วันนี้ (21 มิถุนายน 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ผู้บริหาร สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายอนุทินกล่าวว่า สธ.ออกพระราชบัญญัต (พ.ร.บ.) ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 เพื่อขับเคลื่อน
ให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มาตรฐาน และเป็นธรรม
การขับเคลื่อนต้องอาศัยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคเอกชน และภาคประชาชน สอดคล้องกับเป้าหมายที่ สธ.กำหนด คือ ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง ด้วยนโยบายที่สำคัญคือ การให้ประชาชนเข้าถึงบริการปฐมภูมิที่สะดวกและรวดเร็ว โดยใช้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในระบบการให้บริการ เช่น เทเลเมดิซีน (Telemedicine), เทเลเฮลท์ (Telehealth) ทำให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลสุขภาพของตัวเอง โดยจัดตั้งสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ (สสป.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานภาพรวมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อน
วันนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการรับฟังความคิดเห็นตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้รับบริการ หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ได้มีมติให้ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับฟังความคิดเห็นจากผู้รับบริการ หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ และผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ และระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2564 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 โดยได้เห็นชอบในหลักการ
ของ (ร่าง) เค้าโครงการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องกับการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิตามมาตรา 32
แห่ง พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 และได้มอบหมายให้ สสป. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น พร้อมจัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอต่อคณะกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป นายอนุทินกล่าว
รัฐมนตรีว่าการ สธ.กล่าวว่า สำหรับวิธีการเก็บข้อมูล จะใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปและผู้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิ ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ในประเด็นความพึงพอใจต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ให้บริการ (แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ) 2.ด้านกระบวนการหรือขั้นตอนการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ 3.ด้านช่องทางการติดต่อสื่อสาร 4.ด้านสถานที่ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวก 5.ด้านระบบสารสนเทศ และ 6.ด้านคุณภาพบริการสุขภาพปฐมภูมิ พร้อมทั้งสอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ และความคาดหวังต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามความคืบหน้าการทำงานของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งทราบว่า มีกรรมการบางคนในคณะอนุกรรมการต่างๆ
มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง จึงเห็นควรให้มีการปรับองค์ประกอบกรรมการ ในคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม นายอนุทินกล่าว
21 มิถุนายน 2566
มติชน
