ผู้เขียน หัวข้อ: วิจัยเผย สถิติผ่าท้องคลอดทั่วโลกทะยานสูง  (อ่าน 2127 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
จากการเก็บสถิติการให้กำเนิดทารกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา นักวิจัยพบว่า การคลอดด้วยวิธีผ่าตัดหน้าท้อง (Cesarean-section) มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่ประชากรมีรายได้ตั้งแต่ระดับปานกลาง - ดี
       
       แม้จะยังบอกไม่ได้ถึงสิ่งที่น่ากังวลจากการคลอดด้วยวิธีผ่าหน้าท้อง แต่ตัวเลขที่เพิ่มสูงนี้ทำให้นักวิจัยเจ้าของโครงงานแสดงความเป็นห่วงว่าตัว เลขที่เพิ่มสูงนี้อาจมาจากการร้องขอของคนไข้เอง (เนื่องจากการเก็บสถิตินี้บางจุดไม่สามารถระบุได้ว่า การผ่าคลอดที่เกิดขึ้นนั้นมาจากจากความจำเป็นทางการแพทย์ หรือเกิดจากการร้องขอของคนไข้เอง)
       
       โดย ดร. อากัสตินา มอซโซนี่ จาก Institute for Clinical Effectiveness and Health Care Policy แห่งกรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา เจ้าของโปรเจ็คดังกล่าวเผยถึงตัวเลขของหญิงตั้งครรภ์ในอาร์เจนตินาว่า 16 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่อยู่ในงานวิจัยนี้ ต้องการคลอดบุตรโดยการผ่าตัดหน้าท้องแทนการคลอดแบบธรรมชาติ
       
       อย่างไรก็ดี จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของการผ่าตัดคลอด โดยเฉพาะในประเทศที่ประชากรมีรายได้ปานกลาง - สูงนั้น มีความเป็นไปได้ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลือกของคนไข้เอง ยกตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1965 พบว่ามีอัตราการผ่าท้องคลอดประมาณ 4.5 เปอร์เซ็นต์จากการคลอดบุตรทั้งหมด แต่ในปี ค.ศ. 2007 กลับพบว่ามีผู้ผ่าท้องคลอดเพิ่มขึ้นเป็น 32.9 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว (ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ สหรัฐอเมริกา)
       
       ขณะที่ในภาพรวมแล้ว มีผู้หญิงราว 15.6 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องการผ่าท้องคลอดแทนการคลอดแบบธรรมชาติ โดย 1 ใน 4 ของผู้หญิงในละตินอเมริกาเลือกการผ่าท้องคลอดเป็นหนทางแรกของการให้กำเนิด ส่วน 17 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงในอเมริกาเหนือก็เลือกเช่นเดียวกัน
       
       สำหรับผู้หญิงที่เคยคลอดบุตรด้วยการผ่าตัดมาแล้ว 29 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ในท้องต่อไป พวกเธอก็ต้องการผ่าตัดคลอดเช่นเดิม ขณะที่มีอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์บอกว่าจะไม่เลือกอีกแล้ว
       
       อย่างไรก็ดี เจ้าของงานวิจัยกล่าวเพิ่มเติมว่า "แม้ว่าการผ่าคลอดตามคำร้องขอของคนไข้จะถูกหยิบขึ้นมาเป็นปัจจััยข้างเคียง ที่มีผลทำให้อัตราการคลอดด้วยวิธีดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถจะนำมาใช้อธิบายถึงสถิติการพุ่งสูงในบางประเทศและบางทวีป ได้อยู่ดี" พร้อมยกตัวอย่าง หญิงตั้งครรภ์ในละตินอเมริกา ที่มีการสำรวจความต้องการพบว่า กลุ่มหญิงตั้งครรภ์มักระบุว่าต้องการคลอดธรรมชาติ แต่จากสถิติการคลอดจริงมีถึง 29 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องผ่าหน้าท้อง
       
       แม้การคลอดแบบธรรมชาติจะทำให้ว่าที่คุณแม่หลายคนเกิดความประหวั่น พรั่นพรึง ทั้งจากการเจ็บท้องที่นานนับสิบชั่วโมง และการคลอดที่เจ็บปวด แต่การผ่าคลอดก็หาใช่ทางเลือกที่สะดวกสบายกว่าเสมอไป เพราะหลังผ่าตัด นอกจากตัวคุณแม่จะรับประทานอะไรไม่ได้ไปอีกระยะหนึ่งแล้ว ยังต้องอาศัยการพักฟื้นอีกนานนับสัปดาห์เลยทีเดียว แถมยังมีแผลผ่าตัดปรากฏอยู่บนร่างกายอีกด้วย ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ เพราะพักฟื้นเพียงไม่นาน ก็สามารถเดินไปเยี่ยมลูกน้อยได้แล้ว
       
       เรียบเรียงจากรอยเตอร์