การโยกย้าย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ จากเก้าอี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำบัญชาของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ผ่านไปไวเหมือนเรื่องโกหก
นับจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 20 วันแล้ว ที่ปลัดนักปฏิรูปไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้...
และเป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วเช่นกันที่ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีปลัดณรงค์ไม่สนองนโยบายรัฐบาลและนโยบายของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ยังไม่ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้...!!!
ทั้ง ๆ ที่ควรจะดำเนินการโดยไม่ชักช้าตามกระบวนการที่ควรจะเป็น และไม่กี่วันก่อนทั้ง รมว. และรักษาการปลัด เพิ่งจะเอาผลงานของหมอณรงค์มาแถลงเป็นคุ้งเป็นแคว แต่บอกว่าคนคิดนโยบายไม่สนองงาน...
ทว่าเหตุไฉน แนวร่วมประชาคมสาธารณสุข กลับไม่มีการแสดงอาการโกรธขึ้งกับ บิ๊กตู่ ทั้งที่เป็นผู้เซ็นคำสั่งย้ายนายที่แสนดีของตัวเองคนใกล้ชิดหมอณรงค์เปรยให้ฟังว่า คุณหมอณรงค์ย้ำกับน้อง ๆ และประชาคมสาธารณสุขว่า อย่าได้เคลื่อนไหวใด ๆ หรือว่ากล่าวให้ร้าย พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นคนดี อย่าไปทำอะไรคนดี
อย่างไรก็ดี มีข้อน่าสังเกตว่า ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ลงนามโดย นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ปรากฏ มีการแต่งตั้งหนึ่งในผู้ช่วยเลขานุการฯ ที่เคยเป็นทีมงานฝ่ายการเมืองที่แนบแน่นกับ กลุ่มสามพราน และ ชมรมแพทย์ชนบท และเคยเป็นเลขานุการชมรมแพทย์ชนบท ซึ่งเป็นชมรมที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหมอณรงค์มานาน มาเป็นกรรมการด้วย...!!!
แปลกดีแท้ เอาคนที่เคยมีความหลังฝังใจมาสอบสวนอีกฝ่ายหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็ชัดแล้วว่าจะเล่นงานกันให้พังไปข้างหนึ่งโทษฐานออกมาตอกย้ำว่า โรงพยาบาลของรัฐขาดทุนกว่า 100 โรง และกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูป 30 บาท
แต่ด้วยความเชื่อที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นคนดี ยุทธวิธีใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวจึงบังเกิดขึ้นในกระทรวงหมอห้วงเวลานี้...!!!
แต่กลับกลายเป็นว่า อีกฟากฝ่ายที่เคลื่อนไหวหรือภาษานักหนังสือพิมพ์ใช้คำว่า พล่าน เห็นจะหนีไม่พ้น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือสำนักงาน 30 บาท ที่ถูกร้องเรียนว่า บริหารงบบัตรทองหลายแสนล้านบาทไม่โปร่งใส...
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้ง คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ล้วนให้ความสนใจตรวจสอบงบเหมาจ่ายรายหัวที่มีความไม่ชอบมาพากลหลายต่อหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบไปจัดซื้อยาแล้วนำส่วนลดที่ได้ไปแจกจ่ายให้กับองค์กร/ชมรม ที่ไม่ใช่หน่วยบริการสาธารณสุข การจ่ายเงินตอบแทนให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โดยไม่มีระเบียบรองรับ หรือกรณีการโอนเงิน 1,151 ล้านบาท ไปให้โรงพยาบาล 250 แห่ง เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2555 แล้วทำเรื่องหักคืนทางบัญชีในช่วงเวลา 3-6 เดือน...
เฉพาะประเด็นหลังนี้อาจจะเป็นจุดตายของ สปสช. ที่เชื่อมโยงเรื่องของการตกแต่งบัญชีเพื่อการจ่ายโบนัสให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้บริหารของ สปสช. เพราะหากมีเงินค้างท่อมากกว่าร้อยละ 5 จะมีผลต่อการบริหารจัดการโบนัสหรือไม่...
ประเด็นเหล่านี้ประชาคมสาธารณสุขเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องงบของ สปสช. ที่มี พล.ต.ธนาคาร เกิดในมงคล (หนึ่งใน คตร.) เป็นประธาน เมื่อได้เห็นข้อมูลทุกอย่างจะถึงบางอ้อ และน่าจะทำให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยอย่างตรงไปตรงมา
มาถึงนาทีนี้ ปลัดณรงค์ คงไม่สนแล้วว่าจะได้กลับมานั่งทำงานในกระทรวงหมอหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ก็นั่งอยู่ในใจคนสาธารณสุขอยู่แล้ว...!!!
สมิหลา
เดลินิวส์ วันพุธที่ 1 เมษายน 2558