทย์ เป็นรักษาการแทน ก็ขอให้ทุกฝ่ายกลับไปทำหน้าที่ในการรับใช้ประชาชนตามที่สธ.ขับเคลื่อนมา ส่วนเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องก็ให้เป็นไปตามกระบวนการตามความยุติธรรม ขอให้ทุกฝ่ายได้เข้าไปสู่กระบวนการในการตรวจสอบการนำเสนอหลักฐานในแต่ละฝ่ายก็ขอให้เป็นไปตามความถูกต้องตามขั้นตอน

ขณะที่ พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า การที่ นพ.เกรียงศักดิ์ ขอถอนตัวนั้น เบื้องต้นทางองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นพอใจในระดับหนึ่ง ที่ทางผู้บริหารมีความเมตตาและมีการตอบสนองต่อ 1 ใน 3 ข้อ เรียกร้อง จากนี้ก็จะอยู่อย่างสงบ รอดูการแต่งตั้งรักษาการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น อย่างเป็นทางการว่าท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะตั้งใครมาแทน

2020-06-15-- hfocus team
หัวข้อ: “อนุทิน” เชิญ “หมอชาญชัย” ถามสารทุกข์สุขดิบหลังถูกย้าย 2 สัปดาห์
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:21:04
“อนุทิน ชาญวีรกูล” เชิญ “หมอชาญชัย” ถามไถ่หลังถูกย้ายมาส่วนกลาง 2 สัปดาห์ ย้ำอย่าคิดว่าไม่ได้ความเป็นธรรม พร้อมฝากบอกสมัครพรรคพวกอย่าห่วง ไม่ต้องลางานเพื่อให้กำลังใจ

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังเชิญ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น เข้าพบ ว่า เป็นการเรียกมาถามไถ่ทั่วไป เนื่องจากนพ.ชาญชัย มาประจำอยู่ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว เมื่อตนว่าง จึงเรียกมาพูดคุยว่าเป็นอย่างไร มีความอึดอัดอะไรหรือไม่ โดยได้ย้ำว่าอย่าไปคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และขอยืนยันว่ามีความเป็นธรรม เพราะทุกคนที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งขึ้นมาเป็นคณะกรรมการสอบสวนนพ.ชาญชัยนั้นรับรองว่าจะให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ ได้ฝากให้นพ.ชาญชัยไปแจ้งกับสมัครพรรคพวกว่าไม่ต้องห่วง ตนจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน ขอให้ตั้งใจทำงานบริการประชาชน ไม่ต้องลางานเพื่อมาให้กำลังใจ นพ.ชาญชัย เพราะจะเสียค่าใช้จ่ายและเสียการบริการประชาชน

“จากการพูดคุยหมอชาญชัย ดูมีสปิริตดีเพราะเป็นปัญญาชนทั้งนั้น ส่วนที่องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นและบุคลากรทางการแพทย์แต่งดำ ก็ไม่เป็นไร แต่งดำก็ดูผอมดี อย่าไปคิดอะไร เพราะจะทำอะไรก็ได้แต่อย่าให้การบริการประชาชนเสียหาย การแต่งดำ แต่งสัญลักษณ์อะไรก็อยู่ในวิสัยที่เป็นอิสระของทุกคน แม้แต่ผมเวลาไปเที่ยวยังอยากแต่งดำเพราะมันผอม”นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่าปลัดกระทรวงลงนามให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ รพ.พระปกเกล้าแล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า นพ.สุขุม รายงานมาว่าจะลงนามเร็วๆนี้ เดี๋ยวก็เซ็นต์แล้วให้เวลานพ.สุขุม บ้าง ทั้งนี้คนระดับปลัดกระทรวงระบุว่าจะลงนามก็ถือว่าต้องจบแล้วไม่เชื่อถือปลัดกระทรวงไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนกว่าจะพิมพ์เสร็จต้องดูรายละเอียด อย่างไรก็ตามทุกคนเป็นข้าราชการก็มีความพร้อมในการไปปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนมีความดีความงามหมดไม่เช่นนั้นขึ้นมาเป็นซี8 ซี9ไม่ได้ ดังนั้นอย่าไปตัดสินอะไรด้วยความรู้สึกหรือว่าฟังคนอื่น ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาข้อเท็จจริง เพื่อให้ปรากฎข้อเท็จจริงตามหลักฐาน เรื่องนี้น่าจะจบลงได้ด้วยดี

ด้านนพ.ชาญชัย กล่าวว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการ สธ. ท่านได้ให้ความมั่นใจว่าจะให้ความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้ย้ายกลับไปที่โรงพยาบาลขอนแก่น ต้องรอกรรมการสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมไปตามกระบวนการ ซึ่งขณะนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้ง นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 11 เป็นประธานกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตนแล้วต้องเป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามว่ายังมีแนวคิดที่จะร้องต่อศาลปกครองกรณีที่นพ.สุขุม ย้ายออกจากพื้นที่ต่อหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย ก็ต้องรอเวลาและต้องมีการศึกษารายละเอียดต่อไป

2020-06-19  -- hfocus team
หัวข้อ: แพทย์ขอนแก่นยื่นนายกฯขอความเป็นธรรม”ชาญชัย”
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:26:34
เครือข่ายแพทย์ขอนแก่น ยื่นนายกฯขอความเป็นธรรมกรณีตรวจสอบ นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง

ที่ ศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ สำนักนายกรัฐมนตรี สมาคมศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่น / องค์กรแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น / ศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่น รุ่น 11 กลุ่มเพื่อนชาญ / องค์กรแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลกาฬสินธ์ รวมถึงโรงพยาบาลต่าง ๆ และตัวแทนภาคประชาชน จังหวัดขอนแก่น นำโดย แพทย์หญิงกนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อความเป็นธรรม กรณีคำสั่งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) ขอนแก่น ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ สธ.เพื่อให้มีการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีรับเงินบริจาคจากบริษัทยา

โดยทางตัวแทนแพทย์ขอนแก่น กล่าวช่วงหนึ่งว่า การอ้างว่า นายแพทย์ชาญชัย มีพฤติกรรมขัดขวางข่มขู่ ทางเครือข่ายแพทย์มองว่าไม่เป็นธรรม เพราะหลักฐานขณะนี้ยังไม่แจ้งประจักษ์พยานว่ามีการกระทำดังกล่าว รวมถึงการแต่งตั้ง นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า มาเป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นแทน ซึ่งอาจไม่เป็นธรรมกับผู้สอบสวน อีกทั้งเป็นบุคคลที่มีความขัดแย้งกับ ผอ.ชาญชัย มาก่อน ในเรื่องแพทย์ชนบท จึงเกรงมีปัญหากับกระบวนการสอบสวนได้

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มารับหนังสือจากคณะแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ระบุว่า ขอให้มั่นใจในตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว และไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ซึ่งเห็นได้ว่า ตนนั้นได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด ขอให้คณะแพทย์ใจเย็น และตนพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากตนไม่ได้มีปัญหากับฝ่ายใด ซึ่งในระเบียบราชการเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และจะต้องมีการทำงานร่วมกันโดยจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ซึ่งตนได้มอบหมายปลัดกระทรวงได้รับทราบนโยบายไปแล้ว แต่หากไม่สามารถทำตามนโยบายได้ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง

นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวรู้สึกน้อยใจที่ไม่ไว้ใจตน และเดินทางมายื่นหนังสือของคณะแพทย์ในวันนี้ เนื่องจากตนเคยรับปากไปแล้วว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ และไม่ให้มีการโยกย้ายตำแหน่งเด็ดขาด จนกว่าผลการสอบสวนจะออกมา แต่ผ่านเพียงไม่กี่วันคณะแพทย์กลับเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และขณะนี้ยังมีเรื่องโรงพยาบาล 180 แห่งรับเงินทอนซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวโยงเรื่องที่ขอนแก่น ซึ่งตนยืนยันว่าทำทุกอย่างกำลังแก้ไขปัญหา และตนเข้าใจว่า แพทย์ พยาบาลทุกคน จะต้องรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นความสามัคคีจึงเป็นสิ่งสำคัญขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเป็นสิ่งดีที่สุด และให้รอกระบวนการสอบสวนต่าง ๆ ออกมาก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มเครือข่ายยื่นหนังสือต่อนายอนุทินนั้น ทางสมาชิกเครือข่ายได้ชูป้ายข้อความขอคืนความเป็นธรรมให้กับนพ.ขาญชัย และตะโกนเสียงดังด้วยว่า "เซฟหมอชาญชัย เซฟธรรมาภิบาล"

12 มิ.ย. 2563    โดย: ผู้จัดการออนไลน์
หัวข้อ: ศิษย์เก่า ม.ขอนแก่น ร่วมร้อง “บิ๊กตู่”" เผย รมว.สธ. รับปากตั้งกก.สอบคู่ขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:27:49
เครือข่ายบุคลากรสาธารณสุข แต่งดำร้องทุกข์ “บิ๊กตู่”  ขอคืนความเป็นธรรมให้ “หมอชาญชัย” พร้อมขอธรรมาภิบาลกลับคืน ด้านศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น เผย “อนุทิน” รับหนังสือแทน เบาใจรับปากให้ความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น พร้อมด้วยเครือข่าย อาทิ สมาคมองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น , สมาคมศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่น , ศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่นรุ่นที่ 11 กลุ่มเพื่อนชาญ , องค์กรแพทย์และพยาบาล รพ.กาฬสินธุ์ และ รพ.ต่างๆ , ตัวแทนภาคประชาชน จ.ขอนแก่น ร่วมกันแต่งกายชุดดำ เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม กรณีตั้งสอบวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น จากข้อกล่าวหาเรียกรับเงินจากบริษัทยา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบหนังสือแทน

นพ.เฉลียว สัตตมัย ประธานศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่น ที่ 11 กล่าวว่า ที่มาเรียกร้องต่อท่านนายกรัฐมนตรี วันนี้ เพื่อขอให้มีการทบทวนเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงอันไม่เป็นธรรม ซึ่งนำไปสู่ความผิด และการสอบสวนด้านวินัยร้ายแรง และเรียกร้องให้มีการระงับคำสั่งโยกย้าย เพราะนพ.ชาญชัยไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ หรือขัดขวางการสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งนี่เป็นต้นเหตุจากการกล่าวหาทุจริตคอรัปชั่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งเท่าที่ดูทุกอย่างทำให้มีข้อกังวลเรื่องการถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข

นพ.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ทำให้มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติเพราะตั้งแต่ นพ.ชาญชัย เข้ามาบริหารรพ.ขอนแก่น จากที่ติดลบก็ทำให้กลับมาเป็นบวกได้ แล้วจู่ๆ ก็มีการตั้งกรรมการสอบ ตนสอบถามไปที่นพ.ชาญชัยว่า ตั้งแต่เดือน มี.ค.2561 ยังมีการรับเงินหรือไม่ ซึ่งท่านยืนยันว่าเรื่องนี้ได้มีการประชุมกรรมการบริหารแล้ว มีการสั่งการห้ามรับเงินบริจาคจากบริษัทยา เป็นลายลักษณ์อักษร แต่กลับมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่มาจากบัตรสนเท่ห์ ว่ารพ.ขอนแก่นเรียกรับเงินจากบริษัทยา 5% แต่เท่าที่คุยกับทางรพ.ขอนแก่นกลับพบว่าไม่มีการสอบสวนคนที่ความเกี่ยวข้องที่สำคัญ แล้วอยู่ๆ ก็มีการตั้งข้อกล่าวหาว่ามีมูล ทั้งที่การสอบยังไม่รอบด้าน ทำให้มีข้อสงสัยคณะที่ลงมาสอบด้วย อีกทั้ง ยังมีการกล่าวหาว่าข่มขู่พยานจนเป็นที่มาของคำสั่งย้ายนพ.ชาญชัยไปอยู่ที่กระทรวง ส่วนการตั้งรักษาการมาแทนก็ยังเป็นบุคคลที่เคยถูกแต่งตั้งโยกย้ายมาเป็นผอ.รพ.ขอนแก่นเมื่อปี 2561 แต่บุคลากรรพ.ขอนแก่นคัดค้านตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวมาตั้งแต่ปี 2561 จนมีคำสั่งย้ายกลับ กระทั่งมาปีนี้ก็ถูกตั้งมาเป็นรักษาการอีก

“ที่เราต้องมาร้องถึงท่านนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพราะต้องการให้เรื่องนี้ดำเนินการไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และรวดเร็ว ที่เรามาก็เพื่อต้องการธรรมาภิบาลในระบบกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องบุคลลากรทางการแพทย์ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีความสุข ซึ่งวันนี้ท่านอนุทิน เป็นผู้มารับมอบหนังสือแทน และท่านรับปากว่าจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีก 1 ชุดคู่ขนาน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่จะมีการสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการเปิดเผยข้อมูลว่ารพ. ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 186 แห่ง รับเงินบริษัทยาด้วย ท่านบอกว่าจะรวบเรื่องที่รพ.ขอนแก่นด้วยเป็นเรื่องเดียวกันด้วย ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่ท่านมารับฟังปัญหาของพวกเราและให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถือว่าพึงพอใจในระดับหนึ่ง”นพ.เฉลียว กล่าว



สำหรับ จดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อความยุติธรรม(คปอธ.) ระบุใจความหนึ่งว่า นพ.ชาญชัยเป็นหมอที่รักของชาวบ้านโดยเฉพาะชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงอย่างมาก ไม่ว่าจะรับฝีมือความสามารถในการบริหาร ความโปร่งใสใจซื่อมือสะอาด ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล คปอธ.ไม่ได้ต้องการที่จะห้ามผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลหน่วยงานใดแตะต้องนพ.ชาญชัย แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมในกระบวนการที่กำลังจัดการ โดยขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาล ใน 2 คือ ให้ความเป็นธรรม นพ.ชาญชัยทบทวนการโยกย้าย การสอบวินัยและการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรง หรือ หากยืนยันย้ายนพ.ชาญชัยไปปฎิบัติหน้าที่ที่กระทรวงชั่วคราวระหว่างการสอบสวนก็ขอให้รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นเป็นผู้รักษาการผู้อำนวยการแทนเพื่อรักษาขวัญและกำลังใจของบุคลากรโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นทั้งปวง

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับทุกฝ่ายแล้ว และได้หารือกับ นพ.ชาญชัย แล้วเช่นกัน ซึ่งท่านเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมา เมื่อมีแรงกดดันว่าไม่ต้องการประธานสอบ ก็มีการเปลี่ยนแปลงให้ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ในระเบียบบริหารราชการ ปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่ในความรับผิดชอบของปลัดกระทรวงฯ ซึ่งทางรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้วว่าห้ามย้ายขาดใคร จนกว่าเรื่องจะถึงที่สุด ท่านก็รับทราบ และทางรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง เรื่องข้อกล่าวหาว่ามีโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงรับเงินจากบริษัทยา ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ เป็นประธาน และจะเข้ามาดูกรณีของนายแพทย์ชาญชัยด้วย ยิ่งกว่านั้น หากเรื่องนี้ ไปถึง อกพ.ของกระทรวงฯจะมีการตั้งคณะกรรมการ มีรัฐมนตรีเป็นประธาน ถึงจุดนั้นก็พร้อมจะเข้ามาดูอย่างเต็มที่ ขอย้ำว่า ไม่เคยนิ่งเฉยในเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎระเบียบ

2020-06-12 -- hfocus team
หัวข้อ: ขอนแก่น บุคลากร รพ.ขอนแก่น เคลื่อนไหวทวงคืน “หมอชาญชัย”
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:30:19
ขอนแก่น – เคลื่อนไหวต่อเนื่อง !! รพ.ขอนแก่น ขึ้นป้ายขอคืนตำแหน่งให้ “หมอชาญชัย” ขณะที่ชมรมแท็กซี่พร้อมใจติดสติ๊กเกอร์หนุนกระบวนการสอบสวนขอให้มีธรรมาภิบาล


สืบเนื่องจากกรณีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนไปยังผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล อดีต ผอ.รพ.ขอนแก่น มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับเงินจำนวน 5% จากบริษัทจำหน่ายยาเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งถือว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง

ต่อมา กระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีคำสั่งลงวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ย้าย นพ.ชาญชัย ไปปฏิบัติราชการที่กองบริหารการสาธารณสุข สำนักปลัดงานกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รพ.ขอนแก่น แทน  สร้างความตระหนกในกลุ่มบุคลากร รพ.ขอนแก่น และมีการออกมาชุมนุมเรียกร้องขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้ว

บรรยากาศในช่วงนี้ที่ รพ.ขอนแก่น พบว่า มีการขึ้นป้ายถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับกระทรวงสาธารณสุข และ รพ.ขอนแก่น  รวมทั้งเรียกร้องขอให้ นพ.ชาญชัย กลับมาดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น เช่นเดิม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ จนท. โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่บุคลากรทุกคนยังต้องทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจกลับมาระบาดซ้ำ โดยพบว่า ป้ายดังกล่าวได้ติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ ทั่วทั้ง รพ. ไม่ว่าจะเป็นบริเวณโถงทางเดิน หน้าร้านสวัสดิการ ห้องจำหน่ายยา

ขณะที่ทางด้าน นายวีระเดช สุวรรณเก ประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น ได้นำสมาชิกของชมรมฯ กว่า 20 คัน ร่วมกันติดสติ๊กเกอร์ซึ่งมีข้อความระบุว่า #save ธรรมาภิบาล รพ.ขอนแก่น , #save คนดีต้องมีที่ยืน ขอคนดีกลับมา  โดยติดบริเวณรอบตัวรถ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการร่วมสนับสนุนนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ที่ถูกสั่งย้ายโดยไม่เป็นธรรม

ประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับสมาชิกในกลุ่มซึ่งมีจำนวนร้อยกว่าคัน มีความเห็นว่า รพ.ขอนแก่น ได้ทำงานดูแลชาวขอนแก่นและชาวอีสานมานานหลายสิบปี ทั้งตน สมาชิกชมรมฯ และครอบครัวต่างได้เคยใช้บริการที่นี่  การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายแพทย์ชาญชัย ขอคืนคนดีกลับมาสู่จังหวัดขอนแก่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถือเป็นการคืนธรรมาภิบาลให้กับจังหวัดขอนแก่นด้วย

ขอนแก่น “หมอเกรียงศักดิ์” ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เตรียมทำหนังสือถึงปลัด สธ.วันนี้
ขอนแก่น ภาคประชาชนเอาด้วย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณี “หมอชาญชัย”
ขอนแก่น แพทย์ รพ.ขอนแก่น พร้อมใจแต่งชุดดำประท้วงระบบธรรมาภิบาล
ขอนแก่น “หมอชาญชัย” โต้กลับการย้ายตนเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เสียผลประโยชน์
ซึ่งกลุ่มตนเชื่อว่า นายแพทย์ชาญชัยไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ได้ทำผิด ที่ผ่านมา นพ.ชาญชัยได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นจำนวนมาก สามารถพลิกสถานการณ์ รพ.ขอนแก่น ซึ่งขาดทุนสะสมมานับสิบปีเป็นร้อยล้านให้กลับมามีกำไรได้ ตนและสมาชิกชมรมแท็กซี่ฯ ในฐานะที่เป็นคนขอนแก่นจึงไม่อยากเห็นคนดีต้องถูกรังแก จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการออกมาเรียกร้องให้คืนคนดีกลับสู่บ้าน

โดยชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่นจะพร้อมใจกันติดสติ๊กเกอร์เช่นนี้ไปจนกว่ากระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ และ นพ.ชาญชัย ได้รับความเป็นธรรม

https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/1737744
หัวข้อ: ภาคประชาชน เตรียมยื่นหนังสือถึง 'นายกฯ' ทวงธรรมาภิบาล 'หมอชาญชัย'
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:34:27
เครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อความยุติธรรม เตรียมยื่นหนังสือให้ "ประยุทธ์" ผ่าน ผวจ.ขอนแก่น บ่ายนี้ ให้ทบทวนการสั่งย้าย "หมอชาญชัย" พ้นพื้นที่ หวังทวงคืนธรรมาภิบาลให้ ก.สาธารณสุข พ้นการครอบงำการเมืองในกระทรวง

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 63 นายทศพล พรหมเกตุ ประธานเครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อความยุติธรรม (คปอธ.) เปิดเผยถึงกรณีการโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ที่มีคำสั่งย้ายไปประจำกระทรวงสาธารณสุขในข้อหา “ฉ้อราษฏร์บังหลวง” กรณีการรับเงินเปอร์เซ็นต์จากบริษัทยา และย้าย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาราชการแทนนั้น

นายทศพล กล่าวว่า การสั่งย้ายดังกล่าวไม่ชอบมาพากลและมีสิ่งผิดปกติอยู่หลายอย่างและมองว่าเรื่องนี้เป็นการเมืองในกระทรวงสาธารณสุข เพราะเรื่องที่เกิดกับ นพ.ชาญชัย นั้นเกิดมา 2 ครั้งแล้ว กับการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ปี 2561 และปี 2563 ภาคประชาชนได้จับตามองเรื่องนี้ทั้ง 2 ครั้ง และรู้ว่าเป็นปัญหาการเมืองของคนในกระทรวงสาธารณสุขเองที่มีอยู่ 2 ฝ่าย แต่เรื่องที่เกิดกับ นพ.ชาญชัย มองว่าไม่ถูกต้อง หมอที่ดี คนที่ทำดีเพื่อประโยชน์ประชาชนไม่ควรมาถูกการเมืองเล่นงานแบบนี้ นพ.ชาญชัย เก่ง กล้าหาญกับการจัดการปัญหาในโรงพยาบาลจนสามารถบริหารจัดการให้"รงพยาบาลผ่านพ้นวิกฤติปัญหามาได้ จากโรงพยาบาลที่ขาดทุน ติดลบมาจนกระทั่งมีรายได้แก้ปัญหาของโรงพยาบาลได้ควรเป็นแบบอย่างให้กับโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาไม่ใช่ทำดีแล้วไม่มีที่ยืนแบบนี้


“เรื่องที่เกิดขึ้นมองว่ามีความผิดปกติอยู่ 4 อย่าง คือ 1) การร้องเรียนเป็นแค่บัตรสนเท่ห์ใบเดียวน้ำหนักน้อยมาก เพราะไม่มีที่มาที่ไปแต่กลับมีการรับฟัง 2)การสอบสวนเรื่องนี้ยาวนานถึง 8 เดือน ซึ่งใช้เวลานานมาก แต่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกลับแถลงว่าจากการสอบสวนพบว่ามีมูลความคิดทั้งที่ความจริง 8 เดือนควรจะแถลงผลการสอบสวนได้แล้ว 3) การย้าย นพ.ชาญชัย เพื่อรอผลการสอบสวนควรให้รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เป็นคนรักษาการไม่ใช่ไปเอาหมอคนเดิมที่เคยจะมานั่งเก้าอี้เมื่อปี 2561 และถูกคัดค้านกลับมานั่งเก้าอี้รักษาการอีก ซึ่งมองว่าผิดปกติ และข้อ 4) กรรมการสอบวินัยร้ายแรงตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 จริงๆ ประธานกรรมการสอบวินัยจะต้องมาจากเขต 5 แต่กลับเอาประธานมาจากเขต 6 มาแทน ซึ่งเป็นคนของกลุ่มชมรมแพทย์ชนบท ซึ่งมองว่านี่คือสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล” นายทศพล กล่าว


นายทศพล กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 15.00 น. พวกตนพร้อมด้วยเครือข่ายภาคประชาชนจะไปยื่นหนังสือ เป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอให้ทบทวนการย้ายการสอบวินัยและการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรงต่อ นพ.ชาญชัย เพื่อเรียกร้องธรรมาภิบาล ความถูกต้อง เป็นธรรมให้เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข และอย่าได้ให้อำนาจการเมืองหรืออำนาจที่ไม่ชอบธรรมใด ๆ มาชี้นำและครอบงำเพียงเพื่อต้องการขจัด โดยเครือข่ายภาคประชาชนมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งย้ำและยืนยันยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด จะได้ใช้อำนาจในสำนึกตระหนักอย่างเป็นธรรมเพื่อคลี่คลายปัญหานี้ พร้อมกับเรียกร้องให้คนดีมีที่ยืน คนทำความดีควรได้รับการยกย่องไม่ใช่มาถูกอำนาจการเมืองในกระทรวงจัดการแบบนี้

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884754
หัวข้อ: 'หมอเกรียงศักดิ์' ยอมรับมีเงิน 5 เปอร์เซ็นต์จริง และมีมากว่า 30-40 ปีแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:36:04
"หมอเกรียงศักดิ์" ยอมรับ มีเงินยา 5 เปอร์เซ็นต์จริงและเกิดมา 30-40 ปีแล้ว เพื่อเอาไปจ่ายค่าภาษีสังคมงานบุญ งานบวช ลำพังเงินเดือนหมอมีไม่พอจ่าย แต่พอมีการห้ามไม่ให้รับก็ต้องเลิกไป บางคนใช้เงินเก่า แต่มีคนที่รับใหม่จึงมีความผิด

ความหน้ากรณีการย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ไปอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข และย้าย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น จนเกิดกระแสการคัดค้านและแฮชแท๊ก #Saveหมอชาญชัย ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดทีมข่าวได้สัมภาษณ์ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ที่มาดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้สอบถามถึงเรื่องเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ที่บริษัทยาจ่ายให้โรงพยาบาล เรื่องนี้ นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามี เรื่องนี้มีมายาวนานมาก ลำพังตามเงินเดือนข้าราชการไม่สามารถรองรับขวัญกำลังใจในการดำเนินการอื่นๆ ได้ งานสังคมต่างๆ งานบวช การแต่ง งานศพ ทุกอย่างต้องจ่าย เลยต้องใช้เงินก้อนนี้ มันเป็นมานานแล้ว 30-40 ปีแล้ว จนกระทั่งรัฐบาลเข้าใจ และออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเงินสวัสดิการ เพื่อให้เป็นเงินสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อวางบนโต๊ะ เงินก้อนนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่

จากนั้นเวลาล่วงเลยมายาวนานต่อมาวันที่ 12 ก.ย. 60 มาขีดเส้นตรงนี้ ป.ป.ช.ได้เสนอว่ามีการตรวจสอบพบมีปัญหาเรื่องของการใช้ยาเกินความจำเป็นหรือทุจริตยา เลยนำเข้าสู่มติ ครม. ครม.ให้เจ้าภาพคือกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมาก ร่วมกับ ป.ป.ช. ได้ทำความเห็นเพิ่มเติม รายละเอียดประกอบเพิ่มเติม ป.ป.ช.ตีความว่าเงินที่ใช้ในการซื้อยาเป็นเงินรัฐบาล เพราะฉะนั้นหากมีส่วนลดส่วนแถมเงินบริจาคควรกลับมาสู่เงินรัฐด้วย เช่น ซื้อยา 100 บาท ส่วนลด 5 บาท ราคาจริง 95 บาท เดิมในอดีต 5 บาท กฎหมายเปิดกว้างให้เอาเงินมาใช้สวัสดิการเจ้าหน้าที่ได้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งและต้องไม่เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่ว่าจะเลี่ยงแบบไหนก็ตามก็ไม่ได้ เป็นกองทุนก็ไม่ได้

"ทีนี้พอออกมาไม่ให้รับโรงพยาบาลต่างๆ ก็กินบุญเก่าอันเก่าอันเดิมที่รับมาพอมีอยู่ไม่ผิดก็เอามาบริหารจัดการได้และอันที่ 2 มีสวัสดิการเจ้าหน้าที่ที่คุยกันเองภายใน โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่ได้ใช้อะไรมาก โดยมีหนังสือสั่งการห้ามรับในเดือน มี.ค. 61 และมีหนังสือเวียนไปทั่ว และมีการส่งสัญญาณให้เตรียมตัวเพื่อปรับระบบเพื่อไม่ให้รับเงิน 5 เปอร์เซ็นต์จากบริษัทยา กรณี หมอชาญชัย คือเกิดการรับหลังจากมีหนังสือเวียนห้ามรับเงิน 5 เปอร์เซ็นต์เลยเกิดปัญหา

เท่าที่ฟังกระทรวงแถลง กระทรวงมีคณะกรรมการหลังมีหนังสือร้องเรียน และไม่ใช่หนังสือร้องเรียนแบบเลื่อนลอยและมีเบาะแส จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบและตั้งกรรมการแล้ว ได้ดำเนินการสอบ 8 เดือน มีการเรียกสอบ 11 ปาก และพอสอบแล้วกรรมการก็สรุปพบว่ามีหลักฐานมีมูลและจะนำสู่การชี้มูลความผิดซึ่งผมก็ทราบประมาณนี้ เพราะอ่านตามข่าวและขั้นตอนโดยหลักการยังไม่ถือว่าผิดแต่มีหลักฐานชี้มูล กรรมการที่ดำเนินการทางวินัยก็จะต้องสอบต่อกระบวนการ” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว

10มิย2563
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884450?utm_source=slide_relate&utm_medium=internal_referral
หัวข้อ: 'อนุทิน' สั่งห้ามย้ายขาด 'หมอชาญชัย' เผย นายกฯ สั่งตั้ง กก.สอบอีกชุด
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:38:14
"อนุทิน" สั่งปลัด สธ. ห้ามย้ายขาด-สลับตำแหน่ง "หมอชาญชัย-หมอเกรียงศักดิ์" เผย นายกฯ สั่งตั้ง กก.สอบอีกชุด

จากกรณีการโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งข้อความทางไลน์ ในกลุ่มไลน์ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ว่าขอสั่งการเป็นนโยบาย ห้ามออกคำสั่งย้ายขาด นพ.ชาญชัย และ ห้ามย้าย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี จนกว่าการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะแล้วเสร็จ

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โฮชา นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นอีกชุดหนึ่ง ทั้งการกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งการออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการ 2 โรงพยาบาล และการดำเนินการที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้มีความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย


ทั้งนี้ การตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ ให้มารักษาการกระทำได้ เพราะเป็นอำนาจและเป็นความรับผิดชอบของ ปสธ. หาก ปสธ. มีเหตุผลตามข้อกล่าวหาว่า ผอ.ขอนแก่นมีพฤติกรรมข่มขู่พยานตามคำสั่งที่ได้ลงนามเพื่อเรียก นพ.ชาญชัย เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใน สธ.

ขณะนี้กระบวนการสอบสวนและสืบสวนได้เริ่มแล้ว ซึ่ง รมว.สธ. อาจจะทำการแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีความไม่เป็นธรรม ในช่วงเวลานี้จนถึงมีการสรุปและเห็นชอบจาก รมว.สธ. จะไม่มีการย้ายขาด ผอ.รพ. ทั้งขอนแก่นและจันทบุรี จนกว่าการสอบสวนจะมีข้อสรุปแล้วเสร็จ

11มิย2563
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884591?utm_source=slide_relate&utm_medium=internal_referral
หัวข้อ: ปธ.ชมรมนายแพทย์ สสจ. ร่อนแถลงการณ์ แนะใช้สันติวิธี กรณี 'หมอชาญชัย'
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:39:28
ปธ.ชมรมนายแพทย์ สสจ. ร่อนแถลงการณ์แนะใช้สันติวิธี และทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน กรณีการร้องเรียนย้าย "หมอชาญชัย" หวั่นกระทบกับการทำงาน ย้ำให้ทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ อันเป็นที่รักยิ่ง สู้ศึกกับภัยสุขภาพทั้งหลายทั้งปวง ด้วยความเข้มแข็ง

จากกรณีการลงนามสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ให้ไปทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี มารักษาราชการแทนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยระบุสาเหตุที่สั่งย้าย นพ.ชาญชัย ว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง จนทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และใกล้เคียงจนมีกระแส #Save หมอชาญชัย และ #คนดีต้องมีที่ยืน รวมถึงการนัดกันรวมตัวแต่งชุดดำ หรือใส่เสื้อดำในทุกวันศุกร์ตามข่าวที่นำเสนอแล้วนั้น

ล่าสุด ได้มีหนังสือส่งต่อทางช่องทางสื่อสารออนไลน์ ระบุเป็นคำแถลงการณ์ ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย เรื่อง ขอความร่วมมือใช้หลักสันติวิธีและปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ โดยหนังสือส่งถึง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด และบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกจังหวัด ลงนามโดย นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ ประธานชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย โดยระบุเนื้อหาว่า ...

ขณะนี้ได้มีเรื่องร้องเรียนในกระทรวงสาธารณสุขตามที่เป็นข่าว ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลและสับสนแก่บุคลากรและประชาชนที่สนใจ ซึ่งชมรมนายแพทย์สาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้ติดตามข่าวสารเรื่องนี้มาโดยตลอดเช่นกัน จึงได้มีความเห็นว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่ กระบวนการตรวจสอบโดยละเอียด ตามขั้นตอนและระเบียบของทางราชการแล้ว โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข, รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันในเรื่องความโปร่งใสและการให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่ายแล้ว

จึงนำเรียนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ได้โปรดเรียกร้องให้บุคลากรทางกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ใช้สันติวิธี และปฏิบัติหน้าที่ราชการ เพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ อันเป็นที่รักยิ่งของเรา สู้ศึกกับภัยสุขภาพทั้งหลายทั้งปวง ด้วยความเข้มแข็งตามภาระหน้าที่ที่ปฏิบัติ

ลงวันที่ 9 มิถุนายน 63 ที่ผ่านมา

เรื่องนี้ บุคลากรทางการแพทย์ ท่านหนึ่งระบุว่า หนังสือดังกล่าวเหมือนออกมาเตือนไม่ให้เคลื่อนไหว และมองว่าการเคลื่อนไหวจะส่งผลต่อการรักษาพยาบาล แต่อยากจะบอกว่า แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ไม่เคยทิ้งคนไข้ หน้าที่ในการปฏิบัติดูแลรักษาคนไข้คือหน้าที่รัก การแสดงออกเพื่อต่อต้านเรื่องนี้จะกระทำโดยสันติวิธีคือการนัดแต่งชุดดำในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีหลายพื้นที่ที่จะแต่งชุดดำเพื่อแสดงออกถึงความไม่โปร่งใสในคำสั่งย้ายดังกล่าว เพราะการทำงานหนักในภาระหน้าที่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือขวัญ กำลังใจ และผู้นำที่ดี ทำงานด้วยแล้วสบายใจ

