ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เตือน 'โจ๋' ฉีดสาร 'ฟิลเลอร์' หวังสวย ระวังถึงขั้นตาบอด  (อ่าน 925 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9782
    • ดูรายละเอียด
สธ.เตือนวัยรุ่น วัยดึก ที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ เนรมิตความสวยทันใจสไตล์เกาหลี กระชากวัย ระวังโดนของปลอมราคาถูก ไม่ขึ้นทะเบียน อย. เสี่ยงตาบอดใน 2 ชั่วโมง หากฉีดโดนเส้นเลือด

วันที่ 11 มี.ค. นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังและรองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระแสความนิยมฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ซึ่งเป็นการใช้สารสังเคราะห์มาช่วยเสริมความงาม โดยเฉพาะบนใบหน้า เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มากับวัย ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัยจริง และยังใช้เสริมสร้างความโดดเด่นบนใบหน้า เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นทั้งหญิงและชาย เช่น ฉีดบริเวณสันจมูกให้โด่งขึ้นแทนการผ่าตัดใส่ซิลิโคนแท่ง ฉีดคางให้ใบหน้าดูเรียวเล็กคล้ายเกาหลี กำลังเป็นที่นิยมของคนไทยเนื่องจากสะดวกในการรับบริการ ไม่เจ็บตัว สวยได้ทันตาเห็นภายใน 10 นาทีหลังฉีด และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเหมือนการผ่าตัด

นายแพทย์จิโรจกล่าวว่า สารฟิลเลอร์ที่ใช้กันขณะนี้มีหลายชนิด หลายยี่ห้อ หลายราคา โดยมีการนำเข้าจากหลายประเทศ ซึ่งต้องขออนุญาตนำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ก่อน หากไม่ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองความปลอดภัยจาก อย. จะถือว่าเป็นเครื่องสำอางเถื่อน โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้เรื่องของความสวยความงาม นิยมฉีดลบริ้วรอย ลบร่องลึก ข้อดีของสารดังกล่าวคือ ไม่กระตุ้นภูมิแพ้ หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น ส่วนข้อเสียคือ หากหลังฉีดเข้าไปแล้วจะแก้ไขโดยวิธีการดูดเอาออกมาทำได้ยาก โดยสารฟิลเลอร์นี้จะอยู่ในร่างกายไม่คงทนถาวร อยู่ได้ประมาณ 8 เดือนจนถึง 2 ปีและจะค่อยๆ สลายไปเอง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ โดยปริมาณการใช้มากน้อย ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ที่ต้องการฉีดแต่อย่างใด

“เรื่องที่น่าห่วงคือหลังจากที่มีกระแสนิยมในเรื่องนี้มากๆ พบว่ามีการลักลอบฉีดซิลิโคนเหลวแทนสารฟิลเลอร์ และมีการลักลอบฉีดฟิลเลอร์ โดยผู้ฉีดไม่ใช่แพทย์ และมีการโฆษณาตามเว็บไซต์ หรือเร่ฉีดตามรถตู้ ตามคอนโด ซึ่งจะมีราคาค่าบริการถูกลง เพราะใช้สารฟิลเลอร์ปลอมหรือสารฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ซึ่งผิดกฎหมาย และมีผลเสียที่ร้ายแรงมาก เพราะหากเป็นสารฟิลเลอร์ปลอม ไม่มีมาตรฐาน อย. รวมทั้งฉีดกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจเกิดความผิดพลาด เช่นกรณีฉีดเสริมสันจมูก หากฉีดถูกเส้นเลือด สารฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดในเส้นเลือดและเข้าไปกดทับเส้นเลือดดำระหว่างหัวคิ้ว ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ จนถึงขั้นตาบอดได้ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง หรือสารฟิลเลอร์อาจเข้าไปในกระแสเลือด วิ่งสู่สมองได้ หรือทำให้เส้นเลือดแตก เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้ ที่ผ่านมายังไม่พบมีการแพ้สารชนิดนี้” นายแพทย์จิโรจกล่าว

นพ.จิโรจ กล่าวต่อว่า ขอเตือนวัยรุ่นที่คิดจะเสียเงินฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความงาม มีจมูกแบบเกาหลี ขอให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน เลือกประเภทฟิลเลอร์และสถานที่เข้ารับบริการว่าปลอดภัย และควรไปทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยปรึกษาแพทย์ที่จะฉีดถึงสารที่ใช้ ยี่ห้อ ดูกล่อง ฉลาก และความสะอาด เพราะความอยากสวยในเวลารวดเร็ว ราคาถูก อาจทำให้เสียใจและเสียชีวิตในภายหลังได้

ทั้งนี้ ลักษณะของสารฟิลเลอร์จะใสคล้ายๆ กับเจล โดยสารที่นำมาใช้ฉีดฟิลเลอร์ มี 4 ชนิด ได้แก่

1. ใช้ไขมันจากหน้าท้องของตัวเองมาฉีดเติมที่แก้ม ชนิดนี้ใช้กันเมื่อหลายปีก่อน

2. ซิลิโคนเหลว แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้ เนื่องจากพบปัญหาการแพ้สารซิลิโคน เกิดปัญหาซิลิโคนไหลย้อย และเกิดพังผืดบริเวณที่ฉีด ทำให้เป็นก้อนแข็งตามมาหลังจากฉีดไปนานๆ

3. คอลลาเจน (collagen) ซึ่งเป็นสารสกัดหรือสารสังเคราะห์จากไขมันสัตว์ เช่น จากไขมันวัว อาจทำให้เกิดปัญหาการแพ้โปรตีนได้ ดังนั้นก่อนฉีดสารฟิลเลอร์ชนิดนี้ จึงต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ ว่าแพ้สารดังกล่าวหรือไม่

4.สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารอุ้มน้ำที่มีอยู่ในชั้นหนังแท้และมีในร่างกายของคน บางชนิดเป็นสารที่สกัดมาจากสัตว์ บางชนิดเป็นการสังเคราะห์ทางชีวภาพ สกัดมาจากน้ำตาลที่ถูกย่อยโดยแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus bacteria) สารไฮยาลูโรนิก แอซิดนี้ มีข้อดีคือปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดการแพ้ ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด และหากฉีดไปแล้วไม่พอใจ ก็สามารถแก้ไขได้ โดยแพทย์จะฉีดสารละลายแก้ไข เรียกว่าสารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไป เพื่อสลายสารไฮยาลูโรนิค แอซิด ให้ยุบตัวลง


ไทยรัฐออนไลน์ 11 มีค 2555