เจอทิ้งแผงยาอีก5ล้านเม็ด DSIฟุ้งสาวถึงตัวใหญ่แน่
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบกับ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวง สาธารณสุข (สธ.)และนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เพื่อหารือถึงการสนธิกำลังตรวจสอบทั้งโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน คลินิกและบริษัทยาที่มียอดการสั่งใช้ยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน มากผิดปกติ รวมทั้งแนวทางการดำเนินคดี ก่อนจะประชุมวางแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายนนี้
ธาริตฟุ้งใกล้ฟันแก๊งยาซูโดฯ
นายธาริตกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกรณียาซูโดอีเฟดรีน ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกี่ยวข้องหลายระดับ กล่าว ได้ว่าสามารถต่อจิ๊กซอว์หาความเชื่อมโยงได้เป็นภาพใหญ่แล้ว เหลือเพียงออกไปดูรายละเอียดเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้นว่า เป็นกระบวนการเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังติดตามเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ช็อปปิ้งยา ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อยาตามแหล่งต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ เรื่องการใช้เงินและการใช้โทรศัพท์เชื่อมโยงไปยังตัวบุคคลอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอให้สื่อมวลชนอย่าคาดคั้นถามกรณีดังกล่าว เนื่องจากต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่ยืนยันว่า จะตรวจสอบและคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ รวมถึงให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยภายในเดือนเมษายนนี้ จะได้ข้อมูลที่ชัดเจน ขึ้นในระดับหนึ่ง
พบซองยาเปล่าซูโดทิ้งริมน้ำกก
นายธาริตกล่าวด้วยว่า ล่าสุดดีเอสไอ ได้ประสานกับตำรวจและสายข่าวพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หลังตรวจยึดซองยาแก้หวัดน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม โดยเป็นยาแก้หวัดมีเครื่องหมาย การค้า 8 แห่ง ถูกเผาทำลายอยู่ริมน้ำแม่กก บ้านห้วยน้ำเย็น อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จึงยึดของกลางดังกล่าวไว้สอบสวนขยายผลจากหมายเลขกำกับซองยา หรือลอตนัมเบอร์ว่า เป็นยาแก้หวัดที่ถูกสั่งออกมาจากโรงพยาบาล ใด ทั้งนี้ เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบซึ่งถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ หลักฐานที่พบเพิ่มเป็นประโยชน์ในการติดตาม แกะรอยขบวนการลักลอบส่งยาแก้หวัดให้ขบวนการผลิตยาเสพติดอย่างมาก โดยจะใช้เป็นข้อมูลสอบสวนเชิงลึก คาดว่าเหตุที่คนร้ายนำซองยาแก้หวัดมาทิ้ง เพราะถูกกดดันอย่างหนักจากทุกหน่วยงาน
นำไปผลิตยาบ้าได้15ล้านเม็ด
ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. วันที่ 28 มีนาคม มีประชาชนพบกล่องยาแก้ไอและยาซูโด อีเฟดรีนที่แกะแล้วทิ้งไว้ในป่าพื้นที่หมู่ 11 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จำนวน 15-17 ชนิด เมื่อแกะเป็นยาเม็ดออกมาแล้วได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเม็ด ต่อมา พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ส.ภาค 5 รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.ชำนาญเปิดเผยว่า แผงยาดังกล่าวคิดว่าน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่พบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.สันกำแพง ขอเวลา 3-4 วัน จึงจะรู้ว่า ยาดังกล่าวใครเป็น เจ้าของ หลังจากนั้นตำรวจจะนำเจ้าของยา มาดำเนินคดีต่อไป
นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส.ภาค.5 กล่าวว่า แผงยาที่พบเบื้องต้นทราบว่า มาจาก อ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวน 5 ล้านเม็ด หากนำไปเป็นสารผลิตยาบ้าสามารถผลิตได้ถึง 15 ล้านเม็ด ซึ่งแผงยาที่พบกว่า 60% เป็นยาซูโดฯ เชื่อว่าน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกับที่พบแผงยาครั้งที่ผ่านมา
เชื่อขยายผลถึงตัวการใหญ่ได้แน่