11มิย2563
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884563?utm_source=slide_relate&utm_medium=internal_referral
หัวข้อ: เมื่อไม่ซื่อ 'ยิ่งแก้-ยิ่งเข้าตัว'-เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:42:29
ผมทึ่ง.........
    ความพยายาม "ปลัดฯ สุขุม" กับ "หมอเกรียงศักดิ์" แฮะ!
    ปี ๒๕๖๑ หมอสุขุมขึ้นเป็น "ปลัดสาธารณสุข" ปุ๊บ
    ออกคำสั่งย้ายสลับปั๊บ
    ให้หมอชาญชัย ลุกจากเก้าอี้ ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปอยู่ที่ รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี
    แล้วดึงหมอเกรียงศักดิ์ จากจันทบุรี ไปนั่งแทนในเก้าอี้ ผอ.รพ.ที่ขอนแก่น ท่ามกลางการ "ไม่ต้อนรับ" ของบุคลากรทางการแพทย์ที่นั่น
    อยู่ได้แค่ ๒ อาทิตย์
    รัฐมนตรีสาธารณสุข ขณะนั้น "หมอปิยะสกล" ต้องเข้ามาสยบปัญหา "ปฐมกรรม" ของปลัดฯ ปากแดง
    ให้เอาหมอเกรียงคืนพระปกเกล้าไป แล้วเอาหมอชาญชัยกลับมาขอนแก่นตามเดิม
    แผ่นดินโรงพยาบาลขอนแก่น กลับสงบร่มเย็นแต่นั้นมา
    กาลล่วงถึง มิ.ย.๖๓
    ๓ เดือน ก่อนถึงเดือนกันยาวาระ "เกษียณ"
    ปลัดฯ สุขุม รวบรวมพลังอำนาจขุมสุดท้าย อาศัยเหตุแห่งบัตรสนเท่ห์ สร้างทุติยกรรม ตั้งข้อหาฉกาจ "หมอชาญชัย" ฉ้อราษฎร์บังหลวง ย้ายไปรอป้ายประหารในกระทรวง
    แล้วให้หมอเกรียง "เจ้าเก่า"
    เหาะข้ามภาค-ข้ามเขตจากจันทบุรี ไปนั่งรักษาการเก้าอี้ ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นคำรบ ๒!
    "ฟ้าดินไม่เป็นใจ" ยังพอจะไหว้วอน แต่การที่บุคลากรทางการแพทย์ รพ.ขอนแก่นไม่เป็นใจ ระแวงในความไม่ชอบมาพากล ในการมาของคนคนนี้ นี่ซี
    แม้ "อำนาจเหนือ" เป็นใจ ในเมื่อบุคลากรแพทย์ต่อต้าน ไม่ต้องการ
    ทั้งสังคมภายนอกเริ่มแคลงใจ........
    เมื่อรู้ไส้ว่า ใต้เสื้อกาวน์ขาวสะอาด ในวงการแพทย์สาธารณสุข มีนอก-มีใน ว่าด้วย "เงินทอน ๕%" บริษัทยา
    จากไฟไหม้ รพ.ขอนแก่นที่เดียว
    "เงินทอน ๕%" เป็นไฟลามไปทุกโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุขเอง ใช่ว่าจะรอด!
    ระดับบริหารกระทรวง ตกใจ แทนใช้น้ำยาดับไฟ กลับสาดน้ำมันใส่ สักแต่ว่ามีอำนาจ ลนลานสั่งสอบ เงินทอน ๕% บริษัทยา กับทุกโรงพยาบาล ร่วม ๒๐๐ โรงพยาบาล
    ไม่ติดคุกโดยสุจริต ก็ต้องย้ายกันหมดทุกโรงพยาบาลแหละ แบบนี้
    ถ้าวันไหน กางกฎหมาย-กฎระเบียบ เข้าจับการทำงานของคนในระบบราชการ ไม่มีใครเหลือ  เผลอๆ ผู้กางกฎหมายเองก็ไม่รอด!
    คือ "กฎหมาย-กฎระเบียบ" มากมาย
    สักแต่ว่ามีอำนาจออก ก็ออกกันไป โดยไม่คำนึงด้านปฏิบัติว่า ที่ออกๆ ไปนั้น ขัดแย้งหรือสอดคล้องกับโลกและสังคมเป็นจริง
    ทั้งมาก-ต่อมาก บัญญัติไว้แบบคลุมจักรวาล เป็นช่องให้ "ตีความใช้" แบบพวกใคร-พวกมัน ในทางคุณและโทษ
    กรณีนี้ รูปการณ์ ปลัดฯ แค่จะทิ้งทวน
    เรื่องบานกลายเป็นจุดไฟเผากระทรวง-เผาโรงพยาบาล ทั้งแพทย์-พยาบาล จะพลอยถูกไฟคลอกตายโดยไม่รู้เรื่อง-รู้ราวไปด้วย
    ทำไงดีล่ะ...ตานี้!?
    เมื่อวาน (๑๕ มิ.ย.) จึงเห็น หมอเกรียงศักดิ์เรียกนักข่าวมาแล้วตั้งโต๊ะแถลงที่ รพ.ขอนแก่น
    ".......ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า
    การ 'ขอถอนตัว' จากรักษาการในตำแหน่ง 'ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น' น่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
    เพื่อให้การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลขอนแก่น คลี่คลายเดินหน้าได้โดยเร็ว
    ผมพร้อมและยินดีกลับไปปฏิบัติหน้าที่ 'ผอ.โรงพยาบาลพระปกเกล้า' จังหวัดจันทบุรี เช่นเดิม
    หรือตามที่บังคับบัญชามอบหมาย โดยเคร่งครัด"
    เป็นอันว่า ความพยายามครั้งที่ ๒ "ปลัดฯ สุขุม" กับ "หมอเกรียงศักดิ์" ประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปไม่ถึงฝั่งอีกครั้ง
    ครั้งแรก มาอยู่ได้ ๒ สัปดาห์
    ครั้งที่สอง แค่ ๑๐ วัน น้อยกว่าอายุยุงถึง ๔ วัน!
    ตอนมา เห็นมุ่งมั่นขมันขมี แต่ทำไมจู่ๆ ถอดใจ ถอยหนีซะดื้อๆ ถอยเพื่อดับไฟใน รพ.ขอนแก่น หรือเพื่อตัดไฟที่ทำท่าลามไหม้ถึงตัวปลัดฯ รวมทั้งกระทรวง?
    เหล่านี้ "สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง" บริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว รู้ได้ตัวเอง
    ประเด็นนี้ รัฐมนตรี, ปลัดฯ, หมอเกรียง และคนในแวดวง รู้อยู่แก่ใจ คนอื่น รวมถึงผม เดาเปะปะ ตามประสาคนท้องอืด-ท้องเฟ้อแค่นั้น
    หมอเกรียงขอถอนตัวเองกลับที่ตั้ง บอกจะไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้าตามเดิม
    ประเด็นมีว่า เจ้ากระทรวงและแม่บ้านใหญ่ คือปลัดฯ จะว่าไง ตัวเองอยากไปอยู่โรงพยาบาลไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบงั้นหรือ?
    เท่าที่สดับตรับฟัง เรื่องการโยกย้าย รัฐมนตรีอนุทินออกตัวเสมอว่า นอกอำนาจท่าน เป็นอำนาจของปลัดฯ คือไม่รับรู้
    แต่เมื่อวาน ขณะหมอเกรียงแถลงขอถอนตัวจาก ผอ.รพ.ขอนแก่น
    ที่กระทรวง ในห้องทำงานรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ปลัดฯ กะหนุง-กะหนิง กันในอิริยาบถสบายๆ
    รัฐมนตรีอนุทินตอบคำถามนักข่าวเรื่องหมอเกรียงถอนตัวว่า
    "เรื่องนี้ต้องถามปลัดฯ อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็บอกว่า จะพอใจ หากมีการถอนหมอเกรียงศักดิ์ จากรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
    ซึ่งหมอเกรียงศักดิ์ ก็ถอนตัวแล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างกลับมาที่เดิม ซึ่งผมกังวลสุดเรื่องการบริการพี่น้องประชาชน......"
    ทางปลัดฯ สุขุม ตอบว่า........
    "ผมกับนายอนุทินได้หารือกันแล้ว ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
    ส่วนรักษาการคนใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามที่องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่นได้เสนอขอให้ตั้ง 'รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์' เป็นรักษาการแทน
    ก็คงเป็นไปตามนั้น
    ซึ่งก็เป็นไปตามระบบราชการในการรักษาราชการแทนชั่วคราว เมื่อไม่มี ผอ.โดยปลัดฯ ไม่จำเป็นต้องมีการออกคำสั่งแต่งตั้งรักษาการคนใหม่
    ส่วนของ นพ.เกรียงศักดิ์ จะต้องรอหนังสือมาถึงผมอย่างเป็นทางการก่อน คาดว่าจะมาถึงภายใน  ๑-๒ วันนี้ และผมก็จะออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป
    เพื่อให้นายแพทย์เกรียงศักดิ์ ไปรายงานตัวเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้าเหมือนเดิม"
    เอาเป็นพอกล้อมแกล้มได้ว่า........
    ที่หมอเกรียงถอน เพราะรัฐมนตรีกับปลัดฯ ให้ถอน ถอนแล้วให้กลับไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้าที่เดิม
    ส่วนที่ รพ.ขอนแก่น ให้ "รอง ผอ.รพ.ขอนแก่น" รักษาการในตำแหน่ง ผอ.
    แล้วหมอชาญชัยล่ะ?
    ชนัก "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ยังปักคาหลังอยู่เฝ้ากระทรวงจนกว่าการสอบวินัย จะมีผลสรุปออกมา!
    สรุป รายการนี้ หมอเกรียง มีเจี๊ยะกับเจ๊า
    ส่วนหมอชาญชัย มีแต่เจ๊กอั้ก กับเจ๊งมาก-เจ๊งน้อย!
    แล้ว กรณี เงินทอน ๕% บริษัทยา ที่สั่งสอบข้อเท็จจริง ๑๘๖ โรงพยาบาลล่ะ จะไปทางไหนกันต่อ?
    รัฐมนตรีอนุทินตอบไพเราะ......
    "รอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผมตั้งขึ้น ผมเน้นย้ำให้ทุกอย่างต้องเป็นธรรมโปร่งใส อธิบายประชาชนได้ ไม่ได้อยู่ภายใต้แรงกดดันของใคร ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในกระทรวงตรวจสอบไป เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา"
    แปลไทยเป็นไทย
    ออกสู่มหาสมุทรเรียบร้อยแล้ว น่าจะใช้เวลาเป็นปีๆๆๆๆ สู่เส้นทางเลือนลืม!
    แบบนี้ เรื่องหมอๆ จบแล้วใช่มั้ย?
    ความเห็นผม แค่ "ฆ่าตัดตอน" ยังไม่จบ ประเด็น ๑๐ ปี ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ๒๐๐ ล้าน ใน รพ.ขอนแก่น ก่อนหมอชาญชัยเข้ามา
    มันยังเป็นปริศนาเชิง "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ของแท้ คาตา-คาใจประชาชน แต่ทำไมระดับกระทรวงคล้ายเตะลูกออก
    และอย่างนี้..........
    ทำไม ทั้งรัฐมนตรีและปลัดฯ ไม่ตั้งกรรมการเข้าไปตรวจสอบ?     
    กลับตั้งข้อหา "เด็ดหัว" คนเข้าไปล้างหนี้และบริหารจนโรงพยาบาลกลับมีกำไร?
    พุทธศาสนายึดหลักกรรม "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ" เจตนานั่นแหละ เป็นกรรม
    ในทางกฎหมายก็ยึดหลักนี้ จะเห็นในกฎหมายอาญายึดหลัก "กรรมเป็นตัวบ่งชี้เจตนา" ชัดเจน
    ฉะนั้น ใครก็อย่ามองข้าม "วงเวียน ๑๕๗" อันเป็น "วงเวียนกรรม" ของข้าราชการนะ.

16 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ไทยโพสต์
หัวข้อ: "พระเอก-ผู้ร้ายใต้เสื้อกาวน์"-เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:44:20
"หมอเกรียงศักดิ์" นี่......
    ถ้าจิตไม่แข็ง ประสาทไม่แข็ง ก็ต้องเส้นแข็ง
    ไม่งั้น......
    ตื๊อนั่งเก้าอี้ ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่นแทน "หมอชาญชัย" ท่ามกลางการ "ไม่ยินดีต้อนรับ" จากบุคลากรที่นั่นไม่ได้หรอก
    ก็แรงซะขนาดนั้น ใครที่ไหนจะไปด้านพอ!
    ยิ่งกว่านั้น เมื่อวาน (๑๒ มิ.ย.๖๓) เห็นบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ขอนแก่น และแพทย์-พยาบาล หลายแห่งในพื้นที่ แต่งชุดดำมาที่ทำเนียบฯ
    มายื่นหนังสือถึงนายกฯ ประยุทธ์
    แต่รองนายกฯ อนุทิน ในฐานะเจ้ากระทรวงหมอออกไปรับแทน
    เขาไม่ได้มาคัดค้านการย้ายหมอชาญชัย แต่มาขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาลในการย้าย, การตั้งข้อหา และการสอบสวน
    ในเมื่อบอกว่า หมอชาญชัยยังเป็น ผอ.รพ.ขอนแก่นอยู่ เพียงย้ายชั่วคราวระหว่างสอบสวน
    ถ้างั้น ตามหลัก ควรให้ "รอง ผอ.รพ.ขอนแก่น" รักษาการในตำแหน่ง ผอ.แทน
    ไม่ใช่เจาะจงเอา "หมอเกรียงศักดิ์" จาก ผอ.รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี เหาะข้ามภาค-ข้ามเขต มานั่งเป็น "ปริศนาฟ้าแลบ" แทน
    แบบนี้ส่อพิรุธ-ส่อเจตนาว่า "ต้องคนนี้" เพียงผู้เดียว ทำถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ชวนให้ฉงน
    ต้องการเอามาให้ "กลบ" หลักฐานอะไรกันในโรงพยาบาลหรือเปล่า?
    เพราะมันมีบัญชีแฉ ผอ.คนก่อนหน้าหมอชาญชัย จ่ายเงินสนับสนุนชมรมแพทย์ชนบท ที่หมอเกรียงเป็นประธานผูกขาด ครั้งละหลายแสน หลายครั้ง-หลายหน
    ในขณะที่โรงพยาบาลเองก็ยังติดลบต่อเนื่องเป็นสิบปี กว่า ๒๐๐ ล้าน ซ้ำ ผอ.เบิกเข้าบัญชีตัวเองบ้าง เลขาฯ บ้าง อีรุงตุงนัง ที่รอการชำระสะสาง
    แต่ดูเหมือน มีคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ต้องการให้ชำระสะสาง และพยายาม "เตะลูกออก"
    นี่แหละ มันเป็นปริศนาธรรมาภิบาล ชวนคันหัวใจ ในวงราชการหมอยิ่งนัก!
    เรื่องนี้ ดูไม่จืด-ไม่จบแน่ เมื่อหมอบีบตูดเข็มฉีดยา ยังไงๆ ก็ต้องปล่อยยาหมดเข็ม ก็พลอยไฟสุมอกแทนรัฐมนตรีอนุทินคนเก่ง
    นายกฯ ใช่ว่าไม่สนเรื่องนี้ ที่สังเกต ท่านอยู่ในกิริยาอาการ "ตาหรี่ดู-หูฟัง" คนระดับพลเอกประยุทธ์ ถ้าซื่อบื้อถึงขนาดมองไม่ออกถึงการย้ายที่โรงพยาบาลขอนแก่น
    ท่านอยู่เป็นนายกฯ ถึงวันนี้ไม่ได้หรอก!
    ฉะนั้น อยากเตือนท่านรัฐมนตรีอนุทินด้วยหวังดี ที่นายกฯ ไม่ลงมาแตะ ให้ท่านรัฐมนตรีดูแลให้เรียบร้อยนั้น
    การที่ "นายกฯ วางมือ" ไม่ได้หมายความว่า "นายกฯ วางใจ"
    แบบนี้แหละที่เรียก "ไม่ล้วงลูก" ของจริง
    เป็นทั้งการบริหารองค์กร, บริหารอำนาจ, บริหารคน และบริหารปัญหา พร้อมด้วยศาสตร์ ด้วยศิลป์ ด้วยคำนวณหนักเบา, ด่วนไม่ด่วน ของเรื่องราว บนการให้เกียรติกันและกัน
    แต่ที่ควรตระหนัก ยังไม่ต้องตระหนก คือ นายกฯ "ปลายเปิด" ในคำสั่งไว้มิใช่หรือ?
    ระดับกระทรวง "รัฐมนตรี-ปลัดฯ" จะต้มยำทำแกงหมอชาญชัยด้วยข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ยักเยื้องอย่างไรก็ทำไป
    แต่ท้ายของเรื่องทั้งหมด   
    นายกฯ บอก.........
    "จะตั้งคณะกรรมการที่มีความอิสระอีกชุดหนึ่ง เพื่อสรุปสาระสำคัญของเรื่อง และหาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย"
    หมายความว่าไง?
    ก็หมายความว่า ในขั้นตอนอำนาจปลัดสุขุม จะตั้งพวกไหนเป็นคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับหมอชาญชัย จากเหตุ "บัตรสนเท่ห์" ใบเดียว ก็ว่ากันไป
    และที่นายอนุทินบอกว่า ตัวท่านจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น อีกชุดหนึ่ง รวมถึงเรื่อง
    -การกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์
    -การออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ผอ. ๒ โรงพยาบาล
    -การดำเนินการที่เกี่ยวเนื่อง
    ประเด็นหลังนี้ "ครอบจักรวาล" จนเดาไม่ออกว่า "การดำเนินการที่เกี่ยวเนื่อง" หมายถึงเรื่องอะไร-ตรงไหนบ้าง
    หมายถึงเงื่อนงำในยุคหมอวีระพันธ์เป็น ผอ. ขนาดมีเงินทอน ๕% บริษัทยายังขาดทุนสะสมกว่า ๒๐๐ ล้าน ต่อเนื่องเป็นสิบปี ว่าเพราะเหตุใด?
     การซื้อที่ดินข้างโรงพยาบาลทำไมคาราคาซังโอนไม่ได้ และที่โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองบ้าง ให้ชมรมแพทย์ชนบทบ้าง มีที่มา-ที่ไปอย่างไร?
    เนี่ย.....
    ที่รัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบผลสอบของคณะกรรมการชุดปลัดฯ อีกทอดนั้น มีหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ไม่แน่ใจ!
    สรุปเป็นว่า ถ้าผลสอบหมอชาญชัยออกมาตอบโจทย์เฉพาะปลัดฯ และรัฐมนตรี
    แต่ไม่ตอบโจทย์ธรรมาภิบาล ไม่ตอบโจทย์ตามกระบวนการสอบสวนที่ครบถ้วน โปร่งใส ตรวจสอบได้
    คราวนี้แหละ.....
    ถึงขั้นตอน "คณะกรรมการอิสระ" ของนายกฯ จะเข้ามาตรวจสอบ ทั้งชุดปลัดฯ และชุดของรัฐมนตรี!
    นี่...โลกที่ "เป็นจริง" ด้านความ "ยุติธรรม"
    อะไรที่เรียกว่า "ยุติธรรม"
    "มาช้า" เสมอ!
    ลิเก-หนัง-ละคร ถึงเป็นแบบนั้น ไม่สังเกตกันหรือ คนที่ได้ปล้ำนางเอกก่อนเพื่อน ตั้งครึ่ง-ค่อนเรื่อง ไม่ใช่พระเอก
    หากแต่เป็น "ตัวโกง"!
    กว่าพระเอกจะได้แฮปปี้ เอนดิ้ง กับนางเอง ส่วนตัวโกงตายแหงแก๋
    จบเรื่อง-ลาโรงพอดี!
    พระเอก-ผู้ร้ายในหนัง-ละครกับในชีวิตจริง ก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ หมอชาญชัยกับหมอเกรียง ตอนนี้เหมือนดาราร่วมฉากละคร "คนเสื้อกาวน์"
    ใครเป็นพระเอก-ผู้ร้าย ดูเอาจากคนเขียนและกำกับบทนี่แล้วกัน
    ขอสั่งการเป็นนโยบาย.........
    "ห้ามออกคำสั่งย้ายขาด นายชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ออกจากตำแหน่ง และ
    ห้ามย้าย นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี
    จนกว่าการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะแล้วเสร็จ"
    ดูเหมือนดี มีธรรมาภิบาล
    แต่เมื่อถอดรหัสคำสั่งออกมาเพื่อปฏิบัติ หมายความว่า
    -ห้ามถอนชนัก "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ที่ปักหลังหมอชาญชัยออก
    -หมอชาญชัยต้องอยู่ใน "กรงกระทรวง" ต่อไป ยังกลับไปนั่งเก้าอี้ ผอ.รพ.ขอนแก่นไม่ได้
    -ให้หมอเกรียงศักดิ์นั่งเก้าอี้ "รักษาการ" ผอ.รพ.ขอนแก่นต่อไป ห้ามใครย้ายไปไหน
    -ให้เก็บเก้าอี้ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี ไว้รอหมอเกรียงศักดิ์ก่อน ยังตั้งใครไปเป็นเต็มก้นไม่ได้
    ตกลง คำสั่งนี้ "เป็นคุณ-เป็นโทษ" กับฝ่ายไหน เป็นธรรมาภิบาลทางบริหารและปกครองในวงราชการหรือไม่?
    คุณหมอ คุณพยาบาล พินิจ แล้วช่วยตอบที!
    บัตรสนเท่ห์กล่าวหาหมอชาญชัยใบเดียว ปลัดฯ สุขุมใช้เวลากว่า ๘ เดือน เพียงเพื่อจะชี้ว่า มีมูลหรือไม่มีมูล
    ก่อนชี้มีมูล ตั้งข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อเอาให้ตายสนิท เพิ่มไปอีกว่า มีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคามพยาน ซึ่งป่านนี้ ไม่รู้ว่าใคร ไม่ปรากฏตัว-ปรากฏนาม!
    ก็เอาละ กว่าจะถึงขั้นได้ย้ายหมอชาญชัยเข้ากรุ ก็ใช้เวลาร่วมปี
    คำถามต่อมีว่า.......
    จะต้องสอบอย่างน้อยอีก ๓ ขั้น คือขั้นปลัดฯ ต่อด้วยขั้นรัฐมนตรี และอาจตามมาอีกในขั้นนายกฯ
    แบบนี้ ต้องรอไม่ต่ำกว่า ๒ ปีรึนี่ กับคำสั่งสอบที่ไม่มีกำหนดเวลา?
    หมอชาญชัยตอนนี้ อายุ ๕๕ -๕๖
    เผลอๆ "เลือดตกใน" จากชนักฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ปักหลังไปก่อน เป็นละครเสื้อกาวน์ที่ แซด เอนดิ้ง แทนแฮปปี้ เอนดิ้ง ซึ่งมันเศร้านัก
    ที่สำคัญ รัฐมนตรีจะอยู่ถึงเรื่องนี้มีคำตอบเป็นที่สุดหรือไม่ นี่แหละประเด็น และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ใครจะมาอินังขังขอบกับหมอชาญชัย
    ๓-๔ เดือน ปลัดฯ สุขุมก็ไป รัฐมนตรี (อาจ) ยังอยู่ คนในกระทรวงจะใจจด-ใจจ่อ กับการแต่งตั้ง-โยกย้ายใหม่ ทั้งแต่ละวิถีชีวิตคน มีเรื่องของแต่ละคนต้องหมุนวนไป
    แล้วจะเหลือใครอินัง-ขังขอบกับหมอคนหนึ่ง ที่เชื่อว่า โลกนี้มีธรรมาภิบาลอยู่จริงในทางยึดถือ?
    สรุปคือ ในแนวทางที่รัฐมนตรีบัญชา สมมุติ อีก ๒ ปีเรื่องจะเป็นที่สุด ก็หมายความว่า
    หมอชาญชัย จะเฝ้ากระทรวง "อีก ๒ ปี ห้ามย้ายไปไหน"
    หมอเกรียงศักดิ์ จะเป็น "ผอ.รพ.ขอนแก่น" อีก ๒ ปี ห้ามย้ายออกไปไหน
    จากคำสั่งหมอหนูนี้
    ระหว่างหมอเกรียงกับหมอชาญชัย ใครเป็นฝ่ายได้รับธรรมาภิบาล และใครเป็นฝ่าย "พระเอก-ผู้ร้าย"
    เขียนใส่ใบเสร็จทายมาได้เลย!.

