ผู้เขียน หัวข้อ: ส่อง 7 หุ้นโรงพยาบาล ไตรมาส 2/66 BDMS เด่นสุด  (อ่าน 60 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
เจาะผลงานไตรมาส 2/66 หุ้นโรงพยาบาล “BDMS” กำไรเด่นสุด รับรายได้โตจากการใช้บริการของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ขณะที่ “BH” กำไรทรงตัว ด้าน “BCH-CHG-THG-PR9-VIBHA” กำไรยังลดลง
หลังจากเมื่อวานนี้ได้นำเสนอแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 พร้อมกับสรุปผลงานในไตรมาส 1/2566 ของหุ้นกลุ่มสื่อสารกันไปแล้ว วันนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้รวบรวม “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” โดยได้หยิบยกมาจำนวน 7 บริษัท

ประกอบด้วย
1.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS,
2.บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH,
3.บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH,
4.บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG,
5.บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG,
6.บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 และ
7.บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA

เริ่มด้วย BDMS บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2566 กำไรสุทธิเติบโต จากไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,664 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจาก

1) คาดรายได้เติบโตจากไตรมาส 2/2565 จากการใช้บริการของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ Fly in ส่วนลูกค้าชาวไทยคาดมีผลกระทบน้อยลงตามการปรับฐานรายได้เกี่ยวกับ COVID ขณะที่เทียบไตรมาส 1/2566 คาดรายได้ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และผลกระทบจากเทศกาลรอมฎอนเต็มเดือน เม.ย.2566

2) คาดว่า Gross margin ใกล้เคียงไตรมาส 2/2565 ที่ 32.6% แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2566 แนะนำ “BUY” ราคาเป้าหมาย 33.80 บาท

ถัดมา BCH บล.บัวหลวง ประเมินว่า กำไรไตรมาส 2/2566 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2/2565 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2566 จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 1/2566 คาดรายได้จะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2/2565 เนื่องจากภาครัฐปรับลดงบประมาณค่ารักษา COVID-19 และไวรัสเริ่มไม่เป็นปัญหา แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2566 จากปัจจัยฤดูกาล (ธุรกิจดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติไม่มากก็น้อย)

อัตรากำไรหลักมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาส 2/2565 (จากอัตรากำไรที่ขยายตัวอย่างมากในไตรมาส 2/2565) แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2566 สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไตรมาส 2/2565 แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท

มากันที่ BH บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/2566 เบื้องต้นคาดว่ากำไรปกติทรงตัวจากไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไร 1,161 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจาก

1) คาดรายได้รักษาพยาบาลเติบโตจากไตรมาส 2/2565 ในอัตราแผ่วลงเมื่อเทียบกับการเติบโตในไตรมาส 1/2566 จากรายได้ไตรมาส 2/2565 เริ่มมีฐานสูงกว่า Pre  COVID ขณะที่เทียบกับไตรมาส 1/2565 คาดรายได้ลดลงจากการใช้บริการ และ Intensity ค่ารักษา ซึ่งเป็นผลกระทบปัจจัยฤดูกาล และคาดว่าเทศกาลรอมฎอนจะมีผลกระทบต่อการใช้บริการของลูกค้าตะวันออกกลางเต็มเดือน เม.ย.2566

2) คาดว่า Gross margin ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2565 ที่ 46.2% และลดลงจาก 47.9% ในไตรมาส 1/2566 สำหรับทั้งปี 2566 คาดกำไรสุทธิ 5,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 2565 แนะนำ “NEUTRAL” ราคาเป้าหมาย 230.00 บาท
 
ต่อด้วย CHG บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า กำไรปกติไตรมาส 2/2566 จะลดลงจากไตรมาส 2/2565 แต่จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากผลกระทบจากช่วงโลว์ซีซั่นจะได้รับการชดเชยจากการปรับอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น และคาดว่ากำไรจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 แนะนำ “NEUTRAL” ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท

ด้าน THG บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่า ในไตรมาส 2/2566 คาดธุรกิจปกติมีกำไรลดลงจากไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไร 397 ล้านบาท และลดลงจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจาก

1) คาดรายได้รวมลดลงจากไตรมาส 2/2565 ตามการปรับฐานรายได้เกี่ยวกับCOVID และลดลงจากไตรมาส 1/2566 ตามปัจจัยฤดูกาล รวมทั้งคาดว่าจะไม่มีผลบวกบันทึกรายได้ COVID ส่วนเพิ่มเหมือนไตรมาส 1/2566

2) คาด Gross  margin ต่ำกว่า 29.7% ในไตรมาส 2/2565 และไตรมาส 1/2566 ตามทิศทางรายได้ของธุรกิจ รพ. และผลของ Economy of scale ลดลงตามการให้บริการเกี่ยวกับ COVID

สำหรับปี 2566 คาดกำไรสุทธิ 665 ล้านบาท ลดลง 58% จากปี 2565 ตามการปรับฐานของรายได้รวมที่คาดว่าลดลง 16% จากปี 2565 เป็นผลจากธุรกิจ รพ.ไม่มีรายได้เกี่ยวกับ COVID และฐานรายได้ รพ.ใหม่ คาดว่าชดเชยไม่ทัน รวมทั้งคาดว่า Gross margin ลดลงเหลือ 25.4% แนะนำ “REDUCE” ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท

ขณะที่ PR9 บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2566 ผลการดำเนินงานยังคงชะลอตัวจากฐานสูง ซึ่งรายได้เกี่ยวกับ COVID-19 ในไตรมาส 2/2565 ประมาณ 20% ของรายได้ เทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่แทบไม่มีรายได้จาก COVID-19 แล้ว คาดกำไรจะฟื้นเด่นในครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจากเป็นการเติบโตจากฐานที่ไม่มีรายได้จาก COVID-19 แล้วเหมือนกัน ประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 600 ล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2565 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท

สุดท้าย VIBHA บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2566 ผลการดำเนินงานดีขึ้นจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากช่วงเดือน เม.ย.2566 ได้ผลบวกจากการกลับมาระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 และผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม 10% จาก 1,640 บาทต่อคนต่อปี เป็น 1,808 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เทียบไตรมาส 2/2565 คาดยังชะลอจากฐานสูง เนื่องจากรายได้เกี่ยวกับ COVID-19 ที่ลดลง

ทั้งนี้ คาดผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตในครึ่งหลังปี 2566 และภาพรวมปี 2566 คาดกำไรสุทธิที่ 1,050 ล้านบาท ลดลง21% จากปี 2565 จากฐานที่สูงปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.95 บาท

สรุปงบไตรมาส 1/66

BDMS ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,470.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 3,443.03 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงและผลบวกจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) หรือ SVH หลังเพิกถอน SVH จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

BCH ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 253.9 ล้านบาท ลดลง 87.5% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,028.3 ล้านบาท สอดคล้องกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีขึ้นและทยอยกลับเข้าสู่ผลการดำเนินงานปกติ

BH ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,583.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.38% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 725.04 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเป็น 26.0% ในไตรมาส 1/2566 จาก 17.5% ในไตรมาส 1/2565

CHG ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 240.4 ลดลง 82.27% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,356.4 ล้านบาท โดยรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 1,716.2 ล้านบาท ลดลง 52% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,571.3 ล้านบาท

THG ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 211.22 ล้านบาท ลดลง 59.90% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 526.79 ล้านบาท จากการลดลงของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 อย่างไรก็ตามหากไม่รวมผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 มีการเติบโตมากกว่า 100% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า THG มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาด COVID-19

PR9 ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 108.8 ล้านบาท ลดลง 30.7% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.1 ล้านบาท โดยรายได้รวมอยู่ที่ 967.9 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้อยู่ที่ 979.1 ล้านบาท

VIBHA ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 148.67 ล้านบาท ลดลง 67.30% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 454.71 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัท บริษัทย่อย และบริษัทร่วม ไม่มีการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา-19 (COVID-19) เหมือนปีก่อน บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 82.41 ล้านบาท และขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุนในตราสารทุน 56.80 ล้านบาท

19 พฤษภาคม 2566
โพสต์ทูเดย์