ผู้เขียน หัวข้อ: แพ้เพื่อนบ้านกระจุย! เด็กไทยขาดแคลเซียม ส่งผลเตี้ย นมก็ดื่มน้อย  (อ่าน 599 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9779
    • ดูรายละเอียด
  เด็กไทยอ้วน เตี้ย ผอม แถมกินอาหารมีแคลเซียมน้อย แนะเด็กอายุ 1-3 ปี กินแคลเซียมวันละ 500 มิลลิกรัม 4-8 ปี วันละ 800 มิลลิกรัม และ9-18 ปี วันละ 1,000 มิลลิกรัม เพื่อให้ร่างกายเติบโตสมวัย ควบคู่กินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย

       นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เด็กไทยกำลังเผชิญปัญหาด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย จากการเฝ้าระวังติดตามการเจริญเติบโตในเด็กนักเรียนอายุ 6-12 ปี ปี 2555 พบว่า นักเรียนมีภาวะอ้วนจำนวน 187,000 คน เตี้ยจำนวน 254,620 คน และผอมจำนวน 99,112 คน ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะเด็กนักเรียนที่เตี้ยและผอม จะมีสติปัญญาด้อย เรียนรู้ช้า ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ยังพบว่า การบริโภคอาหารที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างแคลเซียมยังน้อยอีกด้วย โดยเฉพาะการดื่มนมซึ่งคนไทยดื่มนมเฉลี่ยคนละ 14 ลิตรต่อปี ในขณะที่อัตราการดื่มนมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฉลี่ยคนละ 60 ลิตรต่อปี และทั่วโลกเฉลี่ยคนละ 103.9 ลิตรต่อปี ซึ่งต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโลก 4-7 เท่า ส่งผลให้เด็กไทยเมื่อมีอายุ 18 ปี มีความสูงเฉลี่ยค่อนข้างเตี้ย โดยผู้ชายสูงเฉลี่ย 167.1 เซนติเมตร ผู้หญิงสูงเฉลี่ย 157.4 เซนติเมตร
       
       นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก เนื่องจากร้อยละ 99 ของแคลเซียมอยู่ที่กระดูกและฟัน แต่การที่ร่างกายจะเจริญเติบโตได้ดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความสูงนั้นนอกจากเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว การเจริญเติบโตด้านความยาวของกระดูก อาหารและการออกกำลังกายก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งสารอาหารที่สร้างความแข็งแรงของกระดูกมีหลายชนิด เช่น โปรตีน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ ทองแดง แมงกานีส วิตามินซี วิตามินดี และวิตามินเค
       
       นพ.พรเทพ กล่าวด้วยว่า ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันตามช่วงอายุ คือ
เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 500 มิลลิกรัม
อายุ 4-8 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 800 มิลลิกรัม
อายุ 9-18 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม

โดยอาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ อาหารประเภทนม เช่น
นมจืด 1 กล่อง (200 มิลลิกรัม) มีแคลเซียม 226 มิลลิกรัม
นมพร่องมันเนย 1 กล่อง (200 มิลลิกรัม) มีแคลเซียม 246 มิลลิกรัม
โยเกิร์ต 1 ถ้วย (150 กรัม) มีแคลเซียม 160 มิลลิกรัม
นมเปรี้ยว 1 ถ้วย (180 มิลลิลิตร) มีแคลเซียม 106 มิลลิกรัม

อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น
ปลาตัวเล็กตัวน้อย (2 ช้อนกินข้าว) มีแคลเซียม 226 มิลลิกรัม
ปลาซาร์ดีนกระป๋อง (2ช้อนกินข้าว) มีแคลเซียม 226 มิลลิกรัม

อาหารประเภทผัก เช่น
ผักคะน้า (1 ทัพพี) มีแคลเซียม 71 มิลลิกรัม
ผักกาดเขียว (1 ทัพพี) มีแคลเซียม 96 มิลลิกรัม
ผักกวางตุ้ง (1 ทัพพี) มีแคลเซียม 60 มิลลิกรัม
       
       “ทั้งนี้ หากร่างกายขาดแคลเซียมจะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง หักง่าย เป็นตะคริว มือจับเกร็ง กล้ามเนื้อกระตุกและหัวใจเต้นผิดปกติ จึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เล่นกีฬาประเภทที่สามารถช่วยเพิ่มความสูงและความแข็งแรงของกระดูกได้ เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือออกกำลังกายรูปแบบต่างๆ เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันๆ ละ 30 นาที นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน และที่สำคัญการกินอาหารอย่างเดียวโดยไม่ออกกำลังกายไม่ทำให้สูง แต่จะทำให้อ้วนแทน หรือออกกำลังกายอย่างเดียวโดยกินอาหารไม่เพียงพอก็จะทำให้ผอมและไม่สูง ดังนั้น การกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างเพียงพอจะส่งผลให้ ร่างกายสุขภาพดีและมีส่วนช่วยให้สูงด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์    31 มกราคม 255