13มิย2563
ไทยโพสต์
หัวข้อ: “หมอมงคล” เหลืออด ไลฟ์สดปม “หมอชาญชัย” คนดีทำเพื่อส่วนร่วม
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 21 มิถุนายน 2020, 16:48:20
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรี สธ. เผยความลำบากการบริหารงาน ผอ.รพ.ที่หลายคนไม่รู้ ชี้ระเบียบบั่นทอนคนดี ต้องการจัดการคนโกง แต่คนดีกลับถูกทำลาย ย้ำหากหมอชาญชัยบริสุทธ์ ต้องคืนความชอบธรรม เหตุถูกทำลายชื่อเสียงไปแล้ว

จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จากกรณีถูกกล่าวหารับเงินบริจาคยาจากบัตรสนเท่ห์ที่มีการสืบหลักฐานว่า มีมูล จนนำไปสู่การสอบสวนวินัยร้ายแรง ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธ พร้อมยื่นอุทธรณ์แล้วนั้น แม้ล่าสุด ปลัดสธ.ได้แถลงว่า ผลการสอบยังไม่สิ้นสุด ขณะที่การโยกนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรีไปรักษาแทน นพ. ชาญชัย ก็เพราะไม่สามารถตั้งรองผู้อำนวยการ รพ. ขอนแก่น เนื่องจากคำสัมภาษณ์ นพ.ชาญชัย เคยระบุว่า รองผอ.รู้เรื่องกองทุนและอาจไม่เหมาะสม ซึ่งได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 



ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ไลฟ์เฟซบุ๊กส่วนตัว Mongkol Na Songkhla ถึงกรณีปมปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นส่งถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน ว่า

จริงๆ ผมไม่ได้ทำเฟซบุ๊กไลฟ์เป็นเวลาหลายเดือน แต่วันนี้รู้สึกอึดอัด ไม่อยากปล่อยให้ความอึดอัดยาวนานเกินไป แต่อยากให้นึกถึงข่าวทางทีวี ที่นพ.ชาญชัย ผอ.รพ.ขอนแก่น มารายงานตัวและขอความเมตตาต่อ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการขอความเป็นธรรม

เรื่องนี้ผมคิดว่า คนที่อยู่ในวงในจะทราบข่าวกันดีพอสมควร จะถูกหรือผิดอย่างไรก็แล้วแต่ หลายๆกรณีก็ยากสำหรับผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัด โดยเฉพาะโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่างโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลนครราชสีมา มีความรับผิดชอบ มีปัญหาในเรื่องการใช้เงินงบประมาณได้ เพราะระบบของเราป้องกันคนไม่กี่คนโกง แต่ทำให้คนอีกกว่า 90% พลอยขัดข้อง อึดอัดไปด้วยในเรื่องของการทำงานไม่สะดวก

ขอเรียนว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่ละโรงนั้น ที่ผมเคยเป็นมา แม้จะไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่างคนบ้านนอก เวลาญาติตัวเองตาย บางทีไม่มีเงิน ค่าขนส่งศพก็ราคาสูง รถขนศพก็ไม่มาก และเมื่อญาติไม่มีเงินจ้างรพไปส่งศพ ทางรพ.จะเก็บศพจนรถให้ญาติหาเงินมาเก็บศพนั้น ก็เป็นภาระทุกฝ่าย ดังนั้น เมื่อแจ้งทางผู้อำนวยการ ก็จะจัดการหาทางให้ สิ่งเหล่านี้มีหมด อย่าไปคิดว่า 30 บาทรักษาทุกโรค แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะการที่ญาติตายแล้วต้องส่งศพก็ไม่ได้รวมใน 30 บาทรักษาทุกโรค และการที่ญาติมานอนโรงพยาบาล ก็ต้องมีคนมาเฝ้า ต้องอยู่แบบไม่มีเงินไปซื้ออาหารกินก็มี คนที่ไปช่วยกันเพื่อซื้ออาหารให้กับญาติบางคนกิน ส่วนใหญ่ก็เป็นพยาบาลประจำวอร์ดช่วยกัน เผื่อจำเป็นก็รายงานไปยังผู้อำนวยการ ซึ่งก็ต้องไปหาเงินพิเศษเพื่อไปหาเงินซื้ออาหารให้คนไข้

อย่างง่ายๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดป่วยไปโรงพยาบาล และท่านรู้หรือไม่ว่า มียาหลายชนิดเบิกไม่ได้ตามสิทธิของข้าราชการ ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะไปเรียกเก็บเงินเพิ่มก็ไม่ได้ ทางโรงพยาบาลก็ต้องเอาเงินของมูลนิธิมาเพื่อจ่ายแทน เพื่อรักษาไมตรีจิต อันนี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง และยังมีกรณีการสร้างตึก ราคาเป็นร้อยล้าน โดยการใช้ทุนที่เรี่ยไรมาจากชาวบ้านเพื่อสร้างตึก เพราะงบประมาณรัฐบาลไม่เพียงพอ เมื่อคนบริจาคเหล่านั้นได้ติดชื่อที่ตึกที่ร่วมสร้างขึ้นมา และเมื่อคนเหล่านั้นเจ็บป่วยและเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลก็จะมีพวงหรีด และรับเป็นเจ้าภาพเพื่อแสดงถึงมุทิตาจิตในการร่วมกันสร้างตึก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจัดซื้อพวงหรีด จะให้ผู้อำนวยการเอาเงินตัวเองจ่าย ถ้าแบบนี้ผมว่าอยู่ไม่เกิน 7 วัน

สิ่งเหล่านี้ จึงเป็นความจำเป็นในการใช้เงินเป็นกรณีพิเศษ แม้แต่ผู้ตรวจราชการ นิเทศงาน ตรวจโรงพยาบาล หรือแม้แต่รัฐมนตรีไปเยี่ยมโรงพยาบาล ก็ต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ ถามว่าคนเหล่านี้เคยเอาเงินไปจ่ายให้โรงพยาบาลในการเลี้ยงรับหรือไม่ ก็ไม่มี นี่คือความจริง

“ เราพยายามทำให้เห็นว่า เราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการโกง แต่เราไม่ยอมรับความจริง ไอ้คนที่โกงไม่เดือดร้อน ไอ้คนโกง ยิ่งโกงมากยิ่งผ่านฉลุย นี่เป็นสังคมที่น่าเกลียดที่สุดในสังคมไทย คนดีจะถูกทำลายไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้มีปัญหาหรือชอบพอกับคุณหมอชาญชัย ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำไป แต่ผมเห็นคุณหมอชาญชัย มายกมือไหว้ ใส่เสื้อสีเขียว ไหว้รัฐมนตรีอนุทิน น้ำตาคลอ ผมสะท้อนใจ คนๆนี้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ไม่เคยนึกถึงตัวเองเท่าที่ผมทราบ แต่ไม่ได้รู้จักส่วนตัว ส่วนนพ.เกรียงศักดิ์ ผมก็สนิทสนมร่วมมา 40 ปีแล้ว ผมไม่ได้อคติกับคนหนึ่งคนใด แต่การที่คุณหมอชาญชัยถูกกระทำ ขาดฐานความคิดที่จะประกอบกุศล ผมอาจมีข้อมูลไม่เพียงพอ แต่ผมเข้าใจหลายครั้งเกิดกับข้าราชการที่มีความซื่อสัตย์ และไม่คิดจะโกง หรือเอาผลประโยชน์เป็นส่วนตัว

บางโรงพยาบาลผู้อำนวยการไปเยี่ยมพื้นที่ กลับมาค่ำ ก็ให้รถโรงพยาบาลไปส่งบ้านก่อนและพรุ่งนี้ให้มารับ ค่อยเอารถตัวเองกลับบ้าน ตรงนี้ถูกร้องเรียนว่าใช้รถหลวง ถือว่าผิดระเบียบ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เขาออกไปทำงานนอกพื้นที่กลับมาเย็นค่ำ เป็นการเสียสละ และไม่ได้เบิกเบี้ยเลี้ยงด้วยซ้ำไป และเมื่อผ่านบ้านพักตัวเองก็ให้แวะก่อน ลักษณะนี้ผิดหรือ โดยกฎหมาย ระเบียบอาจไม่ถูกต้อง แต่ด้วยเจตนา ด้วยกุศลจิตไม่คิดว่าผิด และการถูกใส่ร้ายโดยเอากฎหมายเป็นตัวตั้ง เพื่อกลั่นแกล้งคนๆนั้น ให้เกิดขึ้นบางสิ่งบางอย่าง เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง หลายเรื่องไม่ถูกต้อง

“คนเหล่านี้ตายไปตกนรกอย่างเดียว ผมเชื่ออย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าขณะนี้การสอบสวนคุณหมอชาญชัยไปถึงไหน แต่ที่ผมได้ข่าวก็ดูแล้วไม่ชอบมาพากล ก็อยากให้ผู้บริหารในกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเรื่องของเนื้อหาสาระของการตั้งข้อหาตรงนี้ให้ดี และการย้ายข้าราชการที่ทำงานเป็นเวลาช้านาน ถูกย้ายมากระทรวง ชื่อเสียงหายไปหมด ถ้าสมมติสอบแล้วไม่มีอะไร แต่ตัวเขาเอง ลูกที่ไปโรงเรียน เขาขายหน้า ไม่สามารถชดใช้ได้ ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจกันด้วย ไม่งั้นก็ต้องรอชาติหน้าหรือ แล้วชาตินี้จะพัฒนาอย่างไร” นพ.มงคล กล่าว

วันนี้จึงเป็นเรื่องของความเหลืออดของคนแก่ๆคนนี้คนหนึ่งที่ติดตามข่าวมาแล้ว และรู้สึกไม่สบายใจที่จะทำให้มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น หากเผื่อความจริงเป็นอย่างไร ก็ขอให้แถลงชัดเจนว่า มีส่วนไหนเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว แต่ถ้าทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ก็แก้ไขเสีย อะไรที่ทำให้เจ็บปวด อย่าทำให้เจ็บปวดมากอีก วันนี้ผมอยากขอร้องทุกฝ่าย ขอให้ยับยั้งชั่งใจ ทำอะไรก็แล้วแต่ คงไม่นึกถึงว่าคนนั้นเป็นใคร แต่ขอให้นึกถึงความดีงามของแต่ละคน ว่า ทำเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ไม่ใช่ทำตามระเบียบที่ทำขึ้นป้องกันบางคน แต่คนดีๆ กลับทำอะไรไม่ได้ เพราะติดกับดักความชั่วร้ายที่ตรากันขึ้นมา กลายเป็นว่าคนดีถูกกระทำ แต่คนไม่ดีกลับรอดกับดักกฎหมาย

ขอความกรุณานักกฎหมาย คนร่างระเบียบดูผลลัพธ์ ดูเป้าหมาย อย่าให้คนดีไม่สามารถปฏิบัติงานด้วยความดีได้ ไม่เช่นนั้นก็จะติดอยู่กับคนที่หลงในความดี แต่ก็ไม่ได้ทำความดี ขอให้พวกเราช่วยกันติดตามเรื่องคุณหมอชาญชัย เพื่อเป็นกำลังใจ หากท่านไม่ได้ทำความผิดขอให้ท่านได้กลับไปบริหารงานเหมือนที่เคยทำมา เรื่องนี้จะได้เป็นอุทธาหรณ์ของคนทุกคน

2020-06-10-- hfocus team
หัวข้อ: ปลัด สธ.ย้าย “หมอเกรียงศักดิ์” กลับ รพ.พระปกเกล้า
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:00:05
ปลัด สธ.ลงนามคำสั่งย้าย “หมอเกรียงศักดิ์” กลับไปตำแหน่ง ผอ.รพ.พระปกเกล้า หลังขอถอนตัวจากรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ขณะที่องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น เตรียมร้องนายกฯ ศุกร์นี้ ถึงความไม่เป็นธรรม   ในการย้าย-ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง “หมอชาญชัย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในเอกสารสำเนาคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่670 /2563 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เรื่องให้ข้าราชการกลับไปปฏิบัติราชการสังกัด ระบุว่า การขอกลับไปปฏิบัติราชการทางสังกัดเดิมของ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง จึงให้ นพ.เกรียงศักดิ์ กลับไปปฏิบัติราชการตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/ โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย(สพศท.) ได้เผยแพร่หนังสือถึง เพื่อนๆองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ เนื้อหาระบุว่าจากการที่องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่นได้รณรงค์ Save ธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกไม่เป็นธรรมในการย้ายและตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อ ผอ.รพ.ขอนแก่นอย่างที่ทราบกันดีในขณะนี้ จนนำไปสู่การแต่งดำBlack Friday เพราะรู้สึกว่าในวันศุกร์ไม่มีความสุขอีกต่อไป และระบุว่า “เราถอยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ยอมถอย ถ้าเราถอยแปลว่าเรายอมรับความไม่ยุติธรรม” ซึ่งการร้องขอความเป็นธรรมยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจ จนรู้สึกว่ากระทรวงสาธารณสุขตอนนี้อาจจะไม่ใช่ที่พึ่ง ด้วยเหตุนี้องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น จึงมีความประสงค์จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.นี้  ขณะที่เครือข่ายประชาชนอีสานรวมการเฉพาะกิจจะเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ที่กระทรวงสาธารณสุข ในวันที่  25 มิ.ย.63               

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีใครประสานมาและยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่หากจะมาก็เป็นการมาตามสิทธิที่จะมายื่นหนังสือได้ โดยหากตนไม่อยู่ก็จะมีผู้ที่คอยรับเรื่องแทนอยู่แล้ว แต่หากอยู่ก็พร้อมรับเรื่อง เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ มีขั้นตอนตามกฎหมาย มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นอยู่แล้ว

“ทุกคนมีสิทธิทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ส่วนที่เรียกร้องเรื่องธรรมาภิบาลในกระทรวงนั้น ธรรมาภิบาลต้องมีอยู่แล้ว ผมเข้ามากระทรวงคนเดียว ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร  ดังนั้นหากผมไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลแล้วจะไปยึดตามสิ่งใด”นายอนุทิน กล่าว

ส่วนกรณีที่ นพ.ชาญชัย ทำหนังสือร้องเรียน รมว.สธ.ขอให้ดำเนินการทางวินัย นพ.สุขุม ปลัด สธ.กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เลือกปฏิบัติและใช้ดุลพินิจโดยมิชอบและให้มีการชี้แจงภายใน 15วัน ปลัด สธ.มีการชี้แจ้งแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงระยะเวลาที่กำหนด คือ 15 วัน เมื่อถึงกำหนดเวลา นพ.สุขุม ก็ต้องชี้แจงอยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ตามขั้นตอน ตามประเด็น

–สำนักข่าวไทย
23 มิ.ย. 2020
หัวข้อ: ม็อบบุกทำเนียบเรียกร้องความเป็นธรรมให้ “หมอชาญชัย”
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:04:55
บุคลากร รพ.ขอนแก่นบุกทำเนียบรัฐบาลยื่นหนังสือนายกรัฐมนตรี เรียกร้องความเป็นธรรมให้  “หมอชาญชัย”  ด้าน “อนุทิน” รับหนังสือ บอกขอให้ใจเย็น รอผลการสอบสวน

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. สมาคมศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่น องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ขอนแก่น​ รุ่น11 ​ พร้อมด้วยตัวแทนภาคประชาชน จ.ขอนแก่น เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี

โดย พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบธรรมาภิบาลในการตั้งคณะกรรมการที่ไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง และตั้งข้อสังเกตว่ามีการโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เป็นธรรมที่มีการอ้างว่า นพ.ชาญชัย มีพฤติกรรมขัดขวางข่มขู่การสอบสวนมองว่าไม่เป็นธรรมเพราะหลักฐานขณะนี้ยังไม่แจ้งประจักษ์พยานว่ามีการกระทำดังกล่าว รวมถึงการแต่ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้ามารักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่นแทน ซึ่งมองว่าอาจไม่เป็นธรรมกับผู้สอบสวน เป็นบุคคลที่มีความขัดแย้งกับ นพ.ชาญชัยมาก่อน

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ออกมารับหนังสือ โดยระบุว่า ตนมีความกังวลไม่น้อยกว่าทุกคนพร้อมขอให้มั่นใจในตัว รมว.สาธารณสุขที่จะให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวและไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ซึ่งเห็นได้ว่าตนนั้นได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด พร้อมของให้คณะแพทย์ใจเย็นและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากตนไม่ได้มีปัญหากับฝ่ายใดซึ่งในระเบียบราชการเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และจะต้องมีการทำงานร่วมกันโดยจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ทั้งนี้ได้มอบหมายปลัดกระทรวงได้รับทราบนโยบายไปแล้วแต่หากไม่สามารถทำตามนโยบายได้ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง

นายอนุทิน ยอมรับว่า รู้สึกน้อยใจที่ไม่ไว้ใจตน และเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ เนื่องจากตนเคยรับปากไปแล้วว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่ให้มีการโยกย้ายตำแหน่งเด็ดขาด จนกว่าผลการสอบสวนจะออกมา แต่ผ่านเพียงไม่กี่วันคณะแพทย์กลับเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และขณะนี้มีเรื่องการกล่าวหา รพ. 186 แห่งรับเงินทอนบริษัทยาซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวโยงเรื่องที่ รพ.ขอนแก่น ตนยืนยันว่าทำทุกอย่างในการแก้ไขปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเข้าใจว่าแพทย์พยาบาลทุกคนจะต้องรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นความสามัคคีจึงเป็นสิ่งสำคัญขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเป็นสิ่งดีที่สุดและให้รอกระบวนการสอบสวนต่างๆออกมาก่อน

https://www.newtv.co.th/news/58042
หัวข้อ: 'องค์กรแพทย์ขอนแก่น' เคลื่อนไหวต่อจี้ย้าย 'นพ.ชาญชัย' กลับโรงพยาบาล
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:10:53
องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่นยังเคลื่อนไหวต่อ จี้ย้ายนพ.ชาญชัย กลับมาทำงานที่โรงพยาบาล พร้อมแนะปปช.เข้ามาสอบกรณีที่เคยค้างคาเมื่อปี 2558 หวั่นหลักฐานที่มีหาย
จากกรณีการเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น กรณีการโยกย้ายนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นไม่เป็นธรรม และเกรงจะไม่โปร่งใสในการสอบ โดยเฉพาะกรณีการถูกกล่าวหาเรียกรับเงิน 5 เปอร์เซ็นต์จากบริษัทยา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดแม้จะมีการเข้าไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่าน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทางองค์กรแพทย์และบุคลากรในพื้นที่ยังมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่ โดยได้มีการส่งต่อข้อความเพื่ออยากให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เรื่องต่าง ๆ ประกอบด้วย


1. คณะกรรมการที่จะสอบ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล แต่งตั้งใคร ถ้าไม่ใช่ผู้อำนวยการเขตสุขภาพที่ 5 ตามคิวธรรมเนียมปฏิบัติของกองวินัย แล้วเป็นกลุ่มแพทย์ชนบทอีกหรือไม่ หากใช่ต้องเดินหน้าเรียกร้องต่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

2. ในเมื่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขบอกออกอากาศแล้วว่า ยังไม่มีหลักฐานว่านพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ข่มขู่พยาน ฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็ให้รีบย้ายนพ.ชาญชัยกลับมาให้บริหารงาน รพ.ขอนแก่นต่ออย่าเปลี่ยนม้าเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกโควิด-19

และ 3. ทำไมปปช.จึงได้เงียบหายไปไม่มาติดตามดำเนินการเรื่องสอบ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผอ.โรงพยาบาลต่อ ทำไมนิ่งเฉยมาตั้งแต่ปี 2558 ต้องขยับมาทำคดี มาเก็บหลักฐานที่ค้างอยู่ใน รพ.ขอนแก่น และเอาออกไปได้แล้ว และรีบสืบหาความเชื่อมโยง เรื่องทุจริตเงินสวัสดิการ รพ. ขก. ว่าเกี่ยวข้องกับชมรมแพทย์ชนบทอย่างไร

สำหรับไทม์ไลน์ของการเคลื่อนไหวขององค์กรแพทย์พยาบาลในการเคลื่อนไหวเรียกร้องธรรมาภิบาลและขอปกป้องนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล นั้นเกิดขึ้นในเวลา 2 สัปดาห์ โดย

วันที่ 26 พ.ค.63 องค์กรแพทย์ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เรียกร้อง “กระบวนการสอบสวนที่เป็นธรรม” กรณีตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ถูกกล่าวหาว่าสั่งเรียกรับเงิน 5% เข้ากองทุนสวัสดิการโรงพยาบาล

วันที่ 27 พ.ค. 63 นพ.ชาญชัย รับทราบคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงกับบุคลากร รพ. มีการร้องเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ

นที่ 1 มิ.ย. 63 มีคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบริหารการสาธารณสุข สนง.ปลัดกระทรวง และให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ มารักษาการตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่น ภายในวันที่ 5 มิ.ย.63

วันที่ 2 มิ.ย.63 องค์กรแพทย์ได้จัดกิจกรรมให้กำลังใจ นพ.ชาญชัยอีกครั้ง

วันที่ 4 มิ.ย.63 นพ.ชาญชัย แถลงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน จากนั้นช่วงเย็นได้เดินทางออกจากรพ.ขอนแก่น เพื่อไปรายงานตัวที่กระทรวงสาธารณสุข

วันที่ 12 มิ.ย. 63 องค์กรแพทย์พร้อมเครือข่าย ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้มีกระบวนการสอบสวนที่เป็นธรรม

14มิย2563
กรุงเทพธุรกิจ
.......................................

"อนุทิน" ห้ามย้ายขาด "หมอชาญชัย" จนกว่าสอบสวนแล้วเสร็จ

"อนุทิน" สั่งห้ามย้ายขาด "นพ.ชาญชัย-นพ.เกรียงศักดิ์" จนกว่าผลการสอบกรณีรับเงินบริษัทยาจะแล้วเสร็จ ขณะที่บุคลากรการแพทย์ส่วนหนึ่งของ รพ.ขอนแก่น นัดแต่งดำทุกวันศุกร์เรียกร้องคืนธรรมาภิบาล

วันนี้ (11 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้แจ้งให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทราบว่าขอไม่ให้มีคำสั่งย้ายขาด นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี ออกจากตำแหน่ง จนกว่าผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีรับเงินจากบริษัทยา ที่มี นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 11 เป็นประธานสอบแล้วเสร็จ พร้อมกันนี้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโรงพยาบาลในสังกัด สธ. รับเงินจากบริษัทยา 186 แห่ง

รมว.สธ. ยังย้ำว่าจะไม่ก้าวล่วงอำนาจของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกำชับว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต้องไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน

แต่งชุดดำเรียกร้องความเป็นธรรม
ขณะที่บุคคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลขอนแก่น นัดรวมตัวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (11 มิ.ย.) โดยเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสวมชุดดำ และถือป้ายที่ระบุข้อความ "จนกว่าธรรมาภิบาลจะกลับสู่โรงพยาบาลขอนแก่น" เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อกรณีการโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ไปปฏิบัติราชการที่กระทรวงฯ

พร้อมแถลงจุดยืน 3 ข้อ คือ 1.เรียกร้องให้กระบวนการสอบสวน นพ.ชาญชัย ด้วยความเป็นธรรม กรรมการเป็นกลางและตั้งขึ้นตามลำดับของกองวินัย 2.คัดค้านการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และ 3.ให้เปลี่ยนรักษาการผู้อำนวยโรงพยาบาล เนื่องจากอาจมีส่วนได้ส่วนเสียกับคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเกรงว่าจะไม่เป็นธรรม

ส่วนกรณี รมว.สาธารณสุข มีนโยบายผ่านในไลน์กลุ่มผู้บริหารกระทรวงฯ โดยขอไม่ให้มีคำสั่งย้ายขาด นพ.ชาญชัย ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นนั้น พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ระบุว่า พยายามตีความหมายว่าไม่ให้ย้ายขาดคืออะไร ซึ่งอาจหมายถึงย้ายไปที่กระทรวงแล้วก็อาจมีโอกาสย้ายกลับมาได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไม่ย้าย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ รักษาการปัจจุบัน กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าตามเดิม และแต่งตั้งรองผู้อำนวยการอาวุโส รักษาราชการแทน

11 มิถุนายน 2563
https://news.thaipbs.or.th/content/293533
หัวข้อ: เครือข่ายประชาชนอีสานฯ บุก สธ. ทวงถามย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:12:14
เครือข่ายประชาชนทวงถามปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรณีย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เพราะตั้งข้อสงสัยการสอบวินัยร้ายแรงจากหลักฐานเพียงบัตรสนเท่ห์

วันนี้ (25 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนอีสานรวมการเฉพาะกิจ นำโดยนายวุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนฯ เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอเข้าพบ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยขอสอบถามกรณีที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น

เครือข่ายประชาชนฯ มองว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องในองค์กรของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลในระบบราชการ เพราะ นพ.ชาญชัย ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงงานอย่างมีข้อสงสัย ผ่านบัตรสนเท่ห์เพียงใบเดียวจนเป็นเหตุให้ต้องตั้งข้อกล่าวหาถึงฉ้อราษฎร์บังหลวง รวมทั้งเหตุผลการออกคำสั่งให้ นพ.ชาญชัย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์บริหารทรัพยากรกรณีโรคติดเชื้อ COVID-19

“ไม่ได้รู้จัก นพ.ชาญชัย เป็นการส่วนตัว หรือมีส่วนได้ส่วนเสียใด เพียงแต่เป็นผู้ใช้บริการหากยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการจะยื่นหนังสือต่อ ส.ส. และต้องการให้นายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาดังกล่าว”

ขณะที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ติดภารกิจและไม่อยู่ในกระทรวงฯ จึงได้มอบหมายให้ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พูดคุยกับเครือข่ายภาคประชาชนแทน แต่ นพ.ยงยศ ระบุว่าคงไม่สามารถตอบคำถามแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ ขณะนี้ นพ.ชาญชัย ยังเป็นถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นการถูกกล่าวหาและยังไม่ได้สรุปว่าผิดจริงหรือไม่

ส่วนการย้ายจากโรงพยาบาลขอนแก่น เนื่องจากระเบียบคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดช่องให้ผู้บังคับบัญชาสามารถโยกย้ายผู้ที่ถูกร้องเรียนได้ ส่วนรายละเอียดการสอบสวนนั้นไม่ทราบ เนื่องจากเป็นความลับของคณะกรรมการฯ

25 มิถุนายน 2563
https://news.thaipbs.or.th/content/293993
หัวข้อ: นัดบุกทำเนียบ! สพศท.ชวนองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ ร้องธรรมาภิบาลกระทรวงหมอ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:18:14
นัดบุกทำเนียบ! สพศท.ชวนองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ ร้องธรรมาภิบาลกระทรวงหมอ

วันที่ 23 มิ.ย. สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (สพศท.) เผยแพร่หนังสือถึง เพื่อนๆองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ โดยสรุปใจความว่า ขอสนับสนุนองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ในการเรียกร้องให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.นี้ โดยขอเชิญชวนแพทย์และองค์กรแพทย์ทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม และให้กำลังใจองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นตามวันเวลาดังกล่าว และระบุว่า Silence is Violence เราไม่ควรนิ่งเฉยต่อความไม่เป็นธรรม เพราะการนิ่งเฉยของเราจะนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมที่รุนแรงมากกว่าเดิม

นายวุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนอีสานรวมการเฉพาะกิจ กล่าวว่า เครือข่ายฯจะเดินทางไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอเข้าพบ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ในวันที่ 25 มิ.ย. เพื่อสอบถามถึงกรณีการสอบสวน นพ.ชาญชัย ว่ามีข้อสรุปเบื้องต้นอย่างไร เนื่องจากการกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และนำไปสู่การสอบสวนอื่นๆ แสดงว่าต้องมีผลสอบสวนที่ทำให้ตั้งข้อกล่าวหานี้ได้ เรื่องนี้ภาคประชาชน สังคมหลายภาคส่วนสนใจมาก

"เพราะไม่ใช่แค่เรื่องในองค์กรของ สธ. แต่เป็นเรื่องที่จะกระทบในวงกว้าง เนื่องจากเกี่ยวกับธรรมาภิบาลในระบบราชการ หากไม่ชัดเจนจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจข้าราชการทุกคน และหากสุดท้ายไม่มีธรรมาภิบาลใดๆ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กระทรวงอื่นๆนำไปใช้ได้ ในฐานะประชาชนที่ใช้บริการ เรามีความเป็นห่วงต่อระบบสาธารณสุข จึงจะขอเข้ามาสอบถาม ก็อยู่ที่ว่าปลัดสธ.จะให้พบหรือไม่ และอยากให้นายกรัฐมนตรีลงมาดูเรื่องนี้เอง เพราะเชื่อมั่นนายกฯ หากเรื่องนี้จัดการไม่ดี จะกระทบภาพรวมวงการราชการไทย"


นัดบุกทำเนียบ

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีใครประสานมาและยังไม่ทราบในรายละเอียด หากจะมาก็เป็นสิทธิที่จะมายื่นหนังสือได้ หากตนไม่อยู่ก็จะมีผู้ที่คอยรับเรื่องแทนอยู่แล้ว หากตนอยู่ก็พร้อมรับเรื่อง เนื่องจากทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการ มีขั้นตอนตามกฎหมาย มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นอยู่แล้ว ส่วนที่ใช้ปลัดสธ.ชี้แจงใน 15 วันตามที่ นพ.ชาญชัย ร้องเรียนยังไม่ถึงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเมื่อถึงกำหนด นพ.สุขุม ก็ต้องชี้แจงอยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ตามขั้นตอน ตามประเด็น

นัดบุกทำเนียบ

เมื่อถามถึงกรณี สพศท.ได้เชิญชวนองค์กรแพทย์โรงพยาบาลอื่นๆ มารวมตัวที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายกฎระเบียบส่วนที่เรียกร้องเรื่องธรรมาภิบาลในกระทรวงนั้น ธรรมาภิบาลต้องมีอยู่แล้ว เพราะตนเข้ามากระทรวงคนเดียวด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร หากตนไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลแล้วจะไปยึดตามสิ่งใด

23 มิ.ย. 2563
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4372317
หัวข้อ: บุคลากรแพทย์ร้องนายกฯ คืนความเป็นธรรมให้ "นพ.ชาญชัย"
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:22:43
วันนี้( 26 มิ.ย.63) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล บุคลกรทางการแพทย์ สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทยกว่า 150 คน พร้อมใจใส่ชุดสีดำ เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องธรรมาภิบาลการบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นและมีการโยกย้ายออกจากพื้นที่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยมายื่นต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยได้มีการรับปาก ว่าจะไปติดตามความคืบหน้าให้

พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ระบุว่า ยังคงยึดตามข้อเรียกร้องเดิมแต่ในวันนี้อยากเรียกร้องให้อำนาจที่เหนือกว่ากระทรวงสาธารณสุข นั่นก็คือนายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลจัดการปัญหาภายในกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่มีความไว้วางใจอีกต่อไปในการดูแลปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงเรียกร้องพิจารณายกเลิกคำสั่งโยกย้ายนพ. ชาญชัย จันทร์วรขัยกุล ให้กลับมาโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นทำหน้าที่ตามเดิมในระหว่างที่กระบวนการสอบสวนดำเนินไป เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวที่ออกมานั้นไม่มีความชอบธรรมในการย้ายตั้งแต่แรก อีกทั้งนพ.ชาญชัยไม่ได้ขัดขวางกระบวนการสอบสวนหรือข่มขู่พยานตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

รวมถึงเรียกร้องให้เปลี่ยนประธานชุดสอบสวนวินัยร้ายแรง ที่ควร จะเป็นแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 ตั้งแต่แรก ตามกระบวนการ แต่กลับให้นพ. พิทักษ์พล บุณยมาลิก เป็นประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงวินัยร้ายแรงแทน

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงนพ. พิทักษ์พล บุณยมาลิกที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงวินัยร้ายแรง โดยขอให้มั่นใจว่า ท่านเป็นข้าราชกาซี10 มีคุณวุฒิ ตำแหน่ง การทำงาน ที่เหมาะสมและเป็นกลางในการตรวจสอบ โดยตนขอเอาตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับประกัน ถึงความเที่ยงธรรมและเป็นเอกเทศน์ในการทำงาน

ขณะที่นายแพทย์ ชวน ชีพเจริญ ประธานองค์การแพทย์ โรงพยาบาล เชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกระบวนการเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ นพ.ชาญชัยแล้ว ประการสำคัญ คือ ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจสูงสุดติดตามความคืบหน้าในการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นรูปธรรมเกิดความโปร่งใส่ด้วย

ด้านนายแพทย์ ชวน ชีพเจริญ ประธานองค์การแพทย์ โรงพยาบาล เชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า ในฐานะตัวแทนแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป หลังจากได้รับทราบข่าวการบริหารจัดการงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข มีการเบี่ยงเบน ความยุติธรรรม การตัดสินใจในการสืบสวน สอบสวน กรณี นพ.ชาญชัย โดยไม่ได้เป็นห่วงว่า นพ.ชาญชัย จะผิดหรือถูก แต่เราต้องการออกมาเรียกร้องกระบวนการที่ถูกต้องที่ควรจะเป็น ซึ่งกระบวนต่างๆมีกฎระเบียบ ประเพณีอยู่แล้วในการปฏิบัติแต่ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขไม่ทำตามระเบียบประเพณีที่ผ่านมา

TNN ช่อง16
26 มิถุนายน 2563
หัวข้อ: องค์กรแพทย์เดินหน้าเรียกร้องชี้ผู้บริหาร ใช้อำนาจตามกฎหมายจัดการคนเห็นต่าง
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:25:35
ระดมองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ เตรียมเดินทางยืนหนังสือร้องนายกรัฐมนตรี ขอธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข เชื่อผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ที่มีตามกฎหมาย มาจัดการคนเห็นต่าง

ช่วงตลอดเดือนมิถุนายน 2563 องค์กรแพทย์และเครือข่ายประชาชนภาคอีสาน รวมกันเฉพาะกิจ มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องและลงชื่อให้คืนความยุติธรรมให้กับ นพ.ชาญชัยจันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขมีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการเคลื่อนไหวต่อเนื่องเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 63 พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น  กล่าวว่า  แม้ นพ.เกรียงศักดิ์แสดงสปิริต และถอนตัวจากตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 63 แล้ว  แต่วันนี้ยังคงทำงานที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม โดยได้รับคำสั่งของปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ย้ายแล้วตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. และทราบว่าเซ็นต์รับทราบพร้อมโยกย้ายในวันที่ 29 มิ.ย. 63 นี้  ระหว่างนี้พบว่า มีการทำงานตามปกติ  ล่าสุดมีคำสั่งปรับโครงสร้างให้กลุ่มงานนิติกร ที่จากเดิมเป็นกลุ่มงานที่แยกตัวอิสระ เข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารงานของฝ่ายบริหารงานทั่วไป ส่งผลให้หัวหน้านิติกร โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ดูประเด็นข้อกฎหมายให้กับ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ถูกโยกย้ายไปขึ้นกับฝ่ายบริหารงานทั่วไป 

ทำให้หัวหน้านิติกร ต้องหลุดจากการเป็นหัวหน้านิติโดยปริยาย โดยรักษาการ ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่นอ้างว่า มีหนังสือร้องเรียน ร้องทุกข์ของนิติกรอีกคนในโรงพยาบาลเดียวกัน แต่ไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากผู้ร้องร้องทุกข์ไปที่ส่วนกลาง จากนั้นมีหนังสือจากส่วนกลางแจ้งผ่านทาง สสจ.ว่า มีเรื่องร้องทุกข์จากบุคลากรในโรงพยาบาลเพื่อเป็นเหตุให้รักษาการสั่งปรับโครงสร้างสายงาน ทำให้องค์กรอิสระต้องไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร

"สำหรับการปรับโครงสร้างตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้น โดยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายสามารถทำได้  แต่โดยมารยาทแล้วไม่เคยมีใครทำ โดยนัยยะเองอาจจะต้องการให้เห็นว่าอำนาจที่มีอยู่สามารถจัดการได้ สำหรับการปรับตำแหน่งนิติกรมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก เป็นเพียงเรื่องของศักดิ์ศรี ตำแหน่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นหัวโขน แต่ยังคงมีความสามารถตามสายงาน แต่สิ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจมากกว่า" พญ.กนกวรรณ กล่าว   

สำหรับขับเคลื่อนเรียกร้องธรรมาภิบาลนั้น ทางองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นมีความเห็นว่า ที่ผ่านมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนพ.ชาญชัย และให้องค์กรมีธรรมาภิบาล ปัจจุบันมีความเห็นร่วมกันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องขององค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของคนขอนแก่นทุกคน จึงเตรียมหาภาคีต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้ จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดปลอดคอรัปชั่น เน้นเรื่องหน่วยงานธรรมาภิบาลทุกหน่วยงานทั้งจังหวัด หากสามารถดึงภาคีเครือข่ายมาร่วมลงชื่อกับองค์กรแพทย์  จึงจะยื่น ปปช.ให้ดำเนินการสอบสวน ตรวจสอบกรณีที่สงสัยว่ามีเรื่องทุจริตในโรงพยาบาลในอดีต ให้เป็นเรื่องของทุกคน   

"สำหรับการเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องระบบธรรมภิบาล ในกระทรวงสาธารณสุขต่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 มิ.ย. นอกจากบุคลากรทาการแพทย์ของโรงพยาบาลขอนแก่นแล้ว ยังมีสมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลต่างๆ  องค์กรแพทย์ของโรงพยาบาลต่างๆจากสุโขทัย  เชียงราย พระพุทธชินราช บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอื่นๆอีกหลายจังหวัด องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนอีสานรวมกันเฉพาะกิจ ถือเป็นการยกระดับขึ้น เพราะที่ผ่านมาปลัดกระทรวงแก้ปัญหาที่ซับซ้อน  แทนการแก้ปัญหาแบบง่ายๆ 

ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแล้วแต่ปลัดกะทรวง จึงไม่เกิดการแก้ปัญหาที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน หนังสือร้องเรียนที่จะเดินทางไปยื่นในวันพรุ่งนี้ ต้องการให้ไปถึงมือนายกรัฐมนตรี เผื่อท่านมอบหมายให้วุฒิสภาดำเนินการขึ้นกับท่านจะพิจารณา เพราะต้องการก้าวข้ามกระทรวงสาธารณสุข"  พญ.กนกวรรณ กล่าว     

โดยวันนี้เครือข่ายประชาชนภาคอีสานรวมกันเฉพาะกิจ ได้เดินทางไปขอเข้าพบปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบสวน ข้อมูลข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียน นพ.ชาญชัยผ่านทางบัตรสนเท่ห์ ว่ามีความคืบหน้าของการสอบสวนหรือไม่  อย่างไร

25 มิ.ย. 2563
https://www.nationtv.tv/main/content/378782119/
หัวข้อ: องค์กรแพทย์ไม่สบายใจ แฉการเมืองแอบแฝงม็อบหมอ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:31:01
องค์กรแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ไม่สบายใจและเห็นต่างจากหมอบางส่วนที่เคลื่อนไหวให้ยกเลิกคำสั่งย้าย "นพ.ชาญชัย" พร้อมเปิดเผยมีการเมืองเข้ามาแอบแฝงการเคลื่อนไหวของกลุ่มแพทย์

แหล่งข่าวในองค์กรแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าขณะนี้หมอบางส่วนที่รวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เริ่มมีความไม่สบายใจและเห็นต่างจากหมอบางส่วน ที่เคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง ถึงแม้ว่าจะมีวัตุประสงค์ตรงกันคือ ต้องการให้มีการยกเลิกคำสั่งย้าย นพ.ชาญชัย มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณาสุขชั่วคราว และให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขออกคำสั่งย้ายกลับไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อรักษาธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข

แหล่งข่าวกล่าวว่า ป้ายบางป้ายที่มีการนำมาชูที่หน้าทำเนียบรัฐบาล แม้จะไม่ระบุชื่อพรรคการเมืองชัดเจน แต่เข้าใจได้ว่ามีเป้าหมายต่อต้าน และชักชวนให้ไม่ลงคะแนนแก่พรรคการเมืองบางพรรค ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งไม่ใช่เจตนารมย์ของการเรียกร้องธรรมาภิบาลขององค์กรแพทย์จากทั่วประเทศ ที่มาร่วมกันแสดงออกในครั้งนี้"เราไม่รู้ว่าป้ายเหล่านั้น มาได้อย่างไร แต่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กรแพทย์ และการเรียกร้องที่บริสุทธิ์ใจของคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง"

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เรื่องการเมือง เรื่องจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองใดหรือไม่ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นเรียกร้อง หรือ ต่อต้าน หรือ คัดค้าน ในลักษณะข่มขู่ หรือ ต่างตอบแทน แลกคะแนนเสียงจากองค์กรแพทย์ ซึ่งจะทำให้ประเด็นการต่อสู้เพื่อธรรมาภิบาล มีความเคลือบแคลงสงสัยว่าถูกชี้นำจากพรรคการเมือง หรือ ต้องการประโยชน์ทางการเมืองอื่นใดหรือไม่ การเรียกร้อง การเคลื่อนไหวครั้งต่อไป จึงควรกำหนดแนวทาง และเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ของการต่อสู้ขององค์กรแพทย์ ได้

27 มิถุนายน พ.ศ. 2563
https://www.nationtv.tv/main/content/378782270/?ago=
หัวข้อ: บุคลากรแพทย์ร้องนายกฯ คืนความเป็นธรรมให้ "นพ.ชาญชัย"
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:35:18
ปมร้อน สมาพันธ์แพทย์ฯทั่วประเทศร้องนายกฯ สางปัญหาธรรมภิบาล สธ. หลังพบความไม่เป็นธรรมในการตรวจสอบกรณี "นพ.ชาญชัย"

วันนี้( 26 มิ.ย.63) ความเคลื่อนไหวที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล บุคลกรทางการแพทย์ สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย กว่า 150 คน พร้อมใจใส่ชุดสีดำ เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องธรรมาภิบาลการบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยมีการโยกย้ายออกจากพื้นที่

พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ระบุว่า ยังคงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือ กระบวนการสอบสวนที่เป็นธรรมอย่างที่เมื่อวานภาคประชาชนก็ได้มีการมายื่นหนังสือ ถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยได้มีรับปากว่าจะมีการเปลี่ยนกรรมการสอบวินัยร้ายแรงให้เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่5 ซึ่งควรจะเป็นตั้งแต่แรกหากมีการดำเนินการตามที่บอกไว้จริง ถือว่าน่าพอใจระดับหนึ่งแต่ข้อเรียกร้องที่เหลือ คือ การโยกย้ายนพ.ชาญชัย ที่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่แรก เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ทำให้โยกย้ายคือ ขัดขวางกระบวนการสอบสวนและข่มขู่พยาน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่า นพ.ชายชัย มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง เพราะฉะนั้นคำสั่งโยกย้าย นพ.ชาญชัย วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม โดยขอโยกย้าบให้ นพ.ชาญชัย กลับมาทำงานในตำแหน่งเดิม ที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น

ส่วนเรื่องการยกระดับการชุมนุมขึ้นนั้น เพื่อเรียกร้องธรรมภิบาลการบริหารงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเครือข่ายองค์กรแพทย์ บุคลกรทางการแพทย์ที่ต้องการธรรมภิบาลในการบริหารงานได้มีการยื่นหนังสือถึงรัฐบาลในครั้งแรกมาแล้ว โดยเรื่องถูกส่งกลับมายังกระทรวงสาธารณสุข โดยยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงตามข้อเรียกร้องที่เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยรมว.สธ. และผู้บริหารกรทรวง สธ. ดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของสมาพันธ์แพทย์ฯจึงเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องมาเรียกร้อง ยื่นหนังสือในครั้งนี้อีก ซึ่งการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ต้องอาศัยอำนาจที่สูงกว่ากระทรวงสาธารณสุขนั่นคือ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องลงมาดูในเรื่องนี้ หรืออาจจะมอบหมายให้ผู้บริหารคนอื่นมาพิจารณา

ขณะที่ นายแพทย์ ชวน ชีพเจริญ ประธานองค์การแพทย์ โรงพยาบาล เชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า ในฐานะตัวแทนแพทย์ ตัวแทนศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปหลังจากได้รับทราบข่าวการบริหารจัดการงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข มีการเบี่ยงเบน ความยุติธรรรม การตัดสินใจในการสืบสวน สอบสวนกรณี นพ.ชาญชัย โดยไม่ได้เป็นห่วงว่า นพ.ชาญชัย จะผิดหรือถูก แต่เราต้องการออกมาเรียกร้องกระบวนการที่ถูกต้องที่ควรจะเป็น ซึ่งกระบวนต่างๆ มีกฎระเบียบประเพณีอยู่แล้วในการปฏิบัติ แต่ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขไม่ทำตามระเบียบประเพณีที่ผ่านมา เช่น มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามอำเภอใจไม่ทำตามกฎระเบียบ ไม่ทำตามประเพณี ซึ่งการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจะมีคิวในการสอบสวนอยู่แล้วแต่ตอนนี้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตามอำนาจของตัวเอง

การแต่งตั้งผู้อำนวยการศูนย์/ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค การแต่งตั้งอยากให้สธ. พิจารณาตาม ผลงานความสามารถของผู้อำนวยการมากกว่าไม่อยากให้มีการคัดเลือกพวกพ้อง ใครอยากอยู่ที่ไหน พวกเดียวกันในกระทรวงสาธารณสุขก็แต่งตั้งให้มาอยู่ในจังหวัดนั้น

"โดยเราอยากได้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่มีผลงาน มีอุดมการณ์มาอยู่ในโรงพยาบาลระดับภูมิภาค ถ้าเป็นไปได้ในส่วนขององค์กรแพทย์ทั่วประเทศเรามีศักยภาพในการช่วยแนะนำกระบวนการในการคัดสรรผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วย ถ้าทางฝ่ายผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขยินยอมให้องค์แพทย์ทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการคัดสรรผู้อำนวยการโรงพยาบาล เราเชื่อว่า องค์การแพทย์ ยินดี" นายแพทย์ ชวน ชีพเจริญ กล่าว

สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ จาก สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย

1. เรียกร้องขอความเป็นธรรมในการย้าย นพ. ชาญชัย จันทร์วรขัยกุล” กลับมา โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ตามเดิม ในระหว่างที่กระบวนการสอบสวนดำเนินไป เนื่องจากไม่มีความชอบธรรมในการย้ายตั้งแต่แรก เพราะนพ.ชาญชัย ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการสอบสวนหรือข่มขู่พยานตามที่ถูกกล่าวหา

2. เปลี่ยนประธานชุดกรรมการ สอบสวนวินัยร้ายแรง จาก นพ. พิทักษ์พล บุณยมาลิก เป็น แพทย์หญิง อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่5

3.การตรวจสอบ ปฏิรูปธรรมภิบาล การบริหารงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข



26 มิถุนายน 2563
https://www.tnnthailand.com/content/45465
หัวข้อ: 'อนุทิน' ชี้ 'องค์กรแพทย์' บุกทวงธรรมาภิบาล เป็นสิทธิ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:44:48
รมว.สาธารณสุข ย้ำ สธ.บริหารโดยหลักธรรมาภิบาล แจงองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ ออกมาเคลื่อนไหวถือว่าเป็นสิทธิ ขออย่าละเมิดกฎหมาย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเครือข่ายประชาชนอีสานรวมการเฉพาะกิจ จะเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่นที่กระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ว่า เบื้องต้นยังไม่มีใครประสานมายังตนและยังไม่ทราบในรายละเอียดที่ภาคประชาชน และองค์กรแพทย์จะมาเรียกร้อง แต่หากจะมาก็เป็นการมาตามสิทธิ ซึ่งถ้าตนอยู่ก็พร้อมรับเรื่อง แต่ถ้าไม่อยู่จะมีผู้ที่คอยรับเรื่องแทนอยู่แล้ว เนื่องจากทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการ มีขั้นตอนตามกฎหมาย มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่ สมาพันธ์แพทย์รพ.ศูนย์-รพ.ทั่วไป (สพศท.) ออกหนังสือถึงเพื่อนๆองค์กรแพทย์ทั่วประเทศ ขอสนับสนุนองค์กรแพทย์รพ.ขอนแก่น ในการเรียกร้องให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขและขอเชิญชวนแพทย์ และองค์กรแพทย์ทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมและให้กำลังใจองค์กรแพทย์รพ.ขอนแก่น ในการเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.นี้ รมว.สาธารณสุข เห็นว่าเป็นสิทธิทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายกฎระเบียบ ส่วนที่เรียกร้องเรื่องธรรมาภิบาลในกระทรวงนั้น ธรรมาภิบาลต้องมีอยู่แล้ว เพราะตนเข้ามากระทรวงคนเดียวด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร ดังนั้นหากตนไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลแล้วจะไปยึดตามสิ่งใด

Jun 23, 2020
http://www.voicetv.co.th/read/_Z9XktcmD
หัวข้อ: เรียน ท่านปลัด ที่เคยนับถือ
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 00:55:30
เรียน ท่านปลัด ที่เคยนับถือ

เมื่อ30 ปีก่อน ตอนที่ผมได้รับคำสั่งให้ไปทำงานระดับจังหวัด
ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งได้ให้คติในการทำงานว่า
เรื่องใหญ่ ทำให้เล็กลง
เรื่องเล็ก ทำให้หายไป
ผมก็ถือเป็นหลักในการทำงาน

เมื่อเราต้องปกครองคนจำนวนมาก
เพราะเราต้องทำให้เกิดความสงบ
และทำให้องค์กรเดินหน้าด้วยความเรียบร้อย
โดยยังยึดถือความถูกต้อง จริยธรรม และธรรมาภิบาล

หน้าที่หลักของผู้บริหาร
คือการทำให้คนหมู่มากทำงานร่วมกันได้อย่างสร้างสรร
ไม่ใช่ยุแยงให้แตกความสามัคคี

มาวันนี้ ท่านแสดงให้คนทั้งประเทศเห็นในทางตรงข้าม
อันคำว่า รับเงินบริษัทยา ใครๆก็รู้ว่า เป็นอาวุธลับ เวลาจะทำร้ายใคร เพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ปกติ ผุ้ร้ายทั่วไป ก็ยอมๆกันไป
แต่บังเอิญ ผู้ร้ายคนนี้ กินดีหมีมาแถมลากพวกมาอีกทั้งจังหวัด

ด้วยนิสัยไม่ยอมแพ้ของท่านหรือ บ่างช่างยุข้างหลังท่านจึงไปลากนักวิชาการลูกจ้างบริษัทยาออกมาพูดถึง 186
ท่านสรรหาศัตรุมาอีกค่อนกระทรวง ท่านยังไม่สำนึก เพราะคนข้างหลังบอกว่า กำลังสร้างวีรกรรม

ท่านให้สัมภาษณ์อย่างสับสน เขียนอย่าง ทำอย่าง หมือนหุ่นที่ถูกชักใย สติ สตัง หายไปเหมือนคนถูกสะกดจิต
ต้นสัปดาห์นี้ ท่านออกคำสั่งประหลาด ตั้งคนที่ท่านกล่าวหาเขาว่า ทุจริต
เป็นผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรระดับกระทรวง แต่ไม่มีที่ทำงานและลูกน้อง

มาวันนี้
ภาคประชาชนจากอีสานมาตามหาธรรมาภิบาลจากท่าน ท่านกลับส่ง รองประหลาด มาให้เขาสอนมวย
ไม่มีใครต้องแต่งแต้มเติมสี คลิปวิดีโอการสนทนาตอบความจริงได้ดีที่สุด
ตามมาด้วย เอกสารการเบิกจ่ายเงินในอดีตของสิ่งที่ท่านเรียกว่า ทุจริต
ทั้งจ่ายให้ตัวเองของ อดีตผู้อำนวยการ
ทั้งจ่ายให้ คนที่ท่านตั้งมา รักษาการผู้อำนวยการ
ปิดท้ายวันนี้ด้วย การไปแจ้งความให้ดำเนินการเรื่อง 186รพ ของภาคประชาชน

เมื่อท่านทำผิดทีแรก เขาเปิดโอกาสให้ท่านแก้ตัว แก้ไข ท่านปฏิเสธหนทางนั้นและเลือกวิธี เติมฟืนใส่กองไฟ
วันนี้ท่านถอยหลังไม่ได้อีกแล้วครับ ท่านต้องเดินหน้าเผชิญสิ่งที่ท่านก่อมาเอง
แม้อาจจะอยากเดินกลับ แต่ก็หมดโอกาสเสียแล้ว
ไม่ว่าใครจะอยู่ข้างหลังท่านมาก่อน แต่กี่วันข้างหน้า ท่านจะต้องโดดเดี่ยว

ผมไม่ได้ห่วงท่านหรอกครับ สมน้ำหน้าด้วยซ้ำ
แต่ผมห่วง บ้านหลังนี้ ที่ผมเคยอาศัยมากว่า 30 ปี
บ้านที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก สามัคคี สมาชิกที่มีคุณภาพ และ ศีลธรรม
บ้านที่เป็นที่พึ่งของคนทั้งชาติ กลับมาเจอ การเติมฟืนใส่กองไฟ ของท่าน
บาปกรรมครั้งนี้ คงได้แสดงผลของมันอย่างเป็นรูปธรรมในไม่ช้า

ถึงแม้จะไม่นับถือ แต่ผมสัญญาว่า เมื่อถึงเวลานั้น
ผมจะฝาก ข้าวผัดกุนเชียง กับ โอเลี้ยง ที่ท่านชอบไปให้ครับ

รอเวลานั้นครับ

จากเฟสบุ๊ค ยอร์น จิระนคร
26มิย2563
หัวข้อ: ทุจริตประพฤติมิชอบ ยักยอกเงินก่อนเกษียณ-3สค2558
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 27 มิถุนายน 2020, 01:15:44
ที่ องค์กรแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น

3 สิงหาคม 2558

เรื่อง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข (นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์) ทุจริตประพฤติมิชอบ ยักยอกเงินก่อนเกษียณ

เรียน ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ตามที่รัฐบาล คสช ได้แต่งตั้ง นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผู้อำนวยการ โรงพยาบาลขอนแก่น ให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศม์ นั้นก่อนเกษียณราชการ ไปเป็นที่ปรึกษา รมช.สธ. ได้ยักยอกถอนเงินสวัสดิการเจ้าหน้าที่ รพ.ขอนแก่น จากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาขอนแก่น และธนาคารอื่นๆ ในระยะเวลาหกเดือนก่อนเกษียณราชการเข้าบัญชีส่วนตัว เป็นเงินมากกว่าสามสิบล้านบาท โดยมีรองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ นพ.วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร (ปัจจุบันย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผอก.รพ.พุทธโสธร) ได้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการ ทุจริตด้วย จึงได้รับรางวัลจากที่ปรึกษา รมช.สธ.ผลักดันไปเป็นผู้อำนวยการที่แปดริ้ว และสัญญากันว่าจะให้ได้ย้ายกลับคืนมาเป็นผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่นภายในปี/2558นี้

หลังจากนพ.วีระพันธ์ ได้เกษียณราชการไปเป็นที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขได้โยกย้าย นพ.ธรรมนูญ วิสิฐธนวรรธ ผู้อำนวยการรพ.หนองบัวลำภู มาดำรงตำแหน่งแทน ผู้อำนวยการ รพศ.ขอนแก่นแทน ผู้อำนวยการคนใหม่ได้ตรวจสอบเงินในบัญชีสวัสดิการ จนท.รพศ.ขอนแก่น แทบจะไม่มีเงินเหลือใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการเจ้าหน้าที่ จึงได้สอบถามรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร จึงได้รู้ว่า นพ.วีระพันธ์ได้สั่งเขียนเชคถอนเงินในบัญชีฯนับสิบครั้งไปเกือบหมด โดยระบุในใบเบิกเงินว่า เพื่อใช้จ่ายในการบริหารงานของผู้อำนวยการวีระพันธ์

ต่อมา นพ.ธรรมนูญ วิสิฐธนวรรธ ผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่นคนปัจจุบัน เกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่ายักยอกเอาเงินไปจึงร้องขอให้ คณะกรรมการติดตามประเมินผลของกระทรวงสาธารณสุข (คตป.)ได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และ นพ.วีระพันธ์ เห็นว่าจะมีความผิดจึงได้ขอโอนเงินที่ยักยอกออกไปเข้าบัญชีส่วนตน โอนคืนมาสิบล้านบาท ในเดือนมิถุนายน_กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา และได้ใช้อำนาจที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นคนปัจจุบัน และ นพ.วีระศักดิ์ ผอก.รพ.พุทธโสธรเด็กส้าง ที่ร่วมรู้เห็นร่วมจ่ายเชค มากำชับซักซ้อมคำให้การต่อคณะกรรมการ คตป.ที่ลงมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่าคนเองได้ยืมเงินไปใช้ในการบริหารงาน

จากพฤติกรรมของ นพ.วีระพันธ์ดังกล่าวเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ต่อตนเอง และเมื่อมาทำหน้าที่ทางการเมืองเป็นที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข ยังใช้อำนาจจะโยกย้ายผู้อำนวยการการโรงพยาบาล เพื่อเอาคนที่ร่วมทุจริตช่วยตนเองกลับมาลบความเลวที่เคยร่วมทำร่วมกันไว้ เรื่องดังกล่าวเป็นที่ทราบกันทั้งโรงพยาบาลขอนแก่นใกล้เคียง ดังนั้นองค์กรแพทย์/องค์กรพยาบาล และชาวรพศ.ขอนแก่น จึงขอร้องเรียนถึงพฤติกรรมการทุจริตประพฤติมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และรพศ.ขอนแก่น ของนพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ซึ่งหากยังให้ใช้อำนาจต่อไป จะเกิดความวินาศ และขอให้มีการตรวจสอบการยักยอกเงินมูลค่าสามสิบกว่าล้านว่ามีเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลอื่นด้วยหรือไม่ ซื้อขายตำแหน่งกันหรือไม่

จึงเรียนมาโปรดทราบ และช่วยดำเนินการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ตามนโยบายของรัฐบาล คสช.ด้วย

ขอแสดงความนับถือ
จาก องค์กรแพทย์+องค์กรพยาบาล+เจ้าหน้าที่รพศ.ขอนแก่น
หัวข้อ: “หมออัมพร” พร้อมนั่งปธ.กก.สอบวินัยร้ายแรง “หมอชาญชัย”
เริ่มหัวข้อโดย: patchanok3166 ที่ 13 กรกฎาคม 2020, 12:07:40
องค์กรแพทย์ขอนแก่น รับได้ “พญ.อัมพร” ประธานสอบสวนวินัยฯ “หมอชาญชัย” คนที่ 3 เหตุเป็นไปตามกลไกปกติ เผยมั่นใจความเป็นกลาง เชื่อมั่นในความเป็นธรรม

หลังจากองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ร่วมกับตัวแทนเครือข่ายบุคลากรสาธารณสุขโรงพยาบาลต่างๆ เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการกู้ธรรมาภิบาลกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กลับมารพ.ขอนแก่นตามเดิม หลังจากถูกย้ายมายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยกล่าวหา “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ส่วนการสอบสวนฯก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เนื่องจากล่าสุดผู้บริหารสธ. ได้เปลี่ยนประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย เป็น พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตบริการสุขภาพที่ 5

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตบริการสุขภาพที่ 5 กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระบบราชการ โดยดำเนินการตามหน้าที่ คือ ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบก่อน จึงจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกันผู้ถูกกล่าวหาก็สามารถยื่นเรื่องคัดค้านกรรมการฯ หรือประธานกรรมการที่จะมาสอบสวนได้เช่นกัน ซึ่งหากตรงนี้ผ่านพ้นไปได้ ไม่มีการยื่นคัดค้านก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนฯต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกกดดันกับการเป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยฯ ซึ่งเปลี่ยนมา 2 ครั้งแล้วหรือไม่ พญ.อัมพร กล่าวว่า ถึงจุดนี้ก็ต้องทำตามหน้าที่ที่พวกเราทุกคนต้องทำให้ได้ผลดีที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ตนตั้งใจ และต้องขอขอบคุณทุกความห่วงใยที่มีการสอบถามเข้ามาส่วนตัว

ด้าน พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับ พญ.อัมพร เป็นผู้ตรวจราชการเขต 5 ซึ่งถือเป็นกลไกตามปกติตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากมีการแต่งตั้ง พญ.อัมพร ตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่มีปัญหา ดังนั้น เมื่อ ขณะนี้ได้เข้าสู่กลไกปกติ ตนก็เชื่อมั่นในอาจารย์ เชื่อมั่นในความเป็นนักวิชาการ เป็นจิตแพทย์เด็ก เชื่อมั่นในความเป็นธรรม ส่วนที่มีการยื่นหนังสือเรียกร้องไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ก็หวังว่าเรื่องจะไม่ย้อนกลับไปที่กระทรวงสาธารณสุขเหมือนเมื่อครั้งแรก เนื่องจากหากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตั้งประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย โดยเดิมเป็น นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงเขต 6 แต่เกิดคำถามว่า เป็นการคัดเลือกประธานสอบสวนฯ ที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนเนื่องจาก โรงพยาบาลขอนแก่น การจะตั้งผู้ตรวจฯ มาสอบสวนควรเป็นในเขตพื้นที่สุขภาพที่ 5 ไม่ใช่ข้ามเขต กระทั่งนพ.สุเทพ ขอถอนตัวเนื่องจากติดภารกิจ และมีการตั้งประธานสอบฯคนใหม่ คือ นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เขต 11 แทน ก็เกิดคำถามอีกเช่นเดิม จนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมาการันตีความเป็นกลาง กระทั่งล่าสุดได้เปลี่ยนประธานคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3 คือ พญ.อัมพร ซึ่งเป็นผู้ตรวจราชการเขต 5

Sat, 2020-06-27  -- hfocus team
หัวข้อ: “หมอชาญชัย” พบ “อนุทิน” ยอมรับประธานสอบวินัยฯคนใหม่ เป็นไปตามกลไกที่ถูกต้อง
เริ่มหัวข้อโดย: patchanok3166 ที่ 13 กรกฎาคม 2020, 12:08:58
นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล หารือ “อนุทิน” ยอมรับ “พญ.อัมพร” ปธ.สอบวินัยคนใหม่ เหตุถูกต้องตามกลไก ส่วนยื่นเรื่อง สอบวินัยปลัด สธ. กรณีละเว้น ล่าสุด “รมว.สธ.” รับเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 ก.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้มีการหารือร่วมกับ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งถูกย้ายมาอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบในเรื่องรับเงินบริจาคบริษัทยา จนถูกกล่าวหาว่า ฉ้อราษฎรบังหลวง จนเกิดกระแส SAVEธรรมาภิบาล SAVEหมอชาญชัย

นพ.อนุทิน กล่าวภายหลังหารือ ว่า ตนไม่ได้เรียก แต่ นพ.ชาญชัย มาพบเอง โดยแกยอมรับ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 5 เป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ส่วนที่ปลัดสธ.ชี้แจงเรื่องที่ถูกร้องเรียนในเรื่องนพ.ชาญชัย นั้น ตนได้ให้ทีมงานสรุปเรื่องราวอยู่ เพราะข้อมูลเยอะมาก จึงต้องมีคนสรุปให้อยู่ ส่วนสงสัยตรงไหนก็จะค่อยเชิญทีมหารือ และพิจารณาอย่างเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่ามีกรอบการดำเนินการหรือไม่ นพ.อนุทิน กล่าวว่า จะดำเนินการเร็วที่สุด

ด้าน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ตนได้ขออนุญาตเข้าพบ นายอนุทิน กรณีที่มีคำสั่งตั้ง พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 5 เป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่าตนไม่คัดค้านที่ พญ.อัมพร จะมาเป็นคนสอบและในวันนี้จะยื่นหนังสือไปยังกองวินัยว่าไม่คัดค้าน เพราะคิดว่าเป็นธรรมาภิบาลที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดูแล ทั้งนี้นายอนุทินก็ไม่ได้ย้ำหรือฝากอะไรเป็นพิเศษ จากนี้ก็จะมีการดำเนินการสืบสวนตามระบบต่อไป

“ส่วนกรณีที่โดนย้ายออกจากโรงพยาบาลขอนแก่นที่ไม่เป็นธรรมนั้น ผมก็ได้ไปยื่นเรื่องร้องทุกข์ไว้กับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) และนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีที่มีการยื่นหนังสือต่อ รมว.สธ. ให้มีการสอบวินัย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีการละเว้นไม่ตรวจสอบ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี ที่เคยไปรับตำแหน่งเป็นผอ.โรงพยาบาลขอนแก่นระยะหนึ่งนั้น ท่านรมว.สธ. ก็ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้แล้ว”นพ.ชาญชัย กล่าว

นพ.ชาญชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ศูนย์บริหารทรัพยากรโควิด19 มีหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรให้พอใช้ ร่วมถึงมีการคาดการณ์ไว้หากเกิดการระบาดรอบใหม่ ต้องใช้ทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน ไทยจะมีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ สามารถจัดหาเวชภัณฑ์ต่างๆได้จากที่ไหน โดยได้มองทั้งของจากภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ศูนย์ทรัพยากรโควิด มีการทำงานที่ดีอยู่แล้ว มีผู้รับผิดชอบที่แข็งขัน

นพ.ชาญชัย กล่าวต่อว่า การต่อสู้เรียกร้องขององค์กรแพทย์จากรพ.ต่างๆ นั้น เป็นเพียงเรื่องที่ตนถูกตั้งกรรมการสอบเรียกร้องให้เกิดธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุขในภาพรวม ที่ต้องให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง สิ่งที่ตนและองค์กรแพทย์ต่างๆ ทำอยู่ก็เพื่อต้องการให้สังคมได้รับรู้ รับทราบว่าการตรวจสอบ สอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ ต้องทำอย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งมีขั้นตอนที่เป็นปกติ ก็ต้องทำตาม ตนไม่ได้เรียกร้อง หรือขอเปลี่ยนตัวประธานสอบมากเกินไป แต่เรื่องการสอบสวนวินัยต้องไม่เจาะจง ไม่มีฝ่ายใดรู้ว่าต้องสอบใคร และคนถูกสอบก็ต้องไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนมาสอบ ซึ่งทางกลุ่มวินัยได้จัดลำดับเอาไว้แล้วว่าเรื่องที่ 1 ต้องเป็นผู้ตรวจราชการท่านใด เรื่องต่อไป เป็นท่านใด นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของการสอบวินัย หากทำตามนี้ก็ไม่มีปัญหา

Thu, 2020-07-02 -- hfocus team
หัวข้อ: หมอชาญชัยฟ้องปลัด สธ. เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน
เริ่มหัวข้อโดย: patchanok3166 ที่ 13 กรกฎาคม 2020, 12:15:24
นพ.ชาญชัย อดีต ผอ.รพ.ขอนแก่น ให้ทนายยื่นฟ้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่มีการเผยแพร่การโพสต์ข้อความทางไลน์ว่า นพ.ชาญชัย ทุจริต เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ศาลรับฟ้องนัดไต่สวนนัดแรก 14 ก.ย.
วันที่ 9 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายกุลพิพัฒน์ เวทศิลป์ ทนายความ ว่า ได้รับมอบหมายจากนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ยื่นฟ้องนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากได้มีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มีการนำข้อมูลที่บิดเบือน ข้อมูลที่เป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้นายแพทย์ชาญชัย เสียหาย จึงได้ให้ดำเนินคดีในข้อหานี้และเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

โดยได้ยื่นไปเมื่อเช้าวันนี้(9 ก.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นได้รับคำฟ้องไว้แล้ว เป็นคดีอาญา เลขที่ 518/2563 โดยนัดตัดสวนมูลฟ้องวันที่ 14 กันยายน 2563 เวลา 13.30 น.

นายกุลพิพัฒน์ กล่าวว่า จากที่มีการกล่าวหาว่านายแพทย์ชาญชัย เรียกรับเงิน 5 เปอร์เซ็นต์จากบริษัทยา พอมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสรุปว่ามีมูล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขก็มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่วินิจฉัยว่า นายแพทย์ชาญชัย กระทำการทุจริต แต่มีการโพสต์ถามปลัดว่าทำไมถึงย้าย ผอ.ชาญชัย ซึ่ง นายแพทย์สุขุม ฯ ปลัดกระทรวง ฯ ก็เข้ามาตอบว่า ทุจริต ทั้งที่คณะกรรมการสอบสวนฯยังไม่วินิจฉัยว่าทุจริต และอีกประเด็นที่มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คือ ข้อที่บอกว่า ปปช.มาสอบแล้ว ทั้งที่ ปปช.ยังไม่รับเรื่องและยังไม่อยู่ในกระบวนการของ ปปช. สองข้อความนี้เป็นการนำเข้าบิดเบือน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตอนนี้ฟ้องข้อหาเดียว แต่มีต่อเนื่องการกระทำความผิด เช่น ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน การสืบสวนสอบสวนที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบปฏิบัติของกระทรวง รอข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีต่อไปอีก

"วันนี้ยื่นฟ้องเฉพาะนายแพทย์สุขุม และขณะนี้ทางทีมทนายกำลังสืบหาข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่มีบุคคลร่วมกระทำความผิด ซึ่งเราจะดำเนินการฟ้องอีกหลายคดี เพราะว่าการกระทำของบุคคลเหล่านี้ เป็นเหตุทำให้ ผอ.ชาญชัย ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ ที่สะสมมาเป็นเวลา 30 กว่าปี"นายกุลพิพัฒน์ กล่าว

9 ก.ค. 2563
หัวข้อ: องค์กรแพทย์ รพศ.ขอนแก่น ยื่นหนังสือจี้ ป.ป.ช. ตรวจสอบทุจริตปี58
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 14 กรกฎาคม 2020, 12:09:11
บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น รวมตัวเข้ายื่นหนังสือต่อ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดขอนแก่น เร่งตรวจสอบการทุจริตเงิน รพศ.ขอนแก่น เมื่อปี 2558 หลังเรื่องเงียบมานาน

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น แพทย์หญิงกนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น (รพศ.ขอนแก่น) เข้ายื่นหนังสือต่อ ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้มีการตรวจสอบ เรื่องการทุจริตเงินของโรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อปี 2558 หลังเรื่องดังกล่าวมีการสอบสวนไปแล้วเรื่องกลับเงียบไป

เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2563  แพทย์หญิงกนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น (รพศ.ขอนแก่น) กล่าวว่า ทางองค์กรแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ สหสาขาวิชาชีพและหน่วยงานควบคุมภายในรพศ.ขอนแก่น มีความรู้สึกไม่สบายใจและกังวลในเรื่องดังกล่าว

เนื่องจากเป็นคดีทุจริตซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายทั้ง ชื่อเสียง ทรัพย์สินขององค์กร และประเทศเป็นอย่างมาก รวมไปถึงมีการต้ังข้อสงสัยของสังคมอย่างกว้างขวาง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะโยกย้าย หมอชาญชัย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อํานวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นคนปัจจุบัน ให้พ้นจากตําแหน่ง แล้วให้กลุ่มแพทย์ในชมรมแพทย์ชนบท ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับคดี ดังกล่าวมาเป็นรักษาการผู้อํานวยการแทน เนื่องจากหลักฐานการทุจริตทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคล ยังคงอยู่ภายใน รพศ.ขอนแก่น

ทางองค์กรแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ สหสาขาวิชาชีพและหน่วยงานควบคุมภายใน รพศ.ขอนแก่น ได้ทราบว่าคดีทุจรติ เงินสวัสดิการโรงพยาบาลดังกล่าว อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นเวลามากกว่า 4 ปี แล้ว

แต่การสอบสวนยังไม่มีรายงาน ความคืบหน้าให้ปรากฏแต่ประการใด จึงได้เรียนมาเพื่อพิจารณาเร่งรัดตรวจสอบหาข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อเป็น การรักษาผลประโยชน์ขององค์กร ประชาชน และประเทศชาติ และเป็นการชี้แจงตอบข้อสงสัยของสังคมที่เกิด ขึ้นอยู่ในขณะนี้ให้กระจ่างชัดต่อไป



10 กรกฎาคม 2563
https://www.komchadluek.net/news/local/436557
หัวข้อ: หมอชาญชัย “เผยตาหมาก”-เปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 15 กรกฎาคม 2020, 00:23:23
ไม่ได้คุยเรื่อง “หมอชาญชัย” ซะนาน วันนี้คุยกันลืมกันหน่อย

ยังจำกันได้ใช้มั้ย?
หมอชาญชัย ผอ.รพ.ขอนแก่น ที่บริหารโรงพยาบาลจากที่คนก่อนๆ ทำติดลบไว้กว่า ๒๐๐ ล้าน

นอกจากบริหารล้างหนี้ได้หมดแล้ว ยังทำให้โรงพยาบาลมีสภาพคล่องด้วยตัวเลขบวกอีกกว่า ๒๐๐ ล้าน
แต่ด้วย “บัตรสนเท่ห์” ที่ “น่าสนเท่ห์” ใบเดียว

กล่าวหาเรื่องเงินทอน ๕% บริษัทยา ถูกปลัดสาธารณสุข “นพ.สุขุม กาญจนพิมาย” ย้ายเข้าประจำกระทรวง

นอกจากตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว
ในคำสั่ง “ปลัดสุขุม” ยังแถมเหน็บชายโครงเป็นแผลค่อนข้างฉกรรจ์เชิงอาญา ว่า
หมอชาญชัย “มีพฤติกรรมข่มขู่พยาน”
ต้องย้าย..ต้องย้าย ………
ให้ “หมอเกรียงศักดิ์” ผู้ขมังเวทย์ไปนั่งแป้นหมอใหญ่แทนให้เสร็จสมอารมณ์ค้าง ซึ่งค้างคามาตั้งแต่ปี ๖๑!

หน้าที่ผม คือหน้าที่ตามดู ก็ดูมาเรื่อยๆ เห็นบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทางการแพทย์ ออกมาเซฟหมอชาญชัยกันมากมาย
ทั้งเรียกร้องธรรมาภิบาลจากปลัดฯ จากรัฐมนตรี จนถึงนายกฯ ว่าการย้ายหมอชาญชัยนี้ น่าจะมีเบื้องหลัง
และหมอที่ย้ายมาแทน……
คือ “หมอเกรียงศักดิ์” ประธานชมรมแพทย์ชนบทผูกขาด “ตัวละครร่วมฉาก” ก็…ยี้…ยี้

จึงเกิดปรากฏการณ์ “วิกฤตศรัทธาปลัดสาธารณสุข” มดหมอ ยกคณะพากันเดินทางมาถึงหน้ากระทรวง หน้าทำเนียบ
“เอาหมอเกรียงศักดิ์คืนไป เอาหมอชาญชัยกลับมา”!

แต่……
“ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากปลายสาย”
ทั้งสายปลัดฯ สายรัฐมนตรี รวมทั้งสายนายกรัฐมนตรี!?

นานาประชาราษฏร์ (ประชารัฐไม่ยุ่ง มุ่งแต่แย่งเก้าอี้) เห็นหมอดีถูกรังแกก็อดรนทนไม่ได้ ออกมายุ
“อย่างนี้ต้องฟ้อง”!

ฟ้องไล่ขึ้นไปตั้งแต่ปลัดปากแดงจนถึงรัฐมนตรีปากเป็นเอกนั่นเลย เอาให้เหมือนอย่างที่ คุณถวิล เปลี่ยนศรี ฟ้องยิ่งลักษณ์ จนตกเก้าอี้หงายท้องขาชี้ฟ้านั่นแหละ

นี่ก็จะเป็นเดือนแล้ว ………..
เรื่องก็มายันตันอี๋อยู่แค่นี้ ที่คืบหน้าก็มีแค่เปลี่ยนคนนั้น-คนนี้ มาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนวินัย
เปลี่ยนใครไป-ใครมา คนภายนอก ก็แค่ อ้อ..เหรอ คือรู้แค่ที่รู้ว่าเปลี่ยน

แต่คนใน คือในวงการมดหมอและการสาธารณสุข ซุบๆ ซิบๆ “ด้วยไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่”
แต่ไม่อาวววว…ไม่พูด
“รู้อะไรไม่สู้ รู้ทางลม” เข้าฤดูกาลแต่งตั้ง-โยกย้ายแล้วด้วย จะปากพาซวยไปทำไม ประมาณนั้น

เนี่ย….
สถานการณ์หมอชาญชัย เหมือนหมากรุกถูกบีบตาเดิน จะขยับแต่ละตาต้องคิดหนัก มาเมื่อวาน (๒ กค.๖๓) เห็นขยับเห็นแล้วอยากจะออกปาก
“สุขุมคัมภีรแผน”เอาการ!

แสดงว่า ที่เงียบไป ไม่ใช่แอบหน้าร้องไห้กับข้างฝา คงไปเสาะแสวงหาพบอาจารย์ดี ได้ถ่ายทอดวิชา “ฝ่ามือพิฆาตมารปากแดง” มาแน่ๆ

คือเมื่อวาน หมอชาญชัยไปพบรัฐมนตรีอนุทิน นักข่าวก็ไปซักถาม มาพบด้วยเรื่องอะไร หมอชาญชัยก็บอกว่า
จะมาเรียนให้ท่านรัฐมนตรีทราบว่า “ไม่คัดค้าน”
ที่เปลี่ยนตัวประธานสอบคนใหม่เป็น “พญ.อัมพร เบ็ญจพลพิทักษ์” ผู้ตรวจราชการกระทรวง
แต่ที่ผมบอกหมอชาญชัย “สุขุมคัมภีรแผน” ซ่อนอยู่ในคำตอบนักข่าว จะยกมาให้ดู

นักข่าวถาม “พญ.อัมพร มาเป็นประธานสอบแล้ว จะดำเนินการอะไรต่อไปไหม?”

หมอชาญชัยตอบว่า…….
“ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลายื่นเรื่องไปถึงศาลปกครอง เพราะมีเงื่อนเวลา
ตอนนี้ ยื่นไปแค่ที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)เกี่ยวกับเรื่องการร้องทุกข์ที่โดนย้ายมา แต่ก็ร้องไปที่ปลัดฯด้วย”

สำหรับการเรียกร้องถึงเรื่องการสอบวินัยเขามีขั้นตอนอยู่แล้ว อย่างศาลจะเป็นแบบนี้, อัยการจะเป็นแบบนี้
แม้แต่ ก.พ.ค.เขาก็มีว่าเรื่องที่ ๑ คณะไหน เรื่องที่ ๒ คณะไหน แม้แต่ข้อมูลข่าวสารที่ผมไปขอ ไปยื่นเรื่อง เขาก็จะเรียงไว้แล้ว เหมือน Double Blind
เราไม่รู้จักกัน ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ เลือกคนนี้มาพิจารณา กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องเป็นกระบวนการยุติธรรม”

ผมถอดรหัสพันธุกรรมคำพูดหมอชาญชัยแล้ว ต้องชะเง้อหาปลัดฯ สุขุม ด้วยสิเหน่หาและห่วงใย

บั้นปลาย “หลังเกษียณ” งานหลัก น่าจะเป็นการเวียนขึ้นศาลนะท่าน!

เพราะดูที่หมอชาญชัยตอบนักข่าว แสดงว่าได้ร่ำเรียนวิชาแก้อาถรรพณ์ครบจบพระเวทย์แล้ว ถึงได้ร่ายขั้นตอนตามระเบียบ ก.พ.ค.เป็นฉากๆ

นี่เรียก “เป็นมวย” ศึกษากติกามาแล้วอย่างดี แบบนี้ ไม่มีฟาวล์
คือ คิดอย่างเราๆ เมื่อถูกกลั่นแกล้ง ก็ฟ้องศาลปกครองเลย เอาอย่างคุณถวิลฟ้องยิ่งลักษณ์

ก็ใช่……..
แต่มันไม่ใช่!

อย่างหมอชาญชัยจาระไนนั่น “มาถูกทางแล้ว” กฎกติกามารยาทของข้าราชการเขามี เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม จะปุบปับฟ้องศาลเลย
ไม่ได้ ….

มันข้ามขั้นตอนระบบราชการเขา เพราะข้าราชการเขามีพรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน เป็นถนนให้เดิน
มี “คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม” (ก.พ.ค.) ทำหน้าที่ตุลาการของข้าราชการ พิจารณาด้านจรรยาบรรณ วินัย การอุทธรณ์ การร้องทุกข์

เนี่ย…
ที่สงสัยทำไมหมอชาญชัยไม่ฟ้องซักที ก็เป็นอย่างหมอชาญชัยบอก คือ “ยังไม่ถึงเวลายื่นเรื่องไปที่ศาลปกครอง”
ต้องตั้งหลัก เดินตามกติกาไปแต่ละสเต็ป
ไปร้องขอความเป็นธรรมกับปลัดฯ เป็นหลักฐานไว้ก่อน แล้วไปยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.

ก.พ.ค.พิจารณาวินิจฉัยได้เรื่องอย่างใดแล้ว ก็จะแจ้งไปตามสายงานบังคับบัญชา จนถึงนายกฯ
ว่าเรื่องนี้ ได้ความอย่างนี้ ผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามวินิจฉัยอย่างนี้..อย่างนี้

ถึงตอนนี้แหละ เราพอใจ-ไม่พอใจ อย่างไร ฟ้องศาลปกครองได้ทันที!
ถ้าข้ามหัว ก.พ.ค.ไปฟ้องศาลปกครองเลย อาจซวยทีหลัง คือจะย้อนเอาไปร้องก.พ.ค.ไม่ได้

อย่างกรณีคุณถวิล
เขาไปร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ก่อน .ก.พ.ค.ใช้เวลาร่วมปี ถึงได้มีคำวินิจฉัยออกมา “ยกคำร้อง” คุณถวิล

จากนั้น คุณถวิลถึงได้ฟ้องศาลปกครอง และศาลตัดสินว่า

“………….การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 152/2554 ลงวันที่ 7 ก.ย.54 ให้ผู้ฟ้องคดีไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เกิดจากกระบวนการโอนที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับการโอนข้าราชการ
และเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่สมเหตุสมผลซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อมมีผลให้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 ก.ย.54 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย”

วันนี้ เอาเท่านี้ละมัง ……….
คุยแล้วมันยาว ฉะนั้น พักไว้ก่อน แต่คิดว่า คุณปลัดฯ ฟังที่หมอชาญชัย “เผยแต้ม-แย้มไต๋” ตรงนี้แล้ว อาจหนาวไข้หวัดหมูก็ได้นะ
ส่วนท่าน “เจ้ากระทรวง” น่ะ….
ผมก็ห่วงนะ!

July 2, 2020
เปลว สีเงิน
หัวข้อ: ก่อนขอนแก่น! ยังไม่มีคำตอบ ปม รพ.ระยองรับเงิน บ.ยาปริศนา 24 ล้าน
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 16 กรกฎาคม 2020, 07:57:22
ก่อนกรณีขอนแก่น -เด้ง นพ.ชาญชัย! เงื่อนปมที่ยังไม่มีคำตอบ ปม รพ.ระยองรับเงิน บ.ปริศนา 24.4 ล้าน ก.สาธารณสุข-ป.ป.ช. สอบสวนหรือไม่ ไฉนไม่มีความคืบหน้า?

กรณีนายแพทย์ (นพ.) สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) ขอนแก่น ไปประจำสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี มารักษาการแทน พร้อมตั้งกรรมการสอบกรณีถูกร้องเรียน รับเงินบริษัทยา 5% เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น ทำให้บุคลากร รพ.ขอนแก่นเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรม อ้างการย้าย นพ.ชาญชัย ขาดธรรมาภิบาล ขณะที่นักวิชาการเผยข้อมูลมีโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ 186 แห่ง รับเงินจากบริษัทยา ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยนั้น

เฉพาะกรณี โรงพยาบาลรับเงินบริษัทยาเข้ากองทุนนั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยนำข้อมูลมารยงานแล้วว่าเคยมีกรณีคล้ายกันที่โรงพยาบาลระยองซึ่งถูกร้องเรียนเมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบันครบ 2 ปี ไม่มีข้อมูลว่า

ผลสอบสวนเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

สำนักข่าวอิศราพลิกข้อมูลมารายงานอีกครั้ง

ปี 2560 กลุ่มบุคลากรของโรงพยาบาลระยองได้ส่งหนังสือถึง พล.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ประธาน กรรมการ ป.ป.ช.) และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯ สตง.) ให้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากชื่อ ‘กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง’ในช่วงปลายปี 2559-เดือนสิงหาคม 2560 เนื่องจากมีเงินจากผู้ประกอบธุรกิจขายยาและเครื่องมือแพทย์ โอนเงินเข้าบัญชีเลขที่ดังกล่าวเป็นเงินหลักแสนถึงหลักล้านบาท รวมเป็นเงินหลายล้านบาทโดยถูกโอนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในช่วงกลางเดือนและทุกปลายเดือน รวมเป็นเงินกว่า 24.4 ล้านบาทดังนี้

1.บัญชีที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบ เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ประเภทเงินฝากออมทรัพย์ พบข้อมูลว่าในช่วง 27 ธ.ค. 2559–16 ส.ค. 2560 ยอดเงินคงเหลือ ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2559 จำนวน 17,881,457.01 บาท
ณ วันที่ 16 ส.ค. 2560 มียอดเงินคงเหลือ 10,690,689.75 บาท ในช่วงดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนรวม 24,495,181.53 บาท

2.ในยอดเงินหมุนเวียนดังกล่าวมีรายการฝากถอนที่น่าสนใจคือ
วันที่ 26 เม.ย. 2560 (26/04/17)
รายการโอนเข้าครั้งแรก 300,076.07 บาท
ครั้งที่สอง 514,696.04 บาท
ครั้งที่สาม 100,000 บาท
และครั้งที่สี่ จำนวน 240,805.61 บาท
วันเดียวกัน ถอนออก 253,048.00 บาท,

วันที่ 26 พ.ค. 2560 (26/05/17)
รายการโอนเข้าครั้งแรก 239,946 บาท
ครั้งที่สอง 100,000 บาท
และครั้งที่สาม จำนวน 689,213.96 บาท
วันเดียวกันถอนออก 1,442,500 บาท,

วันที่ 26 มิ.ย. 2560 (26/06/17) รายการโอนเข้า 3 ครั้ง 574,235.40 บาท ,252,752.12 บาท และ 100,000 บาท และถอนออกวันเดียวกัน จำนวน 1,437,783 บาท,

วันที่ 16 ส.ค. 2560 (16/08/17) มีรายการเบิกถอน 4 ครั้ง ๆ ละ 1 ล้านบาท รวม 4 ล้านบาท

3.กรณีเงินฝากเข้าบางรายการถูกร้องเรียนว่า เป็นเงินปริศนาจากบริษัทเอกชน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร ? เช่นเดียวกับรายการถอนเงินจำนวน 4 ครั้ง ๆ ละ 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2560 ใครเป็นผู้เบิกถอน และถอนด้วยวัตถุประสงค์ใด ? และทำไมแยกเบิก 4 ครั้งในวันเดียว

4.การบริหารเงินกองทุน สวัสดิการ รพ.ระยอง ตามระเบียบต้องมีการจัดการกองทุนเงินสวัสดิการ กำหนดให้หน่วยงานราชการในสังกัด (โรงพยาบาล) จัดตั้งคณะอนุกรรมการสวัสดิการ เป็นผู้มีหน้าที่ในการบริหารจัดการและตรวจสอบเงินในกองทุนฯ โดยต้องมีอนุกรรมการ 7-15 คน และทำรายงานสรุปบัญชีดังกล่าวทุก ๆ 6 เดือน รวมทั้งรายงานให้กับคณะกรรมการสวัสดิการกลางของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทราบ กรณีนี้ไม่มีข้อมูลว่า มีการดำเนินการตามระเบียบฯ ดังกล่าวหรือไม่ และรายงานต่อคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลหรือไม่ ?

ถ้าเทียบกรณีกับกรณีโรงพยาบาลขอนแก่น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า

1. กระทรวงสาธารณสุขมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหมือนโรงพยาบาลขอนแก่นหรือไม่ หากสอบสวนข้อเท็จจริง ผลสอบเป็นอย่างไร กรณีมีความผิด กระบวนการลงโทษเป็นอย่างไร

2.ในระหว่างสอบสวน มีการโยกย้ายผู้บริหารที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และการโยกย้ายเกิดขึ้นในทันทีหรือไม่

3. ในส่วนของหน่วยงานตรวจสอบ ป.ป.ช.และ สตง. ได้สอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ คืบหรือไม่

ล่าสุด แพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งเปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่าในสถานการณ์เดียวกัน กรณีขอนแก่น มีกรรมการรับรู้ ไม่เป็นบัญชีลับ ผู้บริหารโดนเล่นงาน ขณะที่ระยอง ยังไม่มีการลงโทษ

เพื่อมิให้เกิดครหา ว่าขึ้นอยู่กับเป็นคนของใคร? ต้องให้ชัดเจน

14 มิถุนายน 2563
เขียนโดยisranews
หัวข้อ: พลิกหนังสือ ป.ป.ช. กรณี รพ.รับเงิน บ.ยา ก่อนปัญหาย้าย ผอ.ขอนแก่น
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 16 กรกฎาคม 2020, 08:01:37
เครื่องเคียง! ย้อนหนังสือ ป.ป.ช. ชง ครม. มาตรการป้องกันทุจริตกรณีผลประโยชน์ต่างตอบแทน รพ. รับเงิน บ.ยา - ปมปริศนา เงิน 24.4 ล้านในบัญชี ‘กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง’ ก่อนกรณีปัญหาย้าย ผอ.ขอนแก่น

เป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง กรณี โรงพยายบาลรับเงินบริษัทยา

ล่าสุดเกิดกรณีปัญหาที่โรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงฯ มีคำสั่งให้ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ไปปฏิบัติงานที่กองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า ดำรงตำแหน่งรักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น แทน

หลังจาก นพ.ชาญชัย ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณีมีผู้ร้องเรียนในลักษณะบัตรสนเท่ห์ อ้างว่า นพ.ชาญชัย เรียกรับเงินจากบริษัทยา ร้อยละ 5 ซึ่งเข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างเดือน มี.ค. - ต.ค. 2561

ขณะที่ นพ.ชาญชัย ชี้แจงว่า ไม่เป็นธรรม เนื่องจากการรับเงินบริจาคจากบริษัทยานั้นมีมาตั้งแต่ปี 2508 แต่ภายหลังได้รับคำสั่งจากทางกระทรวงเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2561 ได้ประชุมกรรมการบริหารและทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา แต่ยอมรับว่าในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.2561 มียอดเงินบริจาคผ่านกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น เดือนละ 1 ล้าน 3 แสนบาท จากปกติจะมียอดบริจาคเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านบาท ซึ่งก็เข้าใจว่าเงินบริจาคไม่ได้มาจากบริษัทยา เนื่องจากได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยงานรวมถึงบริษัทยาด้วย ทั้งนี้ นพ.ชาญชัย ระบุอีกว่า ภายหลังกระทรวงฯ มีคำสั่งให้งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา ในเดือน พ.ย.ปี 2561 ทางโรงพยาบาลได้ปิดกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น โดยให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา บริจาคผ่านบัญชี ‘เงินโรงพยาบาลขอนแก่น’ แทน (อ้างอิงข่าวจาก https://news.thaipbs.or.th/content/293184)

ประเด็นการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ รพ.ขอนแก่นในครั้งนี้ นำมาซึ่งการเคลื่อนไหวคัดค้านของบุคลากร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นและแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งมีการแสดงความเห็นจากบุคคลทั่วไปจำนวนมากในขณะนี้

ประเด็นสถานพยาบาลรับเงินจากบริษัทยานั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องเคียงดังนี้

1.เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ข้อเสนอแนะในเชิงระบบ 1 ใน 4 ข้อก็คือ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อยา (ข้อ 1.3) “ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการพยาบาล” และให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อใช้กลไกต่อรองราคาตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด (ดูเอกสารประกอบ)

โดยระบุว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียน ประกอบการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ท.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะของการทุจริตจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มผู้ใช้สิทธิและเครือญาติมีพฤติกรรมตระเวนใช้สิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆหลายแห่ง ทุก 1-3 สัปดาห์ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มีพฤติกรรมการสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเกินความจำเป็น และกลุ่มบริษัทยามีพฤติกรรมการจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับโรงพยาบาลและแพทย์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้แพทย์สั่งจ่ายยาของบริษัท เป็นผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นจำนวนมาก

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นสมควรเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัดิการรักษาพยาบาลข้าราชการต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 19 (11) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554

ทั้งนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกฯ มีคำสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและให้กระทรวงสาธารณสุขสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป (อ้างอิงหนังสือจากนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือลงวันที่ 7 ก.ค.2560 แจ้งเวียนถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) (อ่านประกอบ : เจอร้องหนัก!ป.ป.ช.ชง ครม.ป้อง ขรก. เบิกจ่ายพยาบาลโดยทุจริต-พบคนใน รพ.ฮั้วเอกชน)

2.เมื่อปี 2560 เคยมีกรณีที่คล้ายกันที่โรงพยาบาลระยอง เมื่อบุคลากรของโรงพยาบาลส่งหนังสือถึง พล.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ประธาน กรรมการ ป.ป.ช.) และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ขณะนั้น) ให้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากชื่อ ‘กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง’ ในช่วงปลายปี 2559-เดือนสิงหาคม 2560 เนื่องจากมีเงินจากผู้ประกอบธุรกิจขายยาและเครื่องมือแพทย์โอนเข้าบัญชีฯหลายครั้งรวมเป็นเงินหลายล้านบาทโดยถูกโอนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในช่วงกลางเดือนและทุกปลายเดือนมีเงินหมุนเวียนรวม 24,495,181.53 บาท ในจำนวนนี้มีรายการเบิกถอน เมื่อ 16 ส.ค.2560 รวม 4 ครั้งๆละ 1 ล้านบาท รวม 4 ล้านบาท ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นเงินค่าอะไร หลังจากนั้นจนถึงขณะนี้ ไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงของทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ ป.ป.ช.วาผลเป็นอย่างไร (อ่านประกอบ: หมุนเวียน 24.4 ล.-ใครเบิก 4 ล.? ปมปริศนา บ.ยาโอนเงินเข้ากองทุนฯ รพ.ระยอง)

ฉะนั้น กรณีของ รพ.ขอนแก่น ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงว่า หลังจากมีคำสั่งแล้ว ยังเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รู้เห็นหรือไม่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องนำมาหลักฐานมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา? และกระบวนการจากนี้อาจเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่?

ส่วน ‘ที่มา’ ของเรื่องร้องเรียนว่ามาจากบัตรสนเท่ห์นำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวนและโยกย้ายผู้ถูกร้องเรียนตามมานั้น มิใช่ประเด็น เพราะเรื่องร้องเรียนทุจริตในหน่วยงานของรัฐหลายเรื่องก็มาจากบัตรสนเท่ห์ เนื่องจากคนเกรงกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนในการร้องเรียน

เรื่องนี้อาจเป็นมหากาพย์  ต้องติดตามผลกันต่อไป

5 มิถุนายน 2563
เขียนโดยisranews