ผู้เขียน หัวข้อ: คอลัมน์: คดีปกครอง: โฆษณาสถานพยาบาล...จำกัดสิทธิ์? เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค  (อ่าน 950 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 9 มีนาคม 2556 00:00:51 น.
นายปกครอง
คดีปกครองที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องขอให้ศาลปกครองเพิกถอนข้อ 4.4 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2546) เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ซึ่งห้ามมิให้โฆษณาสถานพยาบาลในลักษณะแจ้งบริการโรคที่ไม่อยู่ในสาขาที่ผู้ประกอบวิชาชีพมีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร หมายความว่า ให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลโฆษณาแจ้งบริการโรคได้เฉพาะในสาขาที่มีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรจากสภาวิชาชีพต่างๆ เช่น แพทยสภา ทันตแพทยสภา ฯลฯ เท่านั้น ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเห็นว่า การออกประกาศดังกล่าวทำให้ตนไม่สามารถรักษาโรคหรือโฆษณารักษาโรคบางอย่างได้ หรือไม่สามารถพิมพ์เอกสาร นามบัตรรักษาโรคในสาขาอื่นนอกจากที่ตนมีวุฒิบัตรได้ อันเป็นการจำกัดการแข่งขันในการประกอบอาชีพ และจำกัดสิทธิ์ของผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และขัดต่อมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลโฆษณาโดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาลเท่านั้น แต่การแจ้งบริการโรคที่ไม่อยู่ในสาขาที่ผู้ประกอบวิชาชีพมีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรไม่ใช่การโฆษณา โดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จ หรือโอ้อวดเกินความจริง แต่เป็นการโฆษณาตามความจริง

 
คดีนี้เป็นเรื่องที่ศาลปกครองได้ใช้อำนาจในการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครองในการออกประกาศว่าขัดหรือแย้งกับกฎหมายหรือไม่ โดยฝ่ายปกครองจะต้องใช้อำนาจของตนภายใต้หลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครอง หมายความว่า ฝ่ายปกครองจะกระทำการอย่างใดๆ ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือเสรีภาพอันชอบธรรมของเอกชนได้เมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้ และจะต้องกระทำภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

ดังนั้น จึงต้องพิจารณาว่าประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2546)ฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ข้อ 4.4 มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเจตนารมณ์ของมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่? และเป็นการจำกัดสิทธิ์ของผู้บริโภคตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่?

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ถึงแม้การห้ามสถานพยาบาลโฆษณาแจ้งบริการโรคที่ไม่มีอยู่ในสาขาที่ผู้ประกอบวิชาชีพมีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร เป็นกรณีที่เห็นได้ชัดว่า การโฆษณาลักษณะดังกล่าวไม่ใช่การโฆษณาโดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จ หรือโอ้อวดเกินความจริง เพราะเป็นการโฆษณาตามความเป็นจริง ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีสิทธิ์ตามใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่การห้ามสถานพยาบาลโฆษณาโดยใช้ข้อความที่น่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล เป็นกรณีที่กฎหมายให้ความคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคอย่างเคร่งครัด ซึ่งเพียงแต่ประชาชนผู้บริโภคเห็นข้อความแล้วอาจจะเข้าใจผิด ก็เพียงพอที่จะถูกห้ามโฆษณาตามกฎหมายนี้แล้ว ดังนั้น การที่สถานพยาบาลโฆษณาสถานพยาบาลโดยผู้ประกอบวิชาชีพไม่มีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเฉพาะสาขา โดยมีข้อความที่อาจทำให้ประชาชนผู้บริโภคเข้าใจว่า สถานพยาบาลดังกล่าว เป็นสถานพยาบาลที่มีผู้ประกอบวิชาชีพที่มีหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเฉพาะสาขาให้บริการ โฆษณาดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นข้อความโฆษณาที่น่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

นอกจากนี้ ประกาศฉบับนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้รับบริการจากสถานพยาบาล มิให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาลจากข้อความโฆษณาของสถานพยาบาล จึงเป็นหลักเกณฑ์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

ดังนั้น ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2546)ฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ข้อ 4.4 จึงออกมาภายใต้กรอบหลักเกณฑ์ของมาตรา 38 และไม่ปรากฏว่ามีเหตุแห่งความไม่ชอบด้วยกฎหมายประการอื่น ทั้งไม่ได้ห้ามหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้ฟ้องคดีที่จะโฆษณาสถานพยาบาลของตนได้ เพียงแต่ต้องทำตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด อันเป็น การจำกัดเสรีภาพของผู้ฟ้องคดีเพื่อคุ้มครองสิทธิของบุคคลอื่นเท่านั้น แต่ผู้ฟ้องคดียังคงมีสิทธิ์ประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ทุกสาขาดังเดิมตามใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม และไม่ได้ขัดสิทธิผู้บริโภคแต่อย่างใด (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. 338/2555)

คดีนี้นอกจากจะเป็นข้อระมัดระวังสำหรับผู้ดำเนินการสถานพยาบาลในการโฆษณาให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับฝ่ายปกครองที่จะต้องใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามกรอบที่กฎหมายให้อำนาจไว้ด้วยครับ!