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ. สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีทุจริตเบิกยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน กล่าวว่า กรณีพบซองยาน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ถูกเผาทิ้ง จะเป็นประโยชน์ในการสืบสวนมากกว่าเจอยาแก้หวัดด้วยซ้ำ เพราะที่ซองยาแก้หวัดจะมีรายละเอียดถึงแหล่ง ที่มาที่ไปของยา เชื่อว่าจะใช้เป็นเบาะแสขยายผล ไปถึงตัวการใหญ่ได้
เด้งผอ.-เภสัชกรทองแสนขัน
ด้าน นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกรประจำ รพ.ทองแสนขัน ลอบขายยาแก้หวัดซูโด อีเฟดรีนและถูกแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตรา 157 พร้อมถูกตั้งกรรมการสอบเอาผิดวินัยร้ายแรง รวมพ่วงถึง นพ.สาโรจน์ ใจมุข ผอ.รพ.ทองแสนขัน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกับ นายธีรพงษ์ ในฐานะเซ็น สั่งจ่ายเช็คเงินสดของธนคารกรุงเทพ เพื่อจ่ายค่ายาซูโดฯให้กับบริษัทยา ว่า ผลสรุปความผิดทางวินัยร้ายแรงของ นายธีรพงษ์ ยังไม่ออก เนื่องจากคณะกรรมการสอบกำลังรอเอกสารจากธนาคารกรุงเทพ สาขาทองแสนขัน อยู่ ในส่วนของ นพ.สาโรจน์ มีคำสั่งด่วนจาก สธ.ให้ไปช่วยราชการที่กระทรวงพร้อมกับ นายธีรพงษ์ แล้วให้ นพ.ทศนาถ อำพนนวรัตน์ ผอ.รพ.พิชัย ไปรักษาราชการแทน ผอ.รพ. ทองแสนขัน อีกหนึ่งตำแหน่ง มีผลตั้งแต่ วันที่ 28 มีนาคมนี้
คุ้มกันเภสัชกาฬสินธุ์หวั่นตัดตอน
ส่วนความคืบหน้ายาซูโดอีเฟดรีน หายจาก รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กว่า 3.5 แสนเม็ด นั้น ล่าสุด พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวว่า ยาซูโดอีเฟดรีนที่หายจากโรงพยาบาลหลายแห่งถูกนำไปเชื่อมโยง กับเครือข่ายยาเสพติด โดยเฉพาะดีเอสไอเน้นการเจาะหาเครือข่ายแหล่งปล่อยยาและเครือข่ายผลิตยาบ้า ซึ่งเรื่องนี้เภสัชกรรม รพ.กมลาไสย ผู้ต้องหาเริ่มให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ยังซัดทอดแหล่งปล่อยยาไปที่ จ.ร้อยเอ็ด ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า อาจถูกตัดตอน
เพื่อไม่ให้สาวไปถึงขบวนการใหญ่ ซึ่งทางตำรวจพร้อมเข้าคุ้มกัน แต่ขณะนี้เภสัชกร ผู้ต้องหาได้ไปช่วยราชการที่ สธ.จึงยังไม่ได้ประสานมา ด้านสำนวนคดีทาง สภ.กมลาไสย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ครบสมบูรณ์และชัดเจนแล้วว่า เจ้าหน้าที่เภสัชนำยาออกไปโรงพยาบาลจริง เบื้องต้นได้รับการประสาน
จากดีเอสไอว่า จะมารับสำนวนสอบสวนวันที่ 30 มีนาคม ในส่วน ผอ.รพ.กมลาไสย ตำรวจ จะไม่เชิญมาให้ปากคำ เนื่องจากจะเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ที่จะทำการสอบสวนต่อไป
ลำปางยันยาหายกว่า4พันเม็ด
ขณะที่ นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ลำปาง กล่าวว่า ทั้งจังหวัดมี 13 โรงพยาบาลของรัฐ โดยเป็นโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง 1 แห่ง อีก 12 แห่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ ซึ่งมีเพียง โรงพยาบาลเสริมงาม อ.เสริมงาม เท่านั้น ที่เบิกจ่ายผิดปกติกว่า 4 พันเม็ด ซึ่งตรวจพบว่า เภสัชกรหญิงที่เป็นข้าราชการของโรงพยาบาล มีหน้าที่ดูแลการสั่งซื้อยาของโรงพยาบาล และยังมีร้านขายยาในพื้นที่ อ.เสริมงาม แต่ใช้ชื่อโรงพยาบาลเสริมงาม ทั้งนี้ หลังตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเภสัชกรคนดังกล่าวชี้แจงว่า ได้นำยาทั้งหมดที่สั่งซื้อเกินจริงนำไปขายในร้านขายยาของตนเอง สาเหตุที่ใช้ชื่อของโรงพยาบาลซื้อนั้น เนื่องจาก ต้องการได้ยาดังกล่าวมาขาย เนื่องจากสามารถ สั่งซื้อได้จำนวนจำกัด ซึ่งยอดการสั่งซื้อยา
ซูโดอีเฟดรีนที่เกินนั้นเภสัชกรได้มีการชำระค่าใช้จ่ายไปแล้ว โดยทางโรงพยาบาลเสริมงามไม่มีปัญหาค้างชำระค่าซื้อยา อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิน ขึ้นนี้ ทางเภสัชกรได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากราชการไปก่อน ที่เรื่องจะมาดังขึ้นอีกครั้งว่าโรงพยาบาลเสริมงามพบความผิดปกติของยาซูโดอีเฟดรีน
แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555