ผู้เขียน หัวข้อ: สมัชชาอนามัยโลกเห็นชอบ ควบคุมการตลาดอาหารทารกถึง 3 ขวบ สธ.เร่งผลักดันเป็น กม.  (อ่าน 649 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9784
    • ดูรายละเอียด
 ที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก เห็นชอบแนวทางควบคุมการตลาดอาหารเสริมทารกจนถึงอายุ 3 ขวบ  รมว.สธ. ชี้ ไทยเร่งผลักดันเป็น กม. สอดคล้องกับแนวทาง WHO ชี้ ต้องกินนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน และกินต่อเนื่องถึง 2 ปี พร้อมอาหารอื่น ช่วยเด็กฉลาด ป้องกันตายก่อนวัย 5 ขวบ
       
       นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 69 ที่กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 23 - 28 พ.ค. ที่ผ่านมา หนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจจากประเทศสมาชิก คือ โภชนาการมารดา ทารก และ เด็กเล็ก ซึ่งแนวทางการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารทารก และ เด็กเล็ก ขององค์การอนามัยโลกนั้น แนะนำให้แต่ละประเทศออกกฎหมายควบคุมการส่งเสริมการตลาดที่ไม่เหมาะสมในผลิตภัณฑ์นมผสม อาหารเสริมสำหรับทารกและเด็กเล็กรวมถึงเครื่องดื่ม ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การโฆษณา การลดแลกแจกแถม การประชาสัมพันธ์ การให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมโดยตัวแทนบริษัท และการส่งเสริมการตลาดผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ
       
       นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมา มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2551 โดยขอความร่วมมือทุกหน่วยงานของ สธ. ให้ปฏิบัติตามประกาศ และจัดระบบการติดตามเฝ้าระวังการละเมิดหลักเกณฑ์ฯ แต่ประกาศดังกล่าวเป็นเพียงข้อแนะนำ ไม่มีผลบังคับใช้และบทลงโทษให้ชัดเจน จึงไม่สามารถควบคุมการละเมิดการส่งเสริมการตลาดได้ เห็นได้จากปี 2551 สำรวจพบว่า มีโรงพยาบาลของรัฐถึงร้อยละ 31 มีการละเมิดหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทนมผง เช่น แจกนมผง ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือเทศบาล หรือแจกคูปองให้แม่ และครอบครัวไปรับนมผงที่ร้านขายยา ปี 2553 กรมอนามัยจึงได้เสนอหลักเกณฑ์ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายสาธารณะ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554 ให้ สธ. พัฒนาและผลักดันร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. ... ในที่สุด
       
       นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลกเป็นการตอกย้ำว่าร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารก ที่ สธ. ผลักดันอยู่ เพื่อคุ้มครองเด็กไทยให้มีโอกาสได้กินนมแม่โดยไม่ถูกแทรกแซงจากการส่งเสริมการตลาดของบริษัทนมผสม มีเนื้อหาสอดคล้องตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ คนไทยมักเข้าใจว่าควรกินนมแม่แค่ 6 เดือน แต่ความจริงแล้วองค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่กับอาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ซึ่งจากการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพของทารกและเด็กเล็กต่อพัฒนาการและสมองของทารกและเด็กเล็ก พบว่า การให้นมแม่ยิ่งนานจะเพิ่มเชาวน์ปัญญาด้านภาษา (verbal IQ) และเชาวน์ปัญญาด้านการปฏิบัติ (Performance IQ) ดังนั้น เด็กที่กินนมแม่นาน 6 เดือน หรือมากกว่า จะมีเชาวน์ปัญญาด้านภาษามากกว่า 10.2 จุด และเชาวน์ปัญญาด้านการปฏิบัติมากกว่า 6.2 จุด เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ และผลการศึกษาเด็กคลอดก่อนกำหนด 300 คน เมื่ออายุ 7 - 8 ปี พบว่าเด็กได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจะมี IQ สูงกว่า 8.3 เมื่อเปรียบเทียบกับทารกที่กินนมผสม
       
       ด้าน น.ส.นิศาชล เศรษฐไกรกุล หัวหน้าโครงการวิจัยนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายใต้สำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ข้อมูลวารสารการแพทย์ The Lancet และองค์การยูนิเซฟ ระบุ การกินนมแม่จะช่วยป้องกันการตายของเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ได้ถึง 800,000 คนทั่วโลกต่อปี ป้องกันเด็กไทยตายได้ 260 คน ในแต่ละปี และประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปีละกว่า 200 ล้านบาทในไทย องค์การยูนิเซฟสนับสนุนให้ภาครัฐออกกฎหมายตามแนวทางองค์การ อนามัยโลกให้เร็วที่สุด เพื่อให้แม่ได้รับข้อมูลการให้อาหารลูกที่ถูกต้องและเหมาะสม

MGR Online       2 มิถุนายน 